ตอนที่ 31 น้ำหิมะ
หวังหลินมองอย่างรู้ใจก่อนจะถามไป “จะเอาเท่าไหร่หละ?”
หวังเฮ่าลังเล “ข้าขอแค่สองร้อยใบ!”
“เยอะไปไหม? เจ้าจะเอามันไปใช้ทำอะไรกันตั้งเยอะแยะ?” หวังหลินตกใจ แต่เขาก็ให้ยันต์เซียนสองร้อยใบอย่างว่าง่าย เดือนที่ผ่านมาเขาได้รับมาห้าร้อยใบจากสินบน
หวังเฮ่าสูดหายใจลึกพูดด้วยใบหน้าขมขื่น “พี่ไท้จู มีเวลาแค่สองเดือนก่อนจะเข้าการแข่งขันในสิ้นปี ถึงแม้ว่าข้าจะมีคุณสมบัติเข้าร่วมได้ แต่ก็ไม่มีความสามารถที่จะได้ตำแหน่งที่ดี ข้าไม่เต็มใจปล่อยให้โอกาสผ่านไป ส่วนไอ้สารเลวหวังจัวนั้นข้าได้ยินมาว่ามันเข้าขั้นแรกระดับรวบรวมลมปราณแล้วและกำลังพยายามเข้าสู่ระดับสอง”
“อัตราฝึกฝนเร็วขนาดนั้นมันทำได้ยังไงกัน?” หวังหลินไม่ได้เจอหวังจัวมานานมาแล้ว เมื่อได้ยินก็พลันตกใจ พรสวรรค์เป็นสิ่งที่สำคัญมาก
หวังเฮ่าเผยท่าทีโกรธและพูดขึ้น “เพราะมันได้อาจารย์ดี อาจารย์ท่านนั้นไม่สนเรื่องค่าใช้จ่าย เขาขอร้องอาจารย์ข้าเพื่อให้ปรุงเม็ดยาสร้างพื้นฐาน มันเป็นเม็ดยาที่ล้ำค่ามากในสำนัก หลังจากกินเข้าไป ความเร็วการบ่มเพาะจะเพิ่มขึ้นอย่างมากทีเดียว”
หวังหลินพยักหน้าและถามต่อ “แล้วมันเกี่ยวข้องกับที่เจ้ามายืมยันต์เซียนยังไง?”
หวังเฮ่าพึมพำ “ก็เพราะมันมีความเกี่ยวข้องกันนี่ไงเล่า ท่านไม่ได้คุยกับคนอื่นจึงไม่รู้ว่าหนึ่งเดือนก่อนจัดการแข่งขัน ศิษย์สายในจะนำของมาแปลกเปลี่ยนกัน ทุกคนจะนำสมบัติของตัวเองมาแปลกเปลี่ยนเพื่อเตรียมตัวครั้งสุดท้าย ข้าได้ยินจากผู้อาวุโสที่เคยเข้าร่วมมาก่อนคุยกันว่า การแลกเปลี่ยนครั้งนี้มีแม้แต่กระบี่เหิน อาวุธวิเศษ ยาอมตะ และอีกอะไรเยอะแยะ” หวังเฮ่ากระซิบและขยิบตา
หวังหลินได้ยินเรื่องน่าสนใจเข้าแล้ว หัวใจพองโต เขาไม่สนใจกระบี่เหินหรืออาวุธวิเศษอะไรทั้งนั้นแต่ต้องการบทร่ายขั้นรวบรวมลมปราณซึ่งสำคัญสำหรับเขาเพียงอย่างเดียว มันจะเพิ่มโอกาสและอนาคตให้ดีขึ้น บางทีเขาคงต้องแลกเปลี่ยนกับคนอื่นบ้างแล้ว “พวกศิษย์สายในที่มาแลกเปลี่ยนกับคนอื่นจะเชื่อใจแค่ไหน?”
หวังเฮ่าหัวเราะและพูดขึ้นอีก “พี่ไท้จู นั่นเป็นคำถามที่สำคัญที่สุด กฏหนึ่งข้อในการแลกเปลี่ยนและยังจำเป็นต้องใช้เพื่อเข้าไปแลกเปลี่ยนนั่นก็คือ เม็ดยาจำแลง หลังจากกินมันเข้าไป แม้ว่าคนที่อยู่ระดับขั้นพื้นฐานลมปราณก็ไม่สามารถตรวจสอบท่านได้”
หวังหลินตาเป็นประกายก่อนจะพูดขึ้น “เจ้าจะยืมยันต์เซียนพวกนี้เพื่อยานั่นหรือ?”
หวังเฮ่าตกใจ เขาพยักหน้าและพูดขึ้น ”พี่ไท้จูท่านฉลาดจริงๆ ใช่แล้วหละ ยานั้นผูดขาดจากท่านอาจารย์ข้าและช่วงเวลาแบบนี้ ท่านก็จะขายลับๆในตลาดราคาเม็ดละสองร้อยยันต์เซียน”
หวังหลินขบคิดเล็กน้อยและพูดขึ้น “การแลกเปลี่ยนนี้มีแต่เรื่องน่าสนใจจริงๆ ข้าคงต้องไปดูเองแล้วหละ!”
หวังเฮ่าพูดอย่างเร่งรีบ “ใช่แล้ว แค่มีเม็ดยาจำแลงก็สามารถผ่านเข้าไปได้ เป้าหมายในตอนนี้คือเม็ดยาสร้างพื้นฐาน ข้าได้ยินว่าตอนนี้มีศิษย์คนหนึ่งกำลังขายมัน!”
หวังหลินพลิกมือและดึงยันต์เซียนจำนวน 400 แผ่นออกมาถือไว้ เขาแบ่งเป็นสี่ปึก ปึกละร้อย
หวังเฮ่าตาสว่างขึ้นรีบหยิบยันต์เซียนใส่กระเป๋าก่อนจะพูดอย่างตื่นเต้น “พี่ไท้จู ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน ข้าจะมาหาท่านก่อน จากนั้นพวกเราค่อยไปด้วยกัน”
หวังหลินพยักหน้า หลังจากคุยด้วยเล็กน้อยหวังเฮ่าก็ขอตัวจากไป
หลังจากหวังเฮ่ากลับไป หวังหลินได้เตรียมสิ่งของสำคัญเพื่อแลกเปลี่ยนด้วย ซึ่งนั่นจะเป็นโอกาสที่เขาจะได้รับบทร่ายขั้นรวบรวมลมปราณระดับต่อไป
เขาไม่มีสิ่งของมีค่าอะไร ยันต์เซียนทั้งหมดใช้เพื่อซื้อเม็ดยาจำแลงไปแล้ว หลังจากคิดอยู่สักพักจึงตัดสินใจนำน้ำแร่ที่มีพลังปราณไป มันน่าจะสามารถดึงดูดได้หลายคน
ด้วยความช่วยเหลือของเม็ดยาจำแลง จะไม่มีใครระบุตัวตนเขาได้
พอคิดได้เช่นนี้ หวังหลินไม่คิดอะไรอย่างอื่นอีก เขายังเข้าไปในมิติความฝันไม่ได้ดังนั้นจึงเริ่มฝึกวิชาแรงโน้มถ่วงบนหินขนาดใหญ่ในโรงเรือน
หวังหลินฝึกซ้อมวิชาโน้มถ่วงมากกว่าหมื่นครั้งในมิติความฝัน ซึ่งทำให้เขาชำนาญมากขึ้น ถ้าใช้กับน้ำเต้ามีโอกาสสำเร็จสิบในสิบครั้ง ตอนนี้ทุกวันเขาจะควบคุมด้วยมือเพื่อหยิบของเล็กๆน้อยๆไปแล้ว
ถ้าขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยโอกาสสำเร็จจะลดน้อยลง แต่ด้วยพลังปราณที่ยังเพิ่มขึ้นนี้หลังจากเขาเข้าสู่ระดับสอง วิชาโน้มถ่วงก็ได้แสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา
หลังจากฝึกกับหินใหญ่ไปสองสามชั่วโมงท้องฟ้าก็มืดครึ้ม หิมะตกด้านนอกแต่หวังหลินยังไม่เข้าไปมิติความฝันทันที เขายืนที่ทางเข้าประตูและจ้องไปที่เกล็ดหิมะอย่างครุ่นคิด
หนึ่งเดือนก่อนขณะที่เขากำลังฝึกฝนอยู่ระดับสอง หวังหลินพบกับปัญหาบางอย่าง ผลลัพธ์จากน้ำแร่ธรรมชาติที่มีพลังปราณเป็นส่วนผสมได้ลดน้อยลง แม้ว่าผลลัพธ์ที่ลดลงจะน้อยมากแต่พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นทำให้เขาวิตกกังวล
เขากลัวว่าเมื่อระดับรวบรวมปราณสูงขึ้นและสูงขึ้น วันหนึ่งพลังปราณจากน้ำแร่จะไม่เกิดผล
การจุ่มกับหินลูกปัดลึกลับด้วยน้ำค้างเป็นผลดีที่สุด ตามด้วยน้ำแร่ธรรมชาติ แต่การเก็บสะสมเป็นไปอย่างเชื่องช้ามันจึงมีไม่พอใช้และมันไม่มีในฤดูหนาว มีแค่น้ำในฤดูใบไม้ผลิที่ง่ายที่สุด ส่วนใหญ่มักจะใช้ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ถ้าน้ำในฤดูใบไม้ผลิไม่ให้ผลลัพธ์ในวันนึงหละก็ หวังหลินจำเป็นต้องหาสิ่งอื่นมาทดแทน
เขาเลื่อนมืออกมาเล็กน้อยเพื่อใช้วิชาโน้มถ่วง ปั้นหิมะเป็นก้อนนำไปเก็บไว้ในหม้อขนาดใหญ่ในห้อง
เวลาต่อมาหวังหลินเก็บหิมะได้ครึ่งหม้อ หยุดใช้วิชาแรงโน้มถ่วงและมายืนอยู่ข้างหน้าหม้ออันใหญ่ เขาใช้มือข้างเดียวจับและพยายามอยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็สร้างบอลอัคคีขนาดเท่ากำปั้นเด็กได้ บอลอัคคีหลอมละลายหิมะอย่างรวดเร็ว
หลังจากหิมะละลายหมด หวังหลินเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก เขาใช้พลังสองอย่างในครั้งเดียวทำให้อ่อนเพลียยิ่ง
ในหม้อแล้วไม่หลงเหลือหิมะแล้ว เขาโยนลูกปัดใส่เข้าไปข้างในและหยิบมันออกในสิบนาทีต่อมา
หวังหลินเข้าใจหินลูกปัดอันลึกลับมาอย่างถี่ถ้วน เมื่อนำไปจุ่มกับน้ำแร่ธรรมชาติมีขีดจำกัดคือสิบนาที เขาลองทดสอบจุ่มให้นานกว่านั้นแต่กลับพบว่าผลลัพธ์ก็ได้เหมือนเดิม
หวังหลินดื่มน้ำเข้าไปจากนั้นหลับตาและตรวจสอบพลังปราณที่เปลี่ยนแปลงในร่างกายตนเอง ขณะหนึ่งต่อมาเขาก็ลืมตาพึมพำขึ้น “ผลลัพธ์ดีกว่าน้ำแร่เสียอีก แต่ก็ยังน้อยกว่าน้ำค้าง มันสามารถใช้ได้!”
เขาหยิบน้ำเต้าจากกระเป๋าออกมาหลายชิ้น น้ำเต้าทุกชิ้นหวังหลินเก็บได้จากในภูเขา หลังจากทำงานมาทั้งคืน หิมะในลานกว้างก็หายไปหมด หิมะได้เติมเต็มน้ำเต้าด้วยน้ำพลังปราณ!
…………………………………….