บทที่ 104 ภัยพิบัติแสนเศร้า (จบ)

ตอนที่ 104 ภัยพิบัติแสนเศร้า (จบ)

หวังหลินไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน มันเป็นความเจ็บปวดราวกับต้องการควักหัวใจออกมา ราวกับเลือดในร่างทั้งหมดถูกดูดออกในทันที อาการวิงเวียนปะทะเข้ากับศีรษะอย่างจัง

หวังหลินต่อต้านอาการปวดที่เกิดขึ้นพลางวิ่งอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับมาเห็นทั้งสามคนกำลังตามล่าจากด้านหลัง หวังหลินสายตาเย็นเยือกพลันเปลี่ยนทิศทางไปยังตำแหน่งที่สำนักซากศพกำลังรวมกันอยู่

ลำแสงสี่เส้นข้ามผ่านหุบเขาจูหมิงอย่างรวดเร็ว

ในหัวของหวังเฮ่าและหวังจัวมีเพียงความคิดหวาดกลัวและทำอะไรไม่ถูก ทั้งสองไม่กล้าขยับเขยื้อนพลางมองดูหวังเถาและน้องสาวตายต่อหน้าต่อตา

เซียนราวกับเทพคนนั้นเผยใบหน้าอันซับซ้อน เขาถอนหายใจ หันหลังกลับราวกับไม่อยากดูต่อ

เถิงฮว่าหยวนยิ้มขึ้นพลางเดินเข้าไปในบ้าน เขาซ่อนแขนตัวเองไว้ในชุด พอผายออกมาอีกครั้งมีวงแหวนสีม่วงปรากฏขึ้นมาป้องกันผู้คนจากการหลบหนี

จากนั้นก้าวเดินเข้าไปหนึ่งในบ้านข้างๆซึ่งเป็นบ้านที่เหล่าคนรับใช้อาศัยอยู่ คลื่นเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองออกมาจากบ้าน กระแสควันสีเหลืองเก็บรวมไว้ในธงผืนนั้น

ใบหน้าอันเจ็บปวดประมาณ 7-8 คนของคนรับใช้ตระกูลหวังปรากฏขึ้นบนผืนธง เถิงฮว่าหยวนยังไม่หยุดแค่นี้ เขาเดินไปบ้านหลังต่อไปยิ่งมีใบหน้าอันหวาดกลัวติดตามเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ร่างหวังเฮ่าสั่นสะท้าน เขาต้องการขัดขวางแต่ไม่สามารถกล่าวอะไรออกไปได้

ไม่นานนักคนรับใช้ตระกูลหวังทั้งหมดจึงกลายเป็นเหล่าภูติผี และใบหน้าของเถิงฮว่าหยวนรุนแรงมากขึ้น คนที่เหลือของตระกูลหวังตื่นตัวจากเสียงหวาดกลัวและพยายามหลบหนี แต่แล้วพบว่าแสงสีม่วงกำลังป้องกันไม่ให้พวกเขาหลบหนีไปได้

มีเพียงเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองดังออกมาจากข้างนอก ความหวาดกลัวทำให้ทั้งตระกูลหวังตกอยู่ในความวุ่นวาย

เถิงฮว่าหยวนพึมพำกับตัวเอง “หลี่เอ้อ เพราะมันฆ่าเจ้า ข้าจึงตามมาฆ่าล้างตระกูลมันเพื่อล้างแค้นให้” จบคำนั้นเขาเดินเข้าไปอีกห้องหนึ่ง

ร่างกายหวังเฮ่าสั่นราวกับมีพลังส่วนหนึ่งพุ่งออกมาจากภายใน เขาเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวพลันตะโกนออกมาเสียงดัง “ไม่!…...”

เถิงฮว่าหยวนหันกลับมาและเยาะเย้ย โบกมือคราหนึ่ง ทันใดนั้นบ้านทั้งหลังกลายเป็นฝุ่นในพริบตาเผยเป็นหนึ่งบุรุษและสตรีที่ใบหน้าตกอยู่ในความกลัว

ชายหญิงสองคนนี้คือลุงสามและป้าสามของหวังหลินซึ่งเป็นพ่อแม่ของหวังเฮ่า

เถิงฮว่าหยวนเอื้อมมือขวาออกไป ทันใดนั้นพ่อของหวังเฮ่าลอยขึ้นไปบนอากาศพร้อมกับกุมคอตัวเอง ใบหน้าสีแดงเถือก อ้าปากแสดงอาการทุกข์ทรมาน

ดวงตาของหวังเฮ่าแดงฉานขณะที่หยดน้ำตาไหลออกมา เขาส่งเสียงร้องขณะที่กำลังจะวิ่งออกไปหวังจัวก็ดึงเขากลับมา หวังจัวกระซิบขึ้น “หวังเฮ่า อย่าออกไป คนคนนั้นเป็นถึงเซียนขั้นวิญญาณแรกกำเนิด”

เถิงฮว่าหยวนเยาะเย้ย มือขวาเขาบิดลงเสียงดังปัง ศีรษะของพ่อหวังเฮ่าแตกละเอียด ร่างกายหล่นลงบนพื้น จากนั้นวิญญาณเขาก็ลอยออกมาและถูกกักเก็บไว้ในธง

“ไม่นะ!!” หวังเฮ่าร้องเสียงแหบ หน้าอกเขารู้สึกเจ็บปวดทรมานพร้อมๆกับไอออกมาเป็นเลือด เขามองร่างบิดาข้างหน้า “ทำไม...ทำไมกัน….”

เถิงฮว่าหยวนจับมารดาของหวังเฮ่าขึ้นอีกครั้ง บดขยี้ศีรษะและโยนนางไปด้านหน้าหวังเฮ่า

ร่างหวังเฮ่าสั่นสะท้าน กระอักออกมาเป็นลิ่มเลือดจนตัวงออยู่บนพื้น เขากุมร่างมารดาของตัวเอง น้ำตาไหลรินหยดเป็นสาย “ทำไม!?”

ใบหน้าเถิงฮว่าหยวนมืดหม่น กวาดแขนเกิดแสงสีม่วงเรืองรอง บ้านทั้งหมดกลายเป็นฝุ่น มีคนราวๆสี่สิบคนบนผืนดิน ทั้งหมดคือครอบครัวตระกูลหวัง

สตรีหลายคนเริ่มร้องไห้ สายตาพวกเขาเต็มไปด้วยความกลัว นอกจากคนที่ยังมีชีวิตอยู่ มีเพียงร่างศพที่ไร้หัวต่อหน้าต่อตา

เถิงฮว่าหยวนยิ้มขึ้นจับชายคนหนึ่งขึ้นมา คนผู้นี้คือลุงสามของหวังหลิน ตอนนี้เขาเป็นผู้อาวุโสของตระกูลหวัง

วิญญาณเขาพลันถูกเถิงฮว่าหยวนฉกชิงไปและตายทันที ท่ามกลางเสียงกรีดร้องรอบด้าน หวังเฮ่าจ้องฉากเหตุการณ์พวกนี้อย่างตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก เขาไม่ทันสังเกตว่ามือของหวังจัวที่หยุดเขาไว้ตอนนี้เต็มไปด้วยเลือดท่วมร่าง หวังจัวไม่กล้ามองครอบครัวของตัวเอง เขากดใบหน้าลง ดวงตาบวมเป่ง

ลุงสี่ของหวังหลินเป็นคนกล้าได้กล้าเสีย ดังนั้นเขาจึงมีความกล้ามากกว่าคนอื่น เขาเผยรอยยิ้มเกรี้ยวกราดและดูเหมือนจะมีความคิดอะไรบางอย่าง ภรรยาเขาตายเมื่อหนึ่งปีก่อนและลูกชายก็ได้ถูกส่งไปที่สำนักยุทธ ดังนั้นเขาจึงเดินออกไปและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด

“ท่านเซียน ตระกูลหวังของข้าไปทำอะไรขัดใจท่าน? ข้ารู้ว่าพวกเราคนธรรมดาก็เหมือนกับมดในสายตาท่าน แต่แม้กระทั่งหมดก็ต้องการอยากรู้สาเหตุพวกนี้คืออะไร”

เซียนราวกับเทพคนนั้นปล่อยน้ำเสียงประหลาดใจพลางตรวจสอบชายคนนี้

“ทำไมน่ะรึ?” เถิงฮว่าหยวนชี้ไปที่พวกเหล่าคนที่ตายไปแล้ว โลหิตพุ่งกระจายทุกหนแห่งและร่างกายแยกออกจากกัน

“คนจากตระกูลหวังของเจ้าได้กล้าสังหารหลานชายข้า ดังนั้นข้าจึงตัดสินใจที่จะมากวาดล้างทั้งตระกูลของมัน!” ทันใดนั้นเขายกมือขวาขึ้นไปบนอากาศ มีคนตายเพิ่มขึ้นสิบคน

หวังเฮ่าต้องการจะพุ่งออกไปแต่กลับถูกหวังจัวห้ามไว้อีกครั้ง ใบหน้าหวังจัวเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เขากระซิบกับหวังเฮ่า “หวังเฮ่า ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเกิดอะไรขึ้น พวกเราต้องมีชีวิตรอดให้ได้ มีเพียงการรอดชีวิตเท่านั้นถึงจะสามารถล้างแค้นได้!”

ลุงสี่ของหวังหลินยิ้มอย่างขมขื่นและพูดออกมา “ท่านเซียน คนของตระกูลหวังจะไปฆ่าหลานชายท่านได้เยี่ยงไรกัน? ในอดีตที่ผ่านมาร้อยปี ตระกูลหวังมีเซียนเพียงสามคนเท่านั้น...” ทันใดนั้นเขาหยุดพูดราวกับตระหนักอะไรบางอย่างได้

เหล่าคนที่กำลังหนีเอาชีวิตรอดรวมทั้งพ่อของหวังจัวคุกเข่าลงบนพื้นและพูดขึ้น “ท่านเซียน หรือว่าคนที่ฆ่าหลานชายท่านจะชื่อหวังหลิน?”

แสงเยือกเย็นกระพริบผ่านสายตาเถิงฮว่าหยวนขณะที่เขาลอบครุ่นคิด “หวังหลิน...อา...มันชื่อหวังหลิน!” เขามองที่พ่อของหวังจัว ยื่นมือออกไปและจับไปที่เขา มองดูสายตาของพ่อหวังจัวและเน้นคำพูด “บอกข้ามาทุกอย่างที่เจ้ารู้เกี่ยวกับหวังหลิน!”

พ่อของหวังจัวรีบพูดทุกอย่างเกี่ยวกับหวังหลินรวมไปถึงสถานที่ที่ครอบครัวเขาอาศัยอยู่ ทั้งยังคิดชั่วร้ายในใจ ‘ตาย พวกแกทุกคนต้องตาย! แม้ข้าไม่ได้ถูกเจ้าฆ่า ตระกูลหวังก็ตายหมดอยู่แล้ว ดังนั้นครอบครัวเจ้าก็ควรจะตายด้วย!’

หลังจากเถิงฮว่าหยวนฟังจบ เขาหัวเราะออกมา จากนั้นหุบฝ่ามือและเมื่อมันหงายออกก็ปรากฏบอลอัสนีขึ้น เขาผลักมันออกไปด้านหน้าให้คลื่นวงกลมกระจายออก

พ่อของหวังจัวเป็นคนที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อปะทะกับคลื่นกระแทก ร่างกายเขาสั่นสะท้านและกลายเป็นฝุ่นผงจนเหลือเพียงเสื้อผ้า ยามระลอกคลื่นกระจายออก ทุกคนที่สัมผัสมันจะตายทันทีและมีเพียงวิญญาณเท่านั้นที่จะถูกรวบรวมไปไว้ในผืนธง

เมื่อคลื่นกำลังปะทะกับลุงสี่ของหวังหลิน เขาหลับตาลงเรียบร้อย แต่แสงสีขาวปกคลุมร่างอย่างอ่อนโยนและป้องกันบอลอัสนีนั้นได้

เถิงฮว่าหยวนหันกลับไปและจ้องไปที่เซียนราวกับเทพผู้นั้น

เซียนคนนั้นถอนหายใจ “สหายเถิงเอ๋ย ละเว้นคนผู้นี้เถิด เขาเป็นประโยชน์กับข้า”

เถิงฮว่าหยวนเย้ยหยันขณะที่ชี้ไปที่หวังจัวและหวังเฮ่า “เจ้าไม่ได้รวมไปถึงสองคนนั้นด้วยใช่ไหม?”

เซียนผู้นั้นยิ้มบางมองไปยังเถิงฮว่าหยวน “สหายเซียนเถิง ทำไมเจ้าถามคำถามที่เห็นได้ชัดขนาดนี้? ข้าไม่อาจหยุดเจ้าได้แน่นอน แต่หากผู้อาวุโสพั่วหนานจื่อถามขึ้น ข้าก็คงต้องเล่าความจริง”

เถิงฮว่าหยวนมองไปที่เซียนคนนั้น เขากระทืบเท้าพลันสิ่งก่อสร้างทั้งตระกูลหวังได้กลายเป็นเศษซากปรักหักพัก

ส่วนหวังจัวและพวก ไม่กล้ามองตามไปเมื่อเห็นว่าเซียนผู้นั้นได้เหินไปทางครอบครัวหวังหลิน

หวังจัวร่างสั่นเทามองซากปรักหักพังตรงหน้า หลังจากคิดเพียงครู่เดียวเขาก็คุกเข่าลงบนพื้นและโขกหัวลงไป หน้าผากรอยเลือดซึมและแสดงออกว่าเคร่งเครียดมาก

หวังเฮ่ากัดฟันแน่นจากนั้นหัวเราะอย่างน่าสังเวชและล้มลงกับพื้น

หวังจัวยืนขึ้นและประคองหวังเฮ่าขึ้นมา เขาคำนับไปทางเซียนราวกับเทพคนนั้นและเหินร่างไปทางสำนักซวนต้าว ความทรงจำทุกอย่างของตระกูลหวังได้ถูกกวาดออกไป

เซียนราวกับเทพคนนั้นถอนหายใจและพลางคิดขึ้น “นี่มันบาปจริงๆ ข้าไม่รู้ว่าสิ่งที่ข้าทำนั้นถูกหรือผิด...แต่ชายผู้นี้ไม่ธรรมดา ข้าจะช่วยเขาที่ข้าทำได้” เมื่อคิดเช่นนี้ เขาโบกแขนเสื้อและหายตัวไปจากตระกูลหวังพร้อมกับลุงสี่ของหวังหลิน

เถิงฮว่าหยวนมาถึงแทบทันทีในหมู่บ้านเล็กๆที่ครอบครัวหวังหลินอาศัยอยู่ ธงขนาดเล็กของเขามีใบหน้าคนตระกูลหวังอยู่มากกว่าร้อยคน ทั้งหมดต่างมีสีหน้าเจ็บปวด

คลื่นเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาจากธงผืนนั้นราวกับสายลมหนาวเย็น

หลังจากมาถึงหมู่บ้าน เขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกมา พอพบกับบ้านของหวังหลินจึงพุ่งเข้าไปหาทันที

สิบห้านาทีต่อมาเถิงฮว่าหยวนเดินออกมาจากบ้านของหวังหลิน มือขวาตีเข้ากับธงพร้อมกับปล่อยเลือดวิญญาณออกมาสัมผัสกับธงจนมันขยายขนาดขึ้น เสียงกรีดร้องระเบิดดังออกมาจากธงผืนนั้นพลางปรากฏคลื่นภายใน ไม่นานนักระลอกคลื่นก็หายไป เผยเป็นฉากเหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นหวังหลินกำลังเคลื่อนที่ภายในป่า

เถิงฮว่าหยวนยิ้มขึ้นและชี้มือขวาไปที่รูปนั้น

ส่วนหวังหลิน เกิดความรู้สึกน่ากลัวที่อธิบายไม่ถูก เขานำทั้งสามคนไปยังตำแหน่งที่กำลังรวบรวมสำนักซากศพ

เจ็บ! เจ็บปวดเหลือเกิน! เจ็บจนแตกสลาย!

ความเจ็บปวดราวกับหวังหลินกำลังจมน้ำ เหล่าเซียนจะมีความอ่อนไหวมากต่อหลายสิ่งหลายอย่าง หวังหลินมีประสบการณ์สัมผัสความเจ็บปวดที่เขาไม่เคยประสบพบเจอมาก่อน ใบหน้าครอบครัวปรากฏขึ้นด้านหน้า

ไม่นานหลังจากนั้น หวังหลินก็เห็นฉากที่เขาจะจดจำมันไปชั่วชีวิต

“ไม่!!!” กระแสโลหิตสองสายไหลออกมาจากนัยน์ตา มันเป็นความเจ็บปวด จนร่างกายสั่นเทาและพลังปราณหยินเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่งในร่างกายจนหลุดจากการควบคุม ต้นไม้ทุกต้นในระยะสิบเมตรรอบตัวกลายเป็นน้ำแข็ง รัศมีแห่งการแช่แข็งได้มีมากขึ้นเรื่อยๆ

เป็นจังหวะที่ “จวี่” ในร่างหวังหลินพุ่งขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด กำลังบรรลุขอบเขตจวี่!

.........................