ถึงแม้ว่าจางหลิงจะห่างกายนางไม่ถึงสองก้านธูป รอบเรือนไม้ซึ่งบุปผชาติส่งกลิ่นหอมอบอวลกว่าเรือนไหนกลับปรากฏนัยน์ตาสีชาดนับสิบคู่
สายตาหิวกระหายจากนอกบานหน้าต่างที่เปิดอ้ากว้างให้ความรู้สึกน่าสะอิดสะเอียน ร่างบางในอาภรณ์สีนิลนั่งหวีเรือนผมของนาง เงี่ยหูฟังเสียงกระซิบผ่านความมืดเรื่องผิวพรรณของปีศาจราตรีขาวละเอียดดั่งดอกบัว กลิ่นเหมยฮวาหอมไกลพันลี้ นางแต่งกายด้วยเนื้อผ้าเบาบางคงมีเจตนายั่วยวนบุรุษ พวกเขาปรารถนาให้จางหลิงเบื่อหน่ายนางในเร็ววัน จะได้ผลัดกันเชยชมแหล่งอาหารวิญญาณชั้นเลิศ
‘เห็นท่านพี่ไม่อยู่เรือน ข้าเลยมาช่วยดูแลความปลอดภัยให้นางแทนท่านอีกแรง’
‘ไม่ใช่ว่าพวกเจ้ากำลังจ้องหาโอกาสล่อลวงนางอยู่หรือ?’
‘ไยท่านคิดเช่นนั้น?’
‘งั้นข้าก็ควรขอบใจเจ้าสินะ จางหย่ง’
‘ไม่เป็นไร ข้ายินดีช่วยเหลือ เพียงแต่... ได้โปรดอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้า’
จางหย่งเป็นผู้จงรักภักดีท่ามกลางตระกูลที่แก่งแย่งชิงดี ในเงื่อนไขว่าเขาต้องได้หญิงงาม แหล่งอาหารวิญญาณต่อจากพี่ชายเป็นคนแรก
จางหลิงเป็นบุตรชายคนโตสุด มีน้องจิ้งจอกอีกสี่ ไม่รวมลูกพี่ลูกน้องและญาติห่าง ๆ ด้วยวิสัยจิ้งจอกนั้นมีบุตรมากมาย ทั้งจิ้งจอกเก้าหางและแปดหางล้วนมีอำนาจล้นมือ ปีศาจร่วมสวามิภักดิ์เกือบครึ่งกองทัพ ส่วนใหญ่เป็นปีศาจระดับกลางและระดับล่าง เหล่าอาวุโสจิ้งจอกให้ท้ายพวกเขา นั่นเป็นเหตุผลให้จางหลิงจำต้องถนอมน้ำใจอยู่บ้าง
‘เอาไว้ข้าจะส่งสตรีปีศาจและลูกแก้ววิญญาณไปให้เจ้า ปีศาจสาวในเรือน เจ้าชอบใครก็พาไป ต้องไม่ใช่ภรรยาข้า นางเป็นของข้า’
คำว่า ‘ภรรยา’ พาลพาให้ใจเต้นเร็วแรง ถิงถิงรับรู้ถึงนัยน์ตาสีชาดคู่หนึ่งสบมองมา ครู่เดียวเท่านั้น กลุ่มเมฆาหยินหยางปรากฏขึ้นกลางเรือนนอน
“ข้ากลับมาแล้ว เจ้ารอนานไหม?”
“เล็กน้อย”
“นี่ก็รีบเร่งที่สุดแล้ว”
“เรื่องท่านลุง…”
“เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ทุกอย่างเรียบร้อยดี เราสองสามีภรรยาจะกลับเมืองมรณาเร็ว ๆ นี้”
“จริงหรือ!?”
วงแขนเล็กรวบกอดรอบคอสามี นางกระโดดโลดเต้น เพียงพบว่าเขากลับมาสวมอาภรณ์ลายเมฆาของเทพมรณา ในขณะที่ผู้คนในตำราดูจะไม่สนใจเรื่องการแต่งกายของเขา
“ข้าไม่ดีใจเลย”
“ทำไมเล่า?”
ใบหน้างามแลดูสงสัยในท่าทางขัดใจของบุรุษจิ้งจอก ใต้แสงจันทราซึ่งส่องผ่านบานประตูหน้าต่างเข้ามา เขาและนางยืนเหยียบแสงสีชาด
เป็นเรื่องยากสำหรับนางในการละวางตาไปจากสีหน้าเคร่งเครียด ผิวพรรณสะอาดขาวดั่งเหมันต์ ริมฝีปากเอิบอิ่มเสมือนสีโลหิต การพูดจาด้วยอาการหงุดหงิดเช่นนั้นช่างน่าเอ็นดูเสียจริง เขาถกเถียงว่าอย่างไรนางก็เป็นปีศาจแห่งภาพลวงตาและห้วงฝัน จะเข้าใจหัวอกบุรุษผู้ไม่เคยสัมผัสโลกนิมิตอันแสนหวานได้อย่างไร นี่เป็นครั้งแรกของเทพผู้ตรากตรำทำงานหนักร่วมแสนปีเทวโลก แม้โลกมรณาอาจนับเวลาที่ล่วงผ่านไปน้อยกว่า เขากลายเป็นเทพอาวุโสผู้ไร้รักไปได้อย่างไร
“เชื่อข้าเถิด สิ่งเหล่านี้เป็นภาพลวงตา หาใช่ความจริงไม่ ท่านเองก็บำเพ็ญตนมาเนิ่นนาน ท่านจางหลิง จำได้ไหมว่าท่านเป็นใคร ท่านจำได้ไหม?”
“นั่นสิ อะไรทำให้ข้ายอมรับคำสั่งสอนจากปีศาจน้อยอายุขัยเพียงห้าพันกว่าปีได้”
“ถิงถิงเพียงให้คำแนะนำ” นางยกมือข้างหนึ่งป้องปาก ซ่อนรอยยิ้มของนางไว้
“อย่าแสร้งถ่อมตน เจ้ากำลังหัวเราะเยาะข้า”
“ขออภัย ๆ ข้าล่วงเกินสามีแล้ว”
ครู่นั้นนางสัมผัสถึงหัวใจที่เต้นเร็วแรง เงาปีกสีชาดทั้งสามคู่เปิดเผยขึ้น นางฝึกพลังสีชาดได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว นางก้มหน้ามองพื้นเย็นเฉียบ พูดจาถ่อมตน แม้เรือนกายเกิดความรู้สึกรุ่มร้อนดังไฟ นางไม่อาจหยุดความปรารถนาอันมากล้นลงได้สักชั่วขณะหนึ่ง นางกระหายมากกว่าครั้งไหน ๆ
เมื่อนางร้อน อีกฝ่ายก็คงไม่ต่าง… สามีปาดเหงื่อบนหน้าผาก กัดกรามจนเห็นสันกราม
“จิ้งจอกข้างนอกนั่นขัดใจข้าเหลือเกิน พวกมันได้กลิ่นปีศาจราตรีสาววัยพร้อมผสมพันธุ์ ก็คิดแต่เรื่องอย่างว่า”
“นี่ท่านยอกย้อนคำพูดข้า?”
“มิกล้า”
“แต่ท่านเรียกข้าปีศาจสาววัยพร้อมผสมพันธุ์”
“ใช่… ข้ายังจำคำพูดของเจ้าบอกตำรานั่น แล้วเจ้าก็มีสามีเป็นสุนัข”
ได้เสียงหัวเราะหึหึในลำคอ ถิงถิงครุ่นคิดเรื่องสุนัขว่าคืออะไร ก่อนที่เขาจะคว้าเอวนาง พาไปตรงระเบียงทางเดินเงียบเชียบ สาวใช้สองคนหันมาสบแววตาที่เปล่งประกายเข่นฆ่าของจางหลิง พลันหายไปในทันที
“ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไร หากเจ้าพูดออกมาให้ข้าพึงพอใจ ข้าจะตกรางวัลให้”
“ขะ… ข้า”
ฝ่ามืออุ่นร้อนลูบแก้มร้อนผ่าว นางหลุบตาเอียงอาย หลังจากที่ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาเชยคางมนขึ้น มืออีกข้างก็อยู่ไม่สุข ล้วงผ่านชายกระโปรงอย่างจาบจ้วง นางสูดลมหายใจเข้าลึก หายใจหอบสั่นเมื่อลมร้อนรดลงบนต้นคอ
“เจ้าจะพูดอะไร?”
“ข้าคิดถึงท่าน”
“แค่คิดหรือ?” เขาเลิกคิ้วขึ้นถาม นางพยักหน้ายอมรับว่านางเพียงคิด…
จางหลิงดุดันก้าวร้าว หวงแหนนางแม้กระทั่งร่างกายของนางเอง เขายินดีปลดเปลื้องตัณหาราคะให้นางสม่ำเสมอ มากกว่าวันละสามเวลาในช่วงกลางวัน ในเงื่อนไขว่านางไม่ควรแตะต้องเนื้อกายตนด้วยสีหน้ารัญจวนเช่นนั้น
บุรุษจิ้งจอกพรมจูบนางไปทั่วใบหน้าจนกระทั่งถึงเนินอก นางขยับเรียวขาสั่นเทา ถอยร่นไปจนแผ่นหลังติดเสาระเบียง มือคว้าจับแผ่นไม้ข้างหลัง
“เทพบรรพกาลอะไรของเจ้าไม่มีทางเก่งไปกว่าปีศาจ ข้าปรนเปรอเจ้าได้”
“ท่านยอมรับว่าเป็นปีศาจ?”
“เทพปีศาจ” เขาพูดย้ำอย่างชัดเจนใต้แววตาและรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวสุนัขจิ้งจอกมองเหยื่อ ยิ่งนางปรารถนาในตัวเขา ทว่านางทั้งอับอาย ทั้งหวาดกลัวใครผ่านมาพบนางร่วมรักกับสามีในสถานที่เปิดโล่ง เขากระชับเอวบางจับนางนั่งบนสันไม้ระเบียงพลางว่า “รับรองว่าเจ้าจะติดใจ”
“ตะ… ตรงนี้หรือ?”
“เจ้าพูดเองว่าเป็นภาพลวงตา หูข้าไม่ฝาดไปใช่ไหม? เจ้าผีเสื้อน้อย”
จะต่อว่าใครได้ นอกเสียจากนางผู้ปลอบประโลมเขาด้วยถ้อยคำโง่เขลา สามีหัวเราะนาง ไม่นานก็ก้มลงปิดปากนางด้วยจุมพิตเร่าร้อน ใช้มือขวาประคองใบหน้า อีกข้างหนึ่งสอดเข้าหาเรือนผมอย่างอ่อนโยน
ปิ่นปักผมที่เขามอบให้นางยังคงอยู่ นางจะถอดมันออกตอนนอนเท่านั้น นางให้ความสำคัญกับสมบัติจากสามี แม้โลกในตำรามิใช่ความจริงดังเช่นนางกล่าว ความเอาใจใส่เล็ก ๆ น้อย ๆ ของนางทำให้เขาภาคภูมิใจ
นีเทียนต้าเซินหอบหายใจแรงกว่านาง เมื่ออารมณ์ประหลาดพุ่งทะยานในร่างปีศาจแห่งราคะ มือจับเอวบางให้คว่ำหน้าจับแผ่นไม้ระเบียงในท่าโก่งโค้ง เขายกสะโพกนางขึ้นจนนางต้องเขย่งปลายเท้า นางเอี้ยวมองเขาด้วยแววตาราวกับว่าจะห้ามปราม
“ได้โปรด… อ่อนโยนหน่อยเถิด”
“ข้าจะระวัง ภรรยา”
กระนั้นเขายังลอบยิ้มพลางก้มลงกระซิบข้างหูนางเรื่องท่าสุนัข ส่วนล่างของนางเปียกปอนโดยที่เขายังไม่ทันแตะต้องนางด้วยซ้ำ เป็นไปได้ไหมว่านางชอบ... นางคิดซุกซนเรื่องพรรค์นี้อยู่เป็นนิจ เขาพรรณนาอย่างไร้ยางอาย!
จริงเช่นสามีว่า นางเผลอลอบมองแก่นกายบุรุษที่ผงาดขึ้นมา ขนาดใหญ่โตนั้นนางไม่เคยคุ้นชิน พอปลายนิ้วเรียวยาวสอดดันเข้าจนสุดทางรัก นางสะดุ้งตัวโยน
ปลายนิ้วอุ่นร้อนดันเข้าออกจากหนึ่ง... เป็นสองและสาม เขาขยับจังหวะเร่งเร้าจนเกิดเสียงหยาบคาย ราวกับว่าเขาต้องการหยอกนางเล่น
ทาสรับใช้ในเรือนไม่กล้าที่จะเดินผ่านไปมา พวกเขาหยุดทำงานไปเสียเฉย ๆ ขณะแสงสีชาดคละคลุ้งไอปีศาจห้อมล้อมสองร่างบริเวณระเบียงไม้
พริบตาเดียวบุรุษจิ้งจอกก็สอดประสานกายแกร่งผ่านช่องทางที่เคยล่วงล้ำ เขาจับนางให้ก้มตัวลงอีก นางเหยียดเกร็งปลายเท้า เหยียบยืนบนเท้าของเขาซึ่งให้ความช่วยเหลือนางด้วยการยกเอวบางขึ้นด้วยไอปีศาจ
ประหนึ่งร่างกายนางสรรค์สร้างมาเพื่อเขาเพียงผู้เดียว ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดบัดนี้แลดูทรมานยิ่งนัก ถึงแม้ว่าความรู้สึกอึดอัดคับแน่นที่บีบรัดมังกรร้ายจะสร้างความพึงพอใจให้เขาเป็นอย่างมาก
“อา... ภรรยา ปีศาจน้อยของข้า”
ร่างกำยำสะบัดสะโพกอย่างช่ำชองงานดั่งอาชาศึกคึกคะนอง นำพาซุ่มเสียงอ่อนหวานดังไปทั่วเรือนไม้ เสียงครวญครางของนางไพเราะดั่งเสียงพิณสวรรค์ เขาโน้มตัวลงกดริมฝีปากบนแก้มร้อนผ่าว กระซิบคำรักต่อนาง เฝ้าสำรวจนางทุกซอกมุมด้วยปลายลิ้นที่กวาดไปทั่วโพรงปากน้อย การขยับร่างกายด้วยจังหวะดุดัน มือหยาบกร้านคอยคลึงเคล้าเต้างามอย่างเท่าเทียม
ถิงถิงปิดตาลง นางรับอารมณ์หวามไหวซาบซ่านนี้แทบไม่ไหว หัวสมองของนางขาวโพลน หลังการปั่นป่วนในช่องท้องน้อยถูกปลุกเร้าระลอกใหญ่
การได้เป็นหนึ่งเดียวกับชายผู้เป็นที่รักให้ความรู้สึกน่าอัศจรรย์ ปีศาจน้อยเช่นนางหรือจะต้านทานไหว นางยอมรับการปรนเปรอนั้นด้วยการยกสะโพกขึ้น ปล่อยให้เขาสานสัมพันธุ์ปีศาจ ไอหยินที่เลื้อยไหลราวอสรพิษโอบรัดรอบเอวนางด้วยอารมณ์รักใคร่หลงใหล นางอ้อนวอนขอให้เขาสอดแทรกกายเข้ามาอย่างล้ำลึก จนกว่านางจะหมดแรงในพันธะสวาท
“สามี ได้โปรด ช้าลงหน่อย... ข้า อ๊ะ!”
นางกรีดร้องเมื่อเรือนกายกำยำกระตุกเกร็งสองครั้งสุดท้าย น้ำหนักที่ผ่อนคลายกดลงบนบั้นท้ายงามแน่นแฟ้น นั่นเป็นสัญญาณการสำเร็จความใคร่สามี นางไม่รีรอที่จะข้ามผ่านสวนบุปผาพรรณอันน่าหลงใหลไปพร้อม ๆ กัน
สามีสะบัดใบหน้าพร่างพราวเม็ดเหงื่อ ก้มลงจูบขมับเปียกปอน ผ่านห้วงอารมณ์อันแสนทรมาน ภายในเรือนกายอันหอมหวานยังคงออกแรงบีบรัดสิ่งแปลกปลอมอย่างบ้าคลั่ง “ข้าพนันว่าเจ้าชอบท่าสุนัข”
“ข้าชอบท่าน นีเทียนต้าเซิน หัวใจข้าไม่เปลี่ยนไปจากวันแรกที่พบท่าน”
“อื้ม... บุตรชายตัวน้อยของข้าคงจะหน้าตาคล้ายมารดา บุตรของข้าและเจ้าควรถือกำเนิดในตำราสีชาด บุตรชายผู้เป็นที่รักของเรา”
ลูกชายของนางกับนีเทียนต้าเซินหรือ! คิดพลันเบิกตากว้างตกใจ แต่เมื่อสัมผัสรับรู้ว่าระหว่างช่องขามีสายธารแห่งชีวิตรินไหล มันหยดลงบนพื้นไม้จนเปรอะเปื้อนเป็นหย่อม นางหลบเลี่ยงสีหน้าเร่าร้อนถึงเพียงนั้น
เป็นตรงกันข้ามกับบุรุษจิ้งจอกผู้สลัดคราบความเป็นเทพออกไปเสียหมด ในห้วงคำนึงนี้เขาเป็นเพียงปีศาจร้าย เขาดึงนางประกบริมฝีปากอย่างเร่าร้อน ขยับสะโพกอย่างเอาแต่ใจ
ความคับแคบอันเกินจินตนาการที่บีบรัดแก่นกายทำให้เขาจวนเจียนคลั่ง!
คืนนี้เขาไม่ปล่อยนางง่าย ๆ แน่
งานแต่งงานในเมืองจิ้งจอกอะไรกัน?
ใครจะสน...