ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 11 ทำบัตรเอทีเอ็ม

มูลค่าของงานศิลปะหนึ่งชิ้นล้วนขึ้นอยู่กับการเลือกบริษัทจัดการประมูล หากเลือกบริษัทที่ใหญ่ มีประสบการณ์และมีชื่อเสียงมากก็จะสามารถดึงดูดลูกค้าฐานะดีเข้ามาได้มากยิ่งขึ้น

ฉินสือโอวเชื่อว่าหากเขานำรูปปั้นเพอร์ซิอัสกับเมดูซาไปให้กับบริษัทซัทเทบีส์จัดงานให้ สุดท้ายแล้วเขาต้องได้ค่าตอบแทนมากกว่าให้บริษัทริชชี่จัดประมูลให้แน่นอน

แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจมอบรูปปั้นสองรูปนี้ให้กับบริษัทริชชี่จัดประมูลให้ เหตุผลข้อแรกคือเขารู้สึกถูกชะตากับบ๊อบ สองคือบริษัทนี้ยินยอมลดค่าธรรมเนียมการประมูลให้เขาถึง 7% ส่วนข้อสามคือบริษัทริชชี่ยอมจ่ายเงินเงินมัดจำล่วงหน้าให้เขาถึงสิบล้าน และนี่แหละคือสิ่งสำคัญที่สุด

ฉินสือโอวในตอนนี้เรียกได้ว่าร้อนเงินสุดๆ แม้แต่ค่าธรรมเนียมการเปิดพินัยกรรมเขาก็ยังไม่มีปัญญาจ่ายด้วยซ้ำ

เมื่อฉินสือโอวตกลงรับปากแล้ว เบลคก็มีท่าทีโล่งใจขึ้นมาทันที เขาปลดกระดุมเสื้อสูทออกพร้อมพูดออกมา “เฮ้เพื่อน งั้นตอนนี้เราไปโอนเงินที่ธนาคารกันเลยเถอะ จะได้ถือโอกาสเซ็นสัญญาไปด้วยเลย ดีไหม? ”

บริษัทริชชี่ให้ความสำคัญกับรูปปั้นสัมฤทธิ์คู่นี้มาก เพราะพวกเขาเพิ่งจะเข้าสู่แวดวงการจัดงานประมูลงานศิลปะได้ไม่นาน พวกเขาจึงต้องการหาสินค้าชิ้นหนึ่งเอาไว้เรียกลูกค้า และรูปปั้นเพอร์ซิอัสกับเมดูซาคู่นี้ก็คือสินค้าชิ้นนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

หลังจากสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว เบลคก็หยิบสัญญาการประมูลออกมาพร้อมเชิญฉินสือโอวขึ้นนั่งบนรถเบนซ์ เอส600 ของเขาแล้วมุ่งหน้าไปยังธนาคารเพื่อทำการโอนเงิน

ฉินสือโอวโบกมือเป็นการปฏิเสธ เออร์บักจึงรับสัญญามาแล้วกวาดตามองดูแวบหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น “โรเบิร์ต แบบนี้คงไม่ได้ เจ้านายของผมเป็นคนจีน ดังนั้นสัญญาก็ไม่ควรที่จะมีเพียงฉบับภาษาอังกฤษ ควรมีฉบับภาษาจีนด้วย”

แคนาดาเป็นเมืองที่มีคนอพยพมาอาศัยกันเป็นจำนวนมากและเป็นที่เลื่องชื่อว่ามีความหลากหลายทางวัฒนธรรม จำนวนประชากรเชื้อสายจีน เชื้อสายอินเดีย เชื้อสายเอเชีย เชื้อสายแอฟริกาก็มีอยู่ไม่ใช่น้อย ดังนั้นจึงมีการใช้ภาษาที่หลากหลายและค่อนข้างสับสน แต่ภาษาที่ใช้กันมากที่สุดก็คือภาษาอังกฤษ ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงเป็นภาษาราชการของที่นี่

เบลคตอบด้วยท่าทีหงุดหงิด “แย่จริง นี่เป็นความบกพร่องของทางเราเองครับ ไม่ต้องกังวลนะครับ เดี๋ยวผมจะโทรหาคนที่รับผิดชอบในฝ่ายกฎหมายตอนนี้เลย เชื่อว่าตอนเราไปถึงธนาคาร สัญญาฉบับภาษาจีนก็น่าจะไปรอพวกเรานั่นแล้วครับ”

ฉินสือโอวยกนิ้วโป้งชมเออร์บัก แต่เออร์บักก็ยกยิ้มบางอย่างไม่ใส่ก่อนจะพูดขึ้น “เจ้านาย ที่นายต้องทำในตอนนี้ก็คือเลือกธนาคารที่จะฝากเงิน คิดไว้หรือยังว่าจะไปธนาคารไหน? ”

แม้เมืองแฟร์เวลจะไม่ได้ใหญ่มากนัก แต่ก็มีธนาคารไม่น้อย ที่นี่มีธนาคารใหญ่ๆ อยู่ถึงสี่บริษัทด้วยกัน ซึ่งก็คือธนาคารธนาคารแห่งประเทศแคนาดา ธนาคารแคนาดาสโกเทีย ธนาคารมอนทรีออล และธนาคารเพื่อการพาณิชย์แห่งประเทศแคนาดา

ภายใต้คำแนะนำของเออร์บัก ฉินสือโอวจึงเลือกที่จะใช้บริการธนาคารมอนทรีออล

ธนาคารนี้คือธนาคารที่มีประวัติยาวนานที่สุดของแคนาดา ณ ปัจจุบันได้เปิดบริการมาแล้วกว่าสองร้อยปีแล้ว ธนบัตรใบแรกของแคนาดาก็ได้มีการแจกจ่ายจากที่นี่ อีกทั้งมันยังเป็นหนึ่งในสิบธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของทวีปอเมริกาเหนืออีกด้วย ดูแล้วมีความน่าเชื่อถือมากที่สุด

เมื่อถึงเวลาทำบัตรเอทีเอ็ม ฉินสือโอวก็หยิบบัตรประชาชนของประเทศจีนและพาสปอร์ตของเขาขึ้นมา เมื่อได้เห็นดังนั้นผู้จัดการธนาคารที่ชื่อว่าเทรอนก็ถามขึ้นมา “อ้าว คุณยังไม่ได้โอนสัญชาติเหรอครับ? ”

เบลคเองก็ถามออกไปด้วยสีหน้างุนงงเช่นกัน “ฉิน เพื่อน ผมก็นึกว่าคุณทำเรื่องโอนสัญชาติมาแล้วเสียอีก แบบนี้คงค่อนข้างยุ่งยากแล้วล่ะ”

ฉินสือโอวถาม “ทำไมเหรอ?”

เออร์บักอธิบาย “สินค้าประมูลต้องมีการจ่ายค่าภาษีด้วย ถ้าฉันยใช้สัญชาติจีนในการประมูลรูปปั้นนี้ หลังจากเสร็จการประมูลแล้ว นายต้องจ่ายภาษีให้กับรัฐบาลนิวฟันด์แลนด์ รัฐบาลแคนาดาและรัฐบาลจีนของนายด้วย สุดท้ายเงินที่ได้ก็อาจจะเหลือไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ”

“ผมแนะนำให้คุณโอนสัญชาติมานิวฟันด์แลนด์นะครับ มันจะช่วยประหยัดเงินของคุณได้มากเลยทีเดียว คุณไม่เพียงแต่ไม่ต้องจ่ายภาษีให้รัฐบาลของคุณ แถมยังได้ลดหย่อนภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐบาลแคนาดาด้วย” เทรอนแนะนำ

การโอนสัญชาติถือเป็นเรื่องใหญ่ก็จริง แต่ฉินสือโอวไม่ได้มีปัญหาในจุดนี้สักนิด เขาไม่ใช่สมาชิกของพรรคหรือเจ้าหน้าที่รัฐ แต่เขาเป็นเพียงประชาชนระดับรากหญ้าคนหนึ่งซึ่งมักจะอยู่ในที่ที่ทำให้ตัวเองมีความสุขเท่านั้น

หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ฉินสือโอวก็มอบอำนาจให้เออร์บักจัดการทำเรื่องโอนสัญชาติให้เขา แต่เขาก็ยังรู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยจึงเอ่ยปากถามขึ้นมา “ผมได้ยินมาว่าทางรัฐบาลแคนาดาค่อนข้างเข้มงวดในเรื่องการโอนสัญชาติ ถึงขั้นยอมให้เพียงคนที่มีทักษะเท่านั้นถึงจะสามารถโอนสัญชาติได้ แล้วผมจะผ่านเกณฑ์เหรอครับ?”

เออร์บักหัวเราะพร้อมพูดออกมา “เรื่องนี้นายไม่ต้องเป็นห่วง รัฐบาลของเมืองแฟร์เวลคงแทบจะอ้อนวอนให้นายโอนสัญชาติมาด้วยซ้ำ เพราะจะหาคนที่อยากมาทำกิจการฟาร์มปลาแบบนี้ได้ไม่เยอะหรอก ถ้านายรับช่วงต่อฟาร์มปลาต้าฉินแห่งนี้ นอกจากจะนำภาษีมาให้รัฐบาลแล้วยังเป็นการเพิ่มตำแหน่งงานให้คนในเมืองอีกด้วย ดังนั้นรัฐบาลย่อมยินดีรับรองการโอนสัญชาติของนยแน่นอน”

ฉินสือโอวถามถึงขั้นตอนต่างๆ ในการโอนสัญชาติ เออร์บักก็ตอบออกไป “เรื่องพวกนี้นายไม่ต้องห่วง ฉันได้เตรียมทุกอย่างไว้ให้หมดแล้ว เดี๋ยวช่วงบ่ายนายแค่ไปเซ็นเอกสารไม่กี่ฉบับก็เป็นอันว่าโอเคแล้ว”

พอได้ฟังดังนั้นฉินสือโอวก็เกิดอาการงุนงงขึ้นมาทันที นี่เขาไปเตรียมการโอนสัญชาติไว้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?

เออร์บักหยิบเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากกระเป๋าถือของเขาพร้อมยกยิ้มเหมือนจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์แล้วพูดออกมา “ฉันคิดไว้แล้วว่าสุดท้ายนายก็ต้องโอนสัญชาติอยู่ดี ดังนั้นตอนที่ช่วยนายทำพาสปอร์ตในช่วงก่อนหน้านี้ ฉันก็เลยถือโอกาสเดินเรื่องนี้ไปพร้อมกันด้วยเลย”

ฉินสือโอวถึงกับหมดคำพูด คุณปู่ นี่ปู่ล่วงรู้อนาคตอย่างนั้นเหรอ?

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง บัตรเอทีเอ็มชั่วคราวก็เสร็จเรียบร้อย มันเป็นบัตรกดเงินสดสีทองอร่ามของธนาคารมอนทรีออล หลังจากนั้นหากการโอนสัญชาติของเขาผ่านแล้ว เขาต้องกลับมาเปลี่ยนเป็นบัตรเครดิต

เมื่อได้บัตรมาแล้วฉินสือโอวก็ไปที่ตู้เอทีเอ็มเพื่อดูยอดเงินคงเหลือ บรรดาเลข ‘0’ ที่เรียงรายอยู่บนหน้าจอเยอะจนแทบจะทิ่มตาเขาให้บอดได้เลยทีเดียว

ทุกอย่างราวกับตกอยู่ในความฝัน ก่อนหน้านี้เขายังอยู่ในห้องเช่าของเมืองไหเต่าและต้องหนักใจไปกับการจ่ายค่าเช่าห้องเดือนละหนึ่งพันหยวนอยู่เลย แต่ตอนนี้เขากลับเป็นเจ้าของฟาร์มปลาขนาดใหญ่และมีบัตรเอทีเอ็มที่มีเงินอยู่ถึงสิบล้านดอลลาร์แคนาดาไปเสียแล้ว

“ชีวิตเป็นดั่งความฝัน นี่คงเป็นความไม่แน่นอนในชีวิตล่ะมั้ง” ฉินสือโอวมองดูบัตรสีทองในมือแล้วอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

เขาโอนเงินให้พ่อแม่ไปหนึ่งแสน เขาไม่กล้าโอนไปเยอะเพราะไม่อยากให้พวกท่านตกใจ เขาบอกไปว่าเงินหนึ่งแสนนี้เป็นเงินช่วยเหลือครอบครัวพนักงานของบริษัท และต่อไปเขาอาจจะต้องไปทำงานที่ต่างประเทศ

เงินสิบล้านนี้ว่ากันตามจริงถือเป็นเงินที่บริษัทริชชี่ให้เขายืม เพราะสินค้ายังไม่ได้ถูกประมูลไป ดังนั้นเขาจึงยังไม่ต้องเสียค่าภาษีใดๆ

หลังจากโอนเงินเสร็จแล้วฉินสือโอวก็เซ็นสัญญาอย่างมีความสุข พอถึงเวลาเที่ยงเขาก็เชิญพวกเบลคไปร่วมทานอาหารกันที่ร้านอาหารคุณลุงฮิคสัน

เออร์บักแนะนำพวกเบลคว่า “ที่นี่คือร้านอาหารที่มีประวัติความเป็นมามากที่สุดในเมืองแฟร์เวล ทั้งเจ้าของและพ่อครัวต่างก็สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และยังถือได้ว่าเป็นตัวแทนอาหารทะเลรสเลิศของเกาะแฟร์เวลเลยทีเดียว”

เห็นได้ชัดว่าพนักงานในร้านต่างก็คุ้นเคยกับเออร์บักเป็นอย่างดี พอเห็นเออร์บัก คุณฮิคสันก็โผเข้ามากอดเขาพร้อมเอ่ยปากถามด้วยท่าทางดีใจ “วันนี้จะรับอะไรกันดีครับ? อ้าวเฮ้! นั่นฉินนี่นา ดีใจจริงๆ ที่ได้เจอ”

หลังจากจบการทักทาย คุณลุงฮิคสันก็เริ่มแสดงฝีมือการทำอาหารทันที เขาเริ่มด้วยอาหารเรียกน้ำย่อยอย่างเฟรนช์ฟรายราดน้ำเกรวี่และชีส พุดดิ้งชิ้นกาแฟ และสลัดผักชีสแห้ง

แม้จะเป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อย ทว่าอาหารแต่ละจานได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการทำอาหารของพ่อครัว ทั้งสีเหลืองทองของเฟรนช์ฟราย ความเข้มข้นของน้ำเกรวี่ แม้ยังไม่ทันได้ลิ้มรสแต่กลิ่นหอมของน้ำเกรวี่ก็ลอยมาแตะจมูกแล้ว

ส่วนพุดดิ้งชิ้นกาแฟนั้น คุณลุงฮิคสันทำการหั่นพุดดิ้งกาแฟเป็นชิ้นแล้วบรรจงใส่ไว้ในแก้ว จากนั้นใช้ใบสะระแหน่ตกแต่งจนหน้าตาน่ากินมากๆ พอได้ลองดื่มเข้าไปรสชาติก็นับได้ว่ายอดเยี่ยม

เบลคพลางดื่มพุดดิ้งชิ้นกาแฟพลางกินเฟรนช์ฟรายกับสลัดเข้าไปพร้อมชมไม่หยุดปาก “รสชาติเยี่ยมมากเลย ทุกคนครับ ผมขอพูดเลยสว่านี่แหละคืออาหารรสเลิศที่พระเจ้าทรงประทานให้กับพวกเรา!”

ถึงเวลาเสิร์ฟเครื่องดื่มแล้ว เออร์บักยกแก้วไวน์แดงขึ้นมาแล้วกันไปพูดกับคุณลุงฮิคสัน “แด่พระเจ้าที่ประทานอาหารรสเลิศมาให้ แด่พ่อครัวฮิคสันที่ช่วยพระเจ้าทำอาหารมื้อนี้ และแด่เจ้าภาพฉินผู้ใจกว้าง”

ทุกคนต่างทยอยยกแก้วขึ้นมา ส่วนคุณลุงคนนั้นก็ยิ้มออกมาไม่หุบเลย

เสร็จจากอาหารเรียกน้ำย่อยแล้วก็ถึงเวลาอาหารจานหลัก อาหารมีทั้งหอยกูอีดั๊กซาชิมิ ซอสสูตรพิเศษอบปลาเทราต์ เป็ดจากทะเลสาบบร็อมเม่ ลูกชิ้นบลูเบอร์รี และต่างๆ อีกมากมายทยอยเสิร์ฟมาไม่หยุดราวกับสายน้ำขณะที่แต่ละคนต่างก็อิ่มหนำสำราญไปกับอาหารมื้อนี้

สิ่งที่ฉินสือโอวชอบมากที่สุดก็ยังเป็นไวน์หวานเย็นฉ่ำที่คุณลุงฮิคสันทำเองกับมือ ไวน์ชนิดนี้ถือเป็นไวน์ประจำประเทศแคนาดาเลยก็ว่าได้ ยิ่งรัฐนิวฟันด์แลนด์มีทำเลค่อนไปทางภาคเหนือจึงยิ่งนิยมผลิตไวน์แบบนี้กันค่อนข้างมาก

เมื่อเห็นฉินสือโอวยกแก้วดื่มแก้วแล้วแก้วเล่า คุณลุงฮิคสันก็ดีใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงเล่าเรื่องของดีที่ตัวเองเก็บไว้ให้ฉินสือโอวฟัง “นี่คือไวน์สูตรลับเฉพาะที่สืบทอดต่อกันมาในตระกูลฮิคสัน องุ่นที่ใช้ต้องปล่อยให้สุกงอมอยู่บนต้น จากนั้นก็รอจนฤดูหนาวมาถึง เมื่ออุณหภูมิลดลงมาที่ -8 องศาค่อยไปเก็บมันมา ตอนนั้นน้ำในผลองุ่นจะเย็นจนแข็งตัวและทำให้มีปริมาณน้ำตาลสูง พอถึงตอนนั้นค่อยเอาไปหมัก รับรองได้ว่ารสชาติจะต้องดีที่สุดแน่นอน!”

ปริมาณแอลกอฮอล์ในไวน์หวานนั้นค่อนข้างต่ำ ไม่ร้อนแรงเหมือนเหล้าขาวที่พบได้บ่อยในเมืองหนาวทั่วไป แต่เพราะใช้เหล้าขาวเป็นส่วนผสมเหมือนกันจึงยังมีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของเหล้าขาวอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นส่วนผสมหลักของไวน์หวานก็คือน้ำองุ่น ดังนั้นจึงมีความหอมของผลไม้สุกด้วย และเมื่อกลิ่นหอมจากเหล้าบวกกับกลิ่นผลไม้จึงกลายเป็นกลิ่นหอมที่เหนือกว่าสิ่งใด

ฉินสือโอวคอแข็งพอสมควร เออร์บักเห็นเขาดื่มอย่างมีความสุขก็พลอยมีความสุขไปด้วย จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมา “นายเหมือนกับคุณปู่ฉินจริงๆ ท่านก็ชอบดื่มไวน์หวานจากร้านฮิคสันเหมือนกัน แถมยังชอบดื่มแกล้มของหวาน บลูชีส และอาหารปิ้งย่างอย่างหมูหัน ซุยเหมย(อาหารย่างสไตล์จีนกวางตุ้ง) จินเฉียนจี(โรลตับไก่กับเนื้อหมู) ด้วย ครั้งหน้าฉันจะให้ตาเฒ่าฮิคสันทำมาให้นายลองชิม”

คุณลุงฮิคสันส่ายหัว ตอนนี้สถานการณ์ร้านของเขาไม่สู้ดีนัก ร้านจึงไม่มีวัตถุดิบที่ใช้ทำอาหารที่ปกติคนไม่ค่อยสั่งอย่างหมูหัน หรือจินเฉียนจีเลย

อาหารมื้อนี้เป็นที่พอใจกันทุกฝ่าย หลังทานอาหารเสร็จ เบลคก็ต้องกลับโทรอนโตเพื่อไปเตรียมงานประมูลที่กำลังจะจัดขึ้นในอีกไม่ช้า ส่วนฉินสือโอวก็กลับไปนอนหลับสักงีบใหญ่ๆ

หลับไปตื่นหนึ่งจนสร่างเมา ฉินสือโอวก็เริ่มคิดแผนการบริหารฟาร์มปลา ตอนนี้เขามีเงินอยู่ในมือถึงสิบล้าน นั่นทำให้เขารู้สึกมีไฟขึ้นมาทันที

แต่ตอนนี้คงต้องเริ่มด้วยการต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตให้ฟาร์มปลาก่อน สำหรับคนหนุ่มยุคศตวรรษที่ 21แล้ว การไม่มีอินเทอร์เน็ตนั้นช่างน่าเจ็บปวดจริงๆ

ฉินสือโอวหาข้อมูลสักพักก็พบว่าบริษัทที่ให้บริการด้านโทรคมนาคมที่มีชื่อเสียงในแคนาดามีอยู่หลายแห่งคือ ROGERS TTC TELUS FIDO และ KOODO เป็นต้น

ในบรรดาทั้งหมดนี้ ROGERS เปรียบได้กับเครือข่ายอี๋ต้งของจีน มันเป็นบริษัทใหญ่โต มีลูกค้าเยอะที่สุด สัญญาณครอบคลุมมากที่สุด แต่ราคาก็แพงที่สุดด้วยเช่นกัน TELUS ก็เหมือนเหลียนทงของจีน สัญญาณแย่กว่าหน่อย แต่ค่าใช้จ่ายก็ถูกกว่าด้วย ดังนั้นลูกค้าส่วนมากจึงเป็นประชาชนทั่วไป FIDO และ KOODO ถือว่าสัญญาณแย่ที่สุด แต่มันก็มีโปรโมชั่นตลอดเวลาจึงทำให้มีลูกค้ามากเหมือนกัน

ตอนนี้ฉินสือโอวมีกำลังจ่ายมากพอ ดังนั้นเขาจึงเข้าเมืองไปที่ศูนย์บริการของ ROGERS และทำสัญญาอินเทอร์เน็ตใยแก้วหนึ่งปี จากนั้นก็ถือโอกาสซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของแอปเปิลมาหนึ่งเครื่องด้วย

เขาซื้อคอมพิวเตอร์รุ่น iMac-Mf886CH/A ของยี่ห้อแอปเปิล ราคาของเจ้าเครื่องนี้ในประเทศจีนสูงเกือบถึงสองหมื่นเลยทีเดียว แต่ในเมืองแฟร์เวลกลับขายไม่ถึงสองพันห้าร้อยดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น คิดเป็นเงินหยวนก็เพียงหมื่นกว่าหยวนเท่านั้นเอง แถมนี่ยังเป็นราคาที่รวมภาษีให้กับนิวฟันด์แลนด์แล้วด้วย ไม่อย่างนั้นคงถูกกว่านี้อีก

ต้องบอกเลยว่าในประเทศทุนนิยมนั้น ขอแค่มีเงินจะทำอะไรก็เป็นเรื่องง่ายดายสุดๆ หลังฉินสือโอวจ่ายค่าบริการให้กับศูนย์บริการ ROGERS แล้ว ก็มีเจ้าหน้าที่พาลูกน้องตรงไปที่ฟาร์มปลาของเขาเพื่อต่อสายทันที

อินเทอร์เน็ตใยแก้วตัวนี้ราคาแพงพอสมควร แพงกว่าราคาคอมพิวเตอร์ของแอปเปิลอีกตั้งห้าร้อยเหรียญ เพราะฟาร์มปลาถูกทิ้งร้างมาสิบกว่าปีแล้ว บริเวณรอบๆ จึงมีแต่สายอินเทอร์เน็ตธรรมดา ไม่มีสายใยแก้วเลย ยิ่งไปกว่านั้นการปรับปรุงการเดินสายไฟจากในเมืองก็ไม่ได้ครอบคลุมไปถึงฟาร์มปลาไกลปืนเที่ยงแบบนั้นด้วย

……………………………………….