ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 13 คุณฉลาม

หลังจากที่จิตสำนึกกลับสู่ร่างกายของเขาแล้ว ฉินสือโอวก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยเท่าไรนัก

ครั้งที่แล้วตอนขยายพันธุ์แมลงปะการังเหล่านั้น ฉินสือโอวเหนื่อยจนหมดเรี่ยวหมดแรง แต่ประสบการณ์ในครั้งนั้นเหมือนกับเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้พลังจิตของเขา ดังนั้นเขาจึงคาดเดาว่าพลังจิตของตัวเองสามารถฝึกฝนได้ หากฝึกฝนต่อไปเขาก็น่าจะแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้

ฉินสือโอวไม่มีอะไรทำจึงเอนกายอยู่บนเตียง เขาพูดคุยสัพเพเหระกับพวกเหมาเหว่ยหลงในกลุ่มนี้อยู่สักพัก จากนั้นจึงตัดสินใจไปเดินเล่นที่ตลาดกลางคืนของเมืองแฟร์เวล ดังนั้นเขาจึงเอ่ยไว้เพียงประโยคหนึ่งว่า ‘ฉันจะไปเพลิดเพลินกับชีวิตกลางคืนในแคนาดาซะหน่อย’ ก่อนจะเดินหนีไปท่ามกลางเสียงดุด่าของทุกคน

ตอนนี้หัวหน้าห้องจ้าวเหิงกำลังทำธุรกิจอยู่จึงต้องเดินทางไปในที่ไกลๆ หลายแห่ง ดังนั้นเขาจึงพูดลงมาในกลุ่มว่า “ไอ้หน้าโง่เอ๊ย แคนาดามีชีวิตกลางคืนที่ไหนกัน! ในสถานะที่ห่างไกลแบบนั้นไม่เห็นจะมีคนสักหน่อย จะมีก็แต่คนแก่ๆ ที่อยากรักษาสุขภาพถึงจะไปที่นั่น! นายเป็นเด็กดีอยู่คุยเป็นเพื่อนพวกคุณปู่ที่นี่แหละ อย่าไปไหนซี้ซั้ว!”

ฉินสือโอวไม่เชื่อ แต่หลังจากที่เขาขับรถไปถึงในเมืองเขาก็ต้องรู้สึกเสียใจเมื่อพบว่าทุกอย่างเป็นไปตามที่ปากเสียๆ ของจ้าวเหิงพูดไว้ไม่มีผิด ชีวิตกลางคืนของแคนาดาช่างแสนจะน่าเบื่อโดยแท้ โดยเฉพาะเมืองเล็กๆ ที่เศรษฐกิจล้าหลังอย่างเมืองแฟร์เวล…

เพิ่งจะสองทุ่มกว่า แทบทุกบ้านในเมืองแฟร์เวลก็ปิดประตูกันหมดแล้ว ฉินสือโอววนอยู่รอบหนึ่งถึงจะเจอร้านเหล้าร้านหนึ่ง

ร้านเหล้าแห่งนี้มีชื่อว่า ‘ดวงดาวเปล่งประกาย’ หลังจากที่เขาจอดรถและเดินเข้าไปเขาก็พบว่าด้านในร้านเหล้าไม่ได้ยุ่งเหยิงวุ่นวาย ที่นี่มีพื้นที่ประมาณสี่ร้อยกว่าตารางเมตรและมีคนเพียงยี่สิบกว่าคนนั่งกระจัดกระจายดื่มเหล้ากันอยู่เท่านั้น ส่วนฟลอร์เต้นรำที่อยู่กลางร้านก็มีวัยรุ่นสี่ห้าคนกำลังเต้นอยู่อย่างสนุกสนาน

เห็นได้ชัดว่าผู้คนที่อยู่ในร้านเหล้าแห่งนี้ต่างก็คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะเมืองแฟร์เวลก็เล็กแค่นี้ ประชากรในเมืองจึงมีเพียงน้อยนิด ดังนั้นถ้าไม่คุ้นเคยกันก็คงจะไม่ได้

ด้วยเหตุนี้เมื่อฉินสือโอวเดินเข้าไปเขาจึงกลายเป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกคนที่นั่งอยู่ในร้าน จากนั้นวัยรุ่นผิวขาวคนหนึ่งที่อยู่กลางฟลอร์เต้นรำก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นเกินจริง “อ้อ พระเจ้า หลายปีแล้วที่ผมไม่เคยเห็นคนจีนเลย เพื่อน คุณเป็นคนจีน คุณเป็นคนจีนใช่ไหม”

ฉินสือโอวรู้สึกขอบคุณเจ้าหนุ่มคนนี้เป็นอย่างมากที่ไม่ได้พูดว่าเขาเป็นคนญี่ปุ่น ว่ากันว่าคนจีนเมื่ออยู่ต่างประเทศมักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นคนญี่ปุ่น เพราะอย่างนั้นเขาจึงโบกมือขึ้นทักทายกลับไปและเดินตรงดิ่งไปที่เคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะพูดขึ้นมา “เอาไวน์หวานหนึ่งแก้ว เติมวิสกี้อีกหน่อยด้วย”

นี่เป็นวิธีการดื่มที่แบล็กเป็นคนบอกเขาเมื่อตอนกลางวัน การดื่มแบบนี้จะทำให้ได้รสชาติหอมหวานของไวน์องุ่นและความร้อนแรงของวิสกี้ซึ่งเป็นรสชาติชีวิตอย่างหนึ่ง

บาร์เทนเดอร์ที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับเสื้อกั๊กสีดำมองดูฉินสือโอวอย่างสนใจแล้วพูดออกมา “เพื่อน คุณคือ… คุณคงไม่ใช่หลานของท่านฉินหรอกนะ?”

ฉินสือโอวแอบพูดในใจ ‘หรือว่าคนในเมืองนี้จะรู้กันหมดแล้วว่าเออร์บักไปรับเขามาแล้ว? ไม่อย่างนั้นทำไมพอมาถึงสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ถึงได้มีคนรู้จักตัวตนของเขาได้?’

หลังจากที่ได้รับการยืนยันจากฉินสือโอวแล้ว บาร์เทนเดอร์จึงยกยิ้มขึ้นมาทันที จากนั้นเขาก็พยักหน้าให้ดีเจและพูดออกมาเสียงดัง “ขอเพลงยุคธารน้ำแข็งหนึ่งเพลง เพื่อนๆ ทุกคน ยกแก้วของพวกเราขึ้นมาเพื่อดื่มต้อนรับหลานชายของท่านฉินที่มาถึงเมืองแฟร์เวลหน่อย!”

“เชียร์ส!” กลุ่มคนยกแก้วขึ้นพร้อมเสียงดังก้อง

ฉินสือโอวลุกขึ้นแสดงความขอบคุณ ในใจเขารู้สึกเหลือเชื่อเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในประเทศของตัวเอง เขาได้ยินเรื่องการเลือกปฏิบัติที่คนผิวขาวมีต่อคนผิวเหลืองรวมถึงการเลือกปฏิบัติของประเทศที่พัฒนาแล้วที่มีต่อคนจีนมาไม่น้อย แต่หลังจากที่มาเมืองแฟร์เวลแล้ว เขาก็พบว่าคนพวกนี้ปฏิบัติต่อคนผิวเหลืองอย่างเป็นมิตร

เพื่อตอบแทนน้ำใจที่มีให้กัน ฉินสือโอวจึงยกแก้วขึ้นดื่มหมดแก้วเพื่อเป็นให้เกียรติทุกคน จากนั้นเขาจึงพูดกับบาร์เทนเดอร์เสียงดัง “เติมให้กับทุกคนหนึ่งแก้วไปเลยเพื่อน จากนั้นค่อยมาคิดเงินกับฉัน”

คำพูดเช่นนี้สามารถกระตุ้นบรรยากาศในร้านเหล้าได้ดีที่สุด เมื่อเสียงพูดของฉินสือโอวจบลง ภายในร้านเหล้าก็มีเสียงเฮฮาขึ้นมาทันที

ปกติร้านเหล้ามักจะคึกคักอยู่แล้ว ฉินสือโอวจ่ายเงินค่าเหล้าไปทันทีและยังถือโอกาสยื่นทิปให้บาร์เทนเดอร์ห้าสิบดอลลาร์แคนาดาจนทำให้เขารู้สึกมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ฉินสือโอวโยกตัวไปตามเสียงเพลงที่ดังขึ้นมาพลางลิ้มรสไวน์หวานไปด้วย ตอนนี้เขารู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน

แล้วในตอนนั้นเองก็มีชายรูปร่างสูงใหญ่เดินโซซัดโซเซเข้ามา เขาหย่อนก้นนั่งลงที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์แล้วพูดกับบาร์เทนเดอร์ “นีล เหล้าผมล่ะ? ฉินเลี้ยงไม่ใช่เหรอ? ทำไมไม่มีเหล้าของผม?”

นีลมองไปที่ชายร่างสูงใหญ่แวบหนึ่งแล้วพูดขึ้นด้วยท่าทีไม่ชอบใจ “ชาร์ค ไม่มีเหล้าของนายหรอก เหล้าที่ฉินเลี้ยงนาย ฉันเอาไปหักบัญชีนายแล้ว อย่าลืมนะว่านายยังติดเงินฉันอยู่อีกห้าร้อยกว่าดอลลาร์”

ฉินสือโอวเขยิบไปข้างๆ เล็กน้อย ชายร่างสูงใหญ่คนนี้สูงประมาณหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนติเมตรได้ รูปร่างของเขากำยำสูงใหญ่เหมือนภูเขา เคราที่กรามล่างของเขาก็โค้งงอเหมือนเหล็กแหลม และเมื่อเขานั่งลงไปที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ร่างของเขาก็ดูราวกับเป็นภูเขาลูกหนึ่ง

นิวฟันด์แลนด์อยู่ติดกับทางเหนือมาก อากาศในตอนกลางคืนของเดือนเมษายนจึงยังคงหนาวเย็นอยู่มาก แต่ชายรูปร่างสูงใหญ่คนนี้กลับสวมเพียงเสื้อแจ็คเกตยีนตัวเดียว แถมบริเวณคอเสื้อที่แหวกออกยังมีขนหน้าอกที่ขึ้นหนาทึบอย่างกับหญ้าเขียวชอุ่มใส่ปุ๋ยเคมีโผล่ออกมาด้วย ส่วนกล้ามเนื้อหน้าอกอันแข็งแรงนั้นก็ดูบึกบึนเกินจริงเหมือนเอาลูกแคนตาลูปสองลูกยัดใส่เข้าไปในหน้าอกอย่างไรอย่างนั้น

พูดง่ายๆ ก็คือทั้งตัวของชายรูปร่างสูงใหญ่นี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายของพละกำลัง หรือจะบอกว่าเขาคือวัวกระทิงในร่างของมนุษย์ก็น่าจะเหมาะกว่า

ฉินสือโอวรู้สึกว่าคนแบบนี้ส่วนมากจะเป็นพวกอันธพาล เขาจึงไม่อยากไปยุ่งกับคนแบบนี้ให้มากนัก แม้ว่าหลังจากที่เขาหลอมรวมจิตใจไปกับทะเลแล้วเขาจะรู้สึกว่าพละกำลังและความเร็วของตัวเองนั้นเพิ่มขึ้นมาเป็นเท่าตัว แต่ถ้าจะให้สู้กับนักเลงแบบนี้ เขาไม่มีความมั่นใจว่าจะเอาชนะได้เลยสักนิด

ชายรูปร่างสูงใหญ่จ้องมองไปที่นีลจนฉินสือโอวรู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปทันที ชายรูปร่างสูงใหญ่นี้ดูเหมือนเป็นคนที่ถ้าใครพูดไม่เข้าหูก็พร้อมที่จะเปิดฉากชกต่อยขึ้นมาทันที ดังนั้นฉินสือโอวจึงอดเป็นกังวลแทนนีลไม่ได้

แต่นีลกลับไม่สนใจ เขาไม่แม้แต่จะมองไปที่ชายคนนั้นและยังยืนเช็ดแก้วเหล้าอยู่ตรงนั้นอย่างตั้งใจ

ชายรูปร่างสูงใหญ่เห็นนีลไม่สนใจเขาจึงหันมามองฉินสือโอว

ฉินสือโอวแอบพูดอยู่ในใจขณะที่กล้ามเนื้อของเขาก็หดเกร็งขึ้นมาทันที ถ้าอิงตามอารมณ์ในละคร เขาคาดเดาว่านักเลงคนนี้จะต้องบอกให้เขาเลี้ยงเหล้าอย่างแน่นอน ถ้าหากไม่เลี้ยง ทั้งสองฝ่ายก็คงต้องสู้กัน

นีลที่เห็นดังนั้นก็รีบเอ่ยปากพูดขึ้นมาก่อน “พอแล้วชาร์ค อย่าทำท่าทำทางแบบนี้เลย ฉินเป็นคนที่คุณเออร์บักเชิญกลับมา ถ้านายไปหาเรื่องจนเขาไม่พอใจขึ้นมา คุณเออร์บักต้องไม่ชอบใจแน่ นายก็รู้ว่าคุณเออร์บักเป็นไอดอลของอลิซ”

ฉินสือโอวมึนงงกับเรื่องความสัมพันธ์ที่นีลได้พูดมา อลิซคือใครกัน?

แต่คำพูดของนีลกลับได้ชะงัด เมื่อเขาพูดจบชายรูปร่างสูงใหญ่คนนั้นก็ทอดถอนใจออกมาแล้วยื่นมือไปเกาหัวอย่างแรงจนผมยุ่งเหยิงไปหมดก่อนจะพูดออกมาอย่างกลัดกลุ้มใจ “ให้ตายสิ ฉันจะไปยุ่งหาเรื่องกับฉินได้ยังไง? ท่านฉินช่วยเหลือฉันไว้มากขนาดนั้น ความจริงนายก็รู้นี่นีล ฉันแค่อยากดื่มสักแก้วเท่านั้นเอง”

“ชาร์ค อย่าทำแบบนี้ นายอยากเมาหัวราน้ำหรือไง? ถ้าอลิซรู้ว่านายดื่มเหล้าจนเมาไม่ได้สติทุกวัน เธอจะคิดยังไง?” นีลพูดขึ้น

ชาร์คเกาหัวอย่างเจ็บปวดและทุกข์ทรมานก่อนจะพูดพึมพำกับตัวเอง “ตอนนี้แม้แต่ค่าเทอมของอลิซฉันก็ยังหาไม่ได้เลย โลกนี้มันแย่จริงๆ ฟาร์มปลาบัดซบ ฉันไม่ได้ปลามาเติมตั้งอาทิตย์หนึ่งแล้วนะ ทุกครั้งที่ออกทะเลแม้แต่ค่าน้ำมันก็ยังไม่ได้กลับมาเลย! ให้ตายสิ ตอนนี้ฉันไม่รู้แล้วจริงๆ ว่าตัวเองควรจะทำยังไง!”

ในขณะที่เขากำลังพูด ชายร่างกำยำก็เดินโซซัดโซเซเข้าไปในซอกมุมหนึ่งของร้านเหล้า เมื่อหาโต๊ะได้แล้วเขาก็นั่งฟุบหน้าลงไปบนโต๊ะ

ฉินซือโอวจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะเอ่ยถามนีล “เขาเป็นใครเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?”

นีลทอดถอนใจแล้วพูดออกมา “เขาคือชาร์ค ซาร์ดเซ็น เป็นนักจับปลาและชาวประมงที่เก่งที่สุดของเมืองแฟร์เวล ตอนวัยรุ่นเขาเคยจับฉลามหัวบาตรได้ด้วยตัวคนเดียวกับเรืออีกหนึ่งลำ เพราะงั้นเขาถึงได้ชื่อว่า ‘ชาร์ค (shark มีความหมายว่าฉลาม)’ แต่ว่าตอนนี้การประมงซบเซา เศรษฐกิจพังทลาย ออกทะเลไปก็หาเงินไม่ได้ ดังนั้นช่วงนี้ชีวิตเขาก็เลยลำบากมาก”

“แล้วทำไมเขาไม่ออกไปหางานทำ?” ฉินสือโอวถามขึ้นอย่างแปลกใจ

นีลพูดขึ้น “เพราะลูกสาวของเขาที่ชื่ออลิซสุขภาพไม่ค่อยดี เขาก็เลยจำเป็นต้องอยู่บ้านดูแลลูกสาวน่ะ”

ฉินสือโอวลูบคลำที่ตอหนวดบนคางแล้วเอ่ยถามนีล “เขาชื่อชาร์ค ซาร์ดเซ็นใช่ไหม?”

เมื่อได้คำตอบที่แน่นอนแล้วเขาจึงออกไปข้างนอกร้านเหล้าเพื่อต่อสายโทรศัพท์หาเออร์บักแล้วถามออกไป “นี่ปู่ คุณรู้จักคนที่ชื่อชาร์ค ซาร์ดเซ็นไหม? เขาเป็นคนยังไงเหรอ? คุณก็รู้ว่าตอนนี้ผมขาดคนช่วยทำงาน”

ท่าทางของชาร์คดีมาก แต่ว่าฉินสือโอวไม่รู้จักอารมณ์และนิสัยของเขา เพราะงั้นจึงต้องถามเออร์บัก

“ชาร์คเหรอ? เขาเป็นคนดีคนหนึ่งเลยล่ะ ถึงจะใจร้อนวู่วามไปหน่อย หัวแข็งเล็กน้อย แต่เขาก็ถือเป็นคนที่พึ่งพาได้คนหนึ่ง…… แต่ว่า นายรีบจ้างคนงานขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันแนะนำให้รอไปอีกช่วงหนึ่งก่อนนะ ฟาร์มปลาของนายยังไม่เข้าที่เลย”

ฉินสือโอวไม่ฟังคำทัดทานของเออร์บักแล้ววางสายไปก่อนจะกลับเข้าไปในร้านเหล้าเพื่อไปหาชาร์ค จากนั้นเขาก็ตบโต๊ะแล้วพูดออกมา “เฮ้เพื่อน ฉันมีงานอยู่งานหนึ่ง ไม่รู้ว่านายจะสนใจไหม?”

……………………………………….