บทที่ 15 สร้างแนวปะการัง
ฉินสือโอวพูดสิ่งที่ตัวเองกังวลออกมา ชาร์คเกาหัวแล้วพึมพำว่า
“ไม่น่าจะเป็นอะไรนะ เพราะว่าพวกเราทำแบบนี้มาหลายสิบปีแล้ว ต้นเมเปิลก็เติบโตได้เป็นอย่างดีไม่ใช่เหรอ?”
เออร์บักที่นั่งมองฉินสือโอวทำงานอย่างขะมักเขม้นอยู่ข้างๆ ยิ้มขึ้นมาแล้วอธิบายว่า
“ฉิน มานี่สิ ฉันจะบอกคำตอบให้ นายรู้ใช่ไหมว่า รัฐนิวฟันด์แลนด์อยู่ค่อนไปทางขั้วโลกเหนือ จึงมีฤดูร้อนที่สั้นและฤดูหนาวที่ยาวนาน และต้นเมเปิลอาศัยช่วงฤดูร้อนอันแสนสั้นนั้นสังเคราะห์แสงผลิตแป้งเพื่อเปลี่ยนเป็นน้ำตาลในฤดูหนาว”
“ฤดูหนาวนั้นหนาวจัด ถ้าน้ำหล่อเลี้ยงในต้นไม้กลายเป็นน้ำแข็ง เยื่อหุ้มเซลล์จะแตกและต้นไม้ก็จะตายไปตามธรรมชาติ แต่เนื่องจากน้ำหล่อเลี้ยงในต้นเมเปิลมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นถึงแม้ว่าอุณหภูมิจะต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง มันก็ไม่กลายเป็นน้ำแข็ง เพราะแบบนี้พวกมันก็เลยสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในเขตละติจูดสูงที่มีอุณหภูมิหนาวจัดยังไงล่ะ”
“แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนมาถึง อุณหภูมิสูงขึ้น ต้นเมเปิลใช้ส่วนที่เป็นน้ำในการเติบโต ทำให้น้ำตาลที่อยู่ในน้ำหล่อเลี้ยงมีความเข้มข้นสูงขึ้นเรื่อยๆ และถ้าความเข้มข้นของน้ำตาลสูงกว่าน้ำในเซลล์ เซลล์ก็จะสูญเสียน้ำ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อพวกมันเช่นกัน”
“ดังนั้นในเวลานี้ พวกเราจึงควรสกัดน้ำตาลจากต้นเมเปิลมาทำเป็นเมเปิลไซรัป แล้วให้ใบเมเปิลทำการสังเคราะห์ด้วยแสงเพื่อทำการเก็บสะสมแป้งอีกครั้ง ในความเป็นจริงแม้ว่าพวกเราไม่เก็บเมเปิลไซรัป ต้นเมเปิลก็จะหลั่งสิ่งเหล่านี้ออกมาอยู่ดี”
เออร์บักอธิบายได้ดีกว่าชาร์คที่พยักหน้ารัวๆ อยู่ข้างๆ เยอะเลย ชาร์คอาจจะไม่รู้เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ
ฉินสือโอวเคยเรียนวิชาชีววิทยามาก่อน ก็เลยพอจะเข้าใจหลักการนี้ เขาจึงทำการเก็บน้ำหล่อเลี้ยงของต้นเมเปิลต่อได้อย่างไม่รู้สึกผิดอีกต่อไป
ต้นเมเปิลสองต้นนี้มีอายุ 80 กว่าปีแล้ว รากของมันแตกแขนงออกเป็นวงกว้าง ส่วนลำต้นนั้นใหญ่ประมาณชาร์ค 2 คนโอบ อีกทั้งข้างในลำต้นยังเต็มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงจำนวนมาก หลังจากที่เสียบท่อเข้าไปในลำต้นแล้วน้ำสีอำพันก็ไหลออกมาไม่หยุด
ฉินสือโอวยื่นมือไปจุ่มมาชิม น้ำหล่อเลี้ยงเหนียวๆ มีรสชาติหวานแทรกด้วยกลิ่นหอมของต้นไม้ มันหวานน้อยกว่าน้ำเชื่อมแต่เป็นรสชาติที่แปลกใหม่ดี
เมื่อชาร์คเดินจากไป เจ้ากระรอกน้อยเสี่ยวหมิงก็ปีนต้นไม้ขึ้นมาแล้วกระโดดขึ้นไปบนถัง มันชะโงกหัวเยี่ยมๆ มองๆ น้ำหล่อเลี้ยงที่อยู่ภายใน
ฉินสือโอวจุ่มนิ้วของเขาลงไปแล้วยื่นไปให้เจ้าเสี่ยวหมิง มันเลียนิ้วของเขาด้วยลิ้นสีชมพูอย่างรวดเร็วก่อนที่จะสะบัดหางขนาดใหญ่กระโดดลงจากถังไป
กระรอกก็กินน้ำตาลเหรอเนี่ย ฉินสือโอวมองไปยังเสี่ยวหมิงที่สั่นหัวและกระดิกหางราวกับมีความสุขแล้วยิ้มออกมา
อันที่จริงไม่ต้องให้ฉินสือโอวป้อนก็ได้ เสี่ยวหมิงสังเกตอยู่พักหนึ่งก็ปีนขึ้นไปยังจุดที่เสียบเอาน้ำหล่อเลี้ยงออกมาด้วยตัวมันเอง ตรงนั้นก็มีท่อเสียบอยู่เหมือนกัน เสี่ยวหมิงมองจากมุมนี้ เหมือนกำลังดื่มน้ำอย่างไรอย่างนั้น
ต้นไม้ใหญ่สองต้นนี้เต็มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงจริงๆ ด้วย แค่ตอนเช้าฉินสือโอวก็เก็บน้ำหล่อเลี้ยงออกมาได้กว่ายี่สิบกิโลกรัมแล้ว
วิธีทำเมเปิลไซรัปคือการเอาน้ำหล่อเลี้ยงที่ได้จากต้นเมเปิลไปต้มให้น้ำระเหยออกไปและสิ่งที่เหลืออยู่ในหม้อก็คือเมเปิลไซรัปนั่นเอง
หลังจากจุดไฟฉินสือโอวก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เขาจึงถอดจิตของเขาลงไปในมหาสมุทร เพื่อไปดูการเปลี่ยนแปลงของฟาร์มปลาที่ก้นมหาสมุทร
พื้นที่ของแนวปะการังขยายใหญ่ขึ้นแล้ว ขยายออกไปห้าสิบกว่าตารางเมตรแล้วเหรอเนี่ย ในที่สุดก้นมหาสมุทรก็มีสีสันขึ้นมาเสียที
ดวงจิตของฉินสือโอวสำรวจไปทั่วสารทิศ หลังจากที่พบเจอกับพันธุ์ปลานานาชนิดเขาก็พาจิตของเขาไปยังแนวปะการัง ด้วยความพยายามของเขา บริเวณรอบ ๆ แนวปะการังมีจึงชีวิตชีวาขึ้นมาก
ปะการังสีสันสวยงามยื่นหนวดออกมาเพื่อจับเหยื่อ ส่วนสาหร่ายซูแซนเทลลีจำนวนหนึ่งก็กระจัดกระจายไปถ้วนทั่วเพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กับพวกของเสียอย่างฟอสฟอรัสและไนโตรเจนที่ถูกปล่อยออกมาโดยปะการัง
ในขณะเดียวกัน สาหร่ายซูแซนเทลลีก็จะปล่อยออกซิเจนและคาร์โบไฮเดรตออกมา ซึ่งเป็นสิ่งที่ปะการังใช้ในการดำรงชีวิต สิ่งมีชีวิตทั้งสองอาศัยพึ่งพาซึ่งกันและกัน
นอกจากสาหร่ายซูแซนเทลลีแล้ว บนปะการังยังมีสาหร่ายจำพวกสาหร่ายสีแดง สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินและสาหร่ายสีน้ำตาล ซึ่งสิ่งเหล่านี้เพิ่งเกิดขึ้นมา ก่อนหน้านี้สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินและสาหร่ายสีน้ำตาลเกือบสูญพันธุ์ไปจากที่นี่แล้ว คาดว่าตอนที่ฉินสือโอวใช้พลังจิตเพาะปะการัง เมล็ดพันธุ์เหลืออยู่จำนวนหนึ่งเหล่านั้น คงพลอยได้รับประโยชน์ไปด้วย
และเพราะมีสาหร่ายสีแดง สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินและสาหร่ายสีน้ำตาล จึงสามารถดึงดูดปลาจำพวกปลาเพิร์ชได้ เพราะพวกมันกินสาหร่ายเหล่านี้เป็นอาหาร
เขาเดินเล่นอยู่ก้นมหาสมุทรอยู่สักพักเพื่อบุกเบิกพัฒนาอาณาจักรของเขตทะเลน้ำตื้น ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะพบซากเรืออับปางที่มีสมบัติซุกซ่อนอยู่ ที่นี่ไม่มีอะไรที่น่าสนใจแล้ว เขาจึงพาจิตของเขากลับมา
แต่ตอนกำลังนำจิตของเขากลับมานั้น เขาก็ได้พบกับปลาแปลกๆ ตัวหนึ่ง ปลาน้อยตัวนั้นขนาดประมาณฝ่ามือ ลำตัวสีแดงสลับเขียวและมีจุดสีดำๆ เล็กๆ อยู่เต็มตัว แถบสีแดงที่คาดอยู่ข้างลำตัวเหมือนสายรุ้งดึงดูดสายตามาก
ฉินสือโอวรู้สึกแปลกใจมาก เขาว่าเขารู้จักปลาชนิดนี้นะ.. นี่มันปลาเรนโบว์เทราต์นี่
ปลาเรนโบว์เทราต์เป็นปลาท้องถิ่นของทวีปอเมริกาเหนือ เป็นหนึ่งในปลาน้ำเย็นที่ล้ำค่า เนื้อของมันอร่อยมาก บางแห่งถึงกับเอาเนื้อของมันไปหลอกว่าเป็นเนื้อปลาแซลมอนด้วยซ้ำ และมักจะเห็นปลาชนิดนี้ ในละครฮ่องกงอยู่บ่อยๆ
แต่ว่าเท่าที่ฉินสือโอวรู้มา ปลาเรนโบว์เทราต์เป็นปลาน้ำจืด ปกติจะอาศัยอยู่ในแม่น้ำในทวีปอเมริกาเหนือเช่นอลาสก้า แคนาดาเป็นต้น แล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?
เจ้าปลาน้อยนี้มีนิสัยใจร้อน น่าจะไปเจอกับอะไรมา อาจจะเพิ่งหนีออกมาจากปากของศัตรูตามธรรมชาติมาก็เป็นไปได้ ปลาส่วนใหญ่ในมหาสมุทรมักจะอยู่กันเป็นฝูง หากเห็นมันอยู่ตัวเดียว มักจะเป็นเพราะถูกศัตรูพุ่งโจมตีจนพลัดหลงจากฝูง
เมื่อฉินสือโอวใช้พลังจิตเข้าไปควบคุม เจ้าปลาน้อยก็สงบลงแล้วว่ายน้ำตามฉินสือโอวไปยังแนวปะการัง จากนั้นก็ระริกระรี้ว่ายไปหาอาหารทันที
ไม่มีอะไรให้ทำอีกแล้ว ฉินสือโอวจึงรวบรวมจิตของเขากลับคืนมา จากนั้นจึงเข้าไปค้นหาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตแล้วก็ได้พบว่า
ปลาตัวนั้นเป็นปลาเรนโบว์เทราต์ชนิดหนึ่งจริงๆ ด้วย มีชื่อเรียกอีกชื่อว่าปลาเทราต์หัวเหล็ก ปลาชนิดนี้เป็นหนึ่งในปลาหายากที่จะย้ายถิ่นเมื่อต้องการวางไข่ มันเกิดในแม่น้ำแต่โตในทะเล
ตอนนี้ฉินสือโอวเข้าใจแล้วว่าถ้าหากต้องการพัฒนาฟาร์มปลาแห่งนี้ แนวปะการังเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะมันเป็นทั้งแหล่งอาหารและที่พักพิงของเหล่าปลาน้อยใหญ่
คิดๆ แล้วก็ไปถามชาร์คดีกว่า
“เฮ้เพื่อน! นายพอจะรู้ไหมว่าทำยังไงปะการังถึงจะโตเร็วๆ?”
ชาร์คไม่เข้าใจว่าฉินสือโอวจะอยากรู้เรื่องปะการังไปทำไม ฉินสือโอวเลยอธิบายความสัมพันธ์ของปลากับปะการังให้เข้าฟัง พอชาร์คเข้าใจเขาก็ทำหน้าลำบากใจแล้วบอกว่า
“บอส มันไม่ง่ายเลยนะ เมื่อก่อนเรามีปะการังสีน้ำเงิน แต่ต่อมาเนื่องจากคุณภาพน้ำนับวันยิ่งแย่ ปะการังก็เลยไม่รอด”
โดยทั่วไปแล้วปะการังชอบอาศัยอยู่ในทะเลน้ำตื้นเขตร้อน น้ำใสสะอาดและสารอาหารน้อย แต่พวกมันมีมากมายหลายชนิดมาก ปะการังที่อยู่ในน่านน้ำตื้นของเขตอบอุ่นและเขตหนาวก็มีไม่น้อย
และแม้แต่ในน่านน้ำลึกของเขตหนาวก็สามารถพบเห็นพวกมันได้เช่นกัน ตามที่นิตยสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิกเคยรายงานว่าพวกเขาพบปะการังสีดำที่ระดับน้ำเลลึก 8,800 เมตร
แต่ปะการังเป็นสิ่งมีชีวิตที่เปราะบางมาก พวกมันไวต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับความเค็ม ความเป็นกรดด่าง ความใสและปริมาณออกซิเจนของน้ำทะเลรวมไปถึงมลพิษทางน้ำอีกด้วย ปัจจุบันน้ำทะเลมีความเป็นกรดมากขึ้นตามปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เพิ่มขึ้น ปะการังกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤตการเอาชีวิตรอดครั้งใหญ่
สาเหตุที่ทำให้ปะการังในน่านน้ำรอบๆ เกาะตาย น่าจะเกี่ยวข้องกับมลพิษทางน้ำ ตอนที่ฉินสือโอวถอดจิตลงไปในทะเล เขารู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเท่าไร นั่นต้องเป็นเพราะมลพิษในน้ำแน่ๆ
“แล้วถ้าคุณภาพของน้ำดีขึ้นล่ะ?” ฉินสือโอวถาม
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ง่ายเลย พวกเราแค่โยนพวกหินหรือไม้ลงไปที่ก้นทะเล ให้พวกปะการังได้มีที่ยืดเกาะ พอเวลาผ่านไปพวกมันก็จะกลายเป็นแนวปะการังไปเอง” ชาร์คตอบ
ฉินสือโอวพยักหน้าอย่างเข้าใจและเริ่มวางแผนสร้างแนวปะการังเทียม
เมเปิลไซรัปถูกเคี่ยวจนบ่าย ชาร์คเข้าไปในตัวเมืองเลยก็ถือโอกาสพาเด็กสองสามคนกลับมาด้วย เมื่อเด็กเหล่านั้นเห็นเมเปิลไซรัปที่ถูกเคี้ยวจนเป็นสีเหลืองทองก็ดีอกดีใจกันใหญ่ เด็กน่ะอย่างไรก็ชอบน้ำตาลอยู่วันยันค่ำ
เด็กเหล่านี้อายุประมาณ 7-8 ขวบ ชาร์คลูบหัวเด็กที่ศีรษะกว่าใครเพื่อนแล้วแนะนำให้เขารู้จักอย่างภาคภูมิใจ
“บอสครับ นี่ลูกชายผม ชาร์คจูเนียร์ สิ่งล้ำค่าและผู้กล้าแห่งบ้านสตินสัน”
ฉินสือโอวฝืนยิ้ม คนแคนาดานี่ขี้เกียจตั้งชื่อให้ลูกกันหรือไง? ไม่ใช้ชื่อเดียวกับพ่อก็ใช้ชื่อเดียวกับปู่ ก่อนหน้านี้ก็เจ้าของบริษัทผู้จัดการประมูลริชชี่โรเบิร์ต เบลคที่สี่ ตอนนี้ก็ลูกชายของชาร์ค
วิธีกินเมเปิลไซรัปนั้นก็ง่ายๆ ใช้เครื่องทำน้ำแข็งทำน้ำแข็งเกล็ดออกมา แล้วราดเมเปิลไซรัปลงไปบนเกล็ดน้ำแข็งให้เป็นแท่งๆ รอมันเย็นจนเซ็ตตัวก็กินได้แล้ว มันมีชื่อเรียกว่า ‘Maple syrup snow candy’
ฉินสือโอวกินไปหนึ่งแท่ง ‘Maple syrup snow candy’ นั้นหวานแต่ไม่เลี่ยน ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะหิมะทำให้มันเย็นไปถึงขั้วหัวใจ ซึ่งอร่อยกว่าพวกอมยิ้มตั้งเยอะ
เออร์บักแนะนำให้ฉินสือโอวลองทำพุดดิ้งเมเปิลไซรัป มันเป็นขนมพื้นเมืองของนิวฟันด์แลนด์ วัตถุดิบที่ต้องใช้ก็มีเนยสด เมเปิลไซรัป ไข่แดงและใบมิ้นท์อบแห้ง
วิธีทำก็ไม่ซับซ้อนตีไข่แดง เนยและเมเปิลไซรัปให้เข้ากัน จากนั้นกรองพุดดิ้งเมเปิลไซรัปด้วยกระชอน แล้วเทลงบนพิมพ์ใช้ช้อนทำลายฟองอากาศที่อยู่บนผิวหน้าของพุดดิ้ง สุดท้ายนำเข้าเตาอบด้วยความร้อนระดับกลางก็เรียบร้อย คุณสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นพอจะกินค่อยเอาออกมาอุ่นก็ได้ สะดวกมากเลยล่ะ
ตอนบ่ายก็ไม่มีอะไรแล้ว ชาร์คกำลังง่วนอยู่กับการคิดว่าต้องซื้ออะไรบ้าง ส่วนฉินสือโอวก็ถือจานสลัดผลไม้และพุดดิ้งเมเปิลนั่งดูซีรีส์อยู่บนโซฟา ที่นี่สามารถเข้าถึงสถานีเคเบิลทีวีในอเมริกาเหนือได้โดยตรง ถึงแม้ว่าจะเป็นช่องที่ต้องเสียเงินถึงจะดูได้ แต่รายการทีวีต่างๆ ในนั้นก็มีคุณภาพมาก อย่างน้อยก็ไม่มีโฆษณาคั่นให้ต้องรู้สึกรำคาญใจ
วันๆหนึ่งก็ผ่านไปเช่นนี้แหละ พอค่ำฉินสือโอวไม่มีอะไรทำก็เลยเตรียมตัวจะไปเที่ยวบาร์ แต่สุดท้ายรถสตาร์ทไม่ติด มันทำให้เขากลุ้มใจมากและตัดสินใจว่าพรุ่งนี้จะไปซื้อรถ!
……………………………………….