บทที่ 17 รูปลักษณ์ที่แท้จริงของฟาร์มปลา
ฉินสือโอวโอนเงินอย่างมีความสุข ทำให้ผู้จัดการร้าน 4S และไทเกอร์รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าเศรษฐีพันล้าน
รถยนต์คาดิลแลค เอสคาเลดเปิดประทุน เครื่องยนต์ 6.2L คันนี้ ราคา 280,000 ดอลลาร์แคนาดา เป็นเงิน 1,400,000 หยวน แต่เมื่อฉินสือโอวโทรไป เหมาเหว่ยหลงบอกเขาว่ารถยนต์คันนี้ราคา 2,600,000 หยวน เมื่อขายในประเทศจีนซึ่งราคาสูงกว่าถึง 1 เท่าตัว
เพราะว่าฉินสือโอวซื้อรถในราคาเต็ม ดังนั้นร้าน 4S จึงลดราคาให้เขาอีก พร้อมกับแถมอุปกรณ์เสริมเบาะหนังครบชุดและประกันขั้นต่ำ
นอกจากนี้ ผู้จัดการยังบอกกับฉินสือโอวว่า รถคันนี้ยังมีบริการเสริมอีกด้วย นั่นก็คือไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไร ขอเพียงอยู่ในประเทศแคนาดา หากว่ารถยนต์เสียหาย หรือว่าต้องได้รับการซ่อมแซม แค่เพียงโทรศัพท์มา ร้าน 4S สาขาใดก็สามารถจัดการให้เขาได้ทุกแห่ง
มีเงินก็นับเป็นพี่ ฉินสือโอวไม่ใช่ว่าจะไม่เข้าใจ
ความจริงแล้ว การซื้อรถคันนี้ เขาไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าในกระเป๋ามีเงินอยู่ 1,000 หยวน แค่เหมือนใช้ไป 20 หยวนซื้อเครปผลไม้ไปสองชุด ง่ายๆ แบบนั้นเลย
หักเปอร์เซ็นต์จากค่ารถหรูง่ายๆ สบายๆ ทำให้ไทเกอร์ดีใจจนเกือบเสียสติ เขาเรียกฉินสือโอวเป็นเถ้าแก่เลยทีเดียว ดูแลเป็นอย่างดี ทั้งเติมกาแฟ เติมคุกกี้ไม่ขาด จะขาดก็แค่เพียงนวดบ่าทุบไหล่เท่านั้น
การดำเนินการเรื่องทะเบียนรถทุกสิ่งก็ไม่ให้ฉินสือโอวต้องยุ่งยาก ร้าน 4S รับผิดชอบดูแลให้เขาทั้งหมด สิ่งที่เขาต้องทำก็แค่กลับไปรอร้าน 4S ส่งรถมาให้เขาถึงฟาร์มปลา
เออร์บักพาฉินสือโอวเดินเล่นรอบๆ นครเซนต์จอห์น แม้ว่าทั้งที่เป็นนครแห่งแรกของรัฐนิวฟันด์แลนด์ แต่ว่าในสายตาของฉินสือโอว ก็ยังคิดว่าเป็นเมืองเล็กอันแสนเงียบสงบ มีเพียง 200,000 คน ยังจะเรียกว่าเป็นนครได้หรือ?
แม้ว่านครเซนต์จอห์นจะมีจำนวนคนน้อย พื้นที่เล็ก แต่ก็เป็นหนึ่งในเมืองจำนวนไม่มากที่เป็นเมืองท่าทางการค้าในแคนาดา ดังนั้นเศรษฐกิจจึงพัฒนาได้ดีมาก ไม่เช่นนั้นรถคาดิลแลค เอสคาเลดแบบนี้ก็คงไม่สามารถมีได้ในเมืองนี้เช่นกัน
เออร์บักแนะนำฉินสือโอวว่า เมืองถูกสร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 19 โดยพลเมืองฝ่ายสนับสนุนกษัตริย์จำนวน 4,000 คนและชาวไอริชบางคนที่หนีจากความหิวโหยมาอยู่ที่แห่งนี้ จึงมีอาคารโบราณสไตล์ไอริชเป็นจำนวนมาก
นครเซนต์จอห์นรักษาอาคารโบราณเหล่านี้เป็นอย่างดี ในเขตเมืองมีอาคารเก่าแก่ไม่น้อยที่ถูกทำลาย แต่ว่ายังไม่ถูกรื้อถอน และได้รับการคุ้มครองอย่างดี เพื่อบอกกล่าวกับนักท่องเที่ยวว่าเมืองนี้ไม่ได้เปล่งประกาย แต่มีประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม
เดินเล่นหนึ่งรอบ ทั้งคู่ก็มาถึงท่าเรือของอ่าว ณ นครเซนต์จอห์น ได้นั่งเรือรับส่งนักท่องเที่ยวกลับมายังเมืองแฟร์เวล
เมื่อได้เห็นฉินสือโอวกลับมา ชาร์คที่กำลังทำความสะอาดอยู่ก็ถามเขาว่าซื้อรถอะไรมา
ฉินสือโอวบอกอย่างขี้โอ่ “คาดิลแลค เอสคาเลดคันหนึ่ง ถ้าต่อไปนายจะใช้ ก็ไปเอากุญแจกับฉัน ใช้ได้ตามสบายนะ”
ท่าทีส่องประกายโอ้อวดเช่นนี้ ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหมาเหว่ยหลง ผู้ที่ซื้อคอมพิวเตอร์มาใช้ในหอพักช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย
เวลานั้น หนุ่มนั่นก็ชอบทำเป็นขี้โอ่แบบนี้เช่นกัน เขาให้ใส่รหัสในคอมพิวเตอร์ อีกทั้งยังเปลี่ยนรหัส 12 ครั้งภายในวันเดียว ไม่ใช่ว่าเขาตระหนี่จนไม่อยากให้เพื่อนร่วมห้องใช้มัน แต่เป็นเพราะเขาเพลิดเพลินไปกับความตื่นเต้นของเพื่อนร่วมห้องเวลาที่มาขอรหัสผ่าน
ใครจะรู้ว่าชาร์คกลับรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูก พลางถามว่า “พระเจ้า คุณไปซื้อเอสยูวีมาเหรอ? ผมคิดว่าคุณดูใบรายการของผม และไปซื้อกระบะซะอีก”
ฉินสือโอวจับลูบจมูกของตน ความจริงแล้วเขาไม่ได้ดูใบรายการสั่งซื้อของชาร์ค อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้วางแผนที่จะซื้อข้าวของเข้าฟาร์มปลาเร็วๆ นี้
“ยังต้องการรถกระบะอยู่เหรอ?”
“แน่นอนสิ ต่อไปต้องใช้รถกระบะลากเครื่องมือซ่อมเรือประมง ใช้มันเก็บหีบปลา ใช้มันลากเรือ ใช้มันส่งน้ำแข็ง อย่างไรสำหรับฟาร์มปลาแล้ว รถกระบะก็มีประโยชน์มาก”
“ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าค่อยว่ากัน ถึงเวลาค่อยดูว่ามีรถกระบะแบบไหนดี จริงสิ นายทำอะไรอยู่ล่ะ?”
“จัดเก็บฟาร์มปลา เจ้านาย ก่อนที่ผมจะทำงานที่ฟาร์มปลา ผมต้องเก็บกวาดที่นี่เสียก่อน”
ฉินสือโอวยิ้มพลางกล่าว “นายคนเดียว ต้องทำถึงกี่โมง?”
ชาร์คก็ยิ้มเช่นกัน กล่าวว่า “ใครบอกว่าผมทำคนเดียว? ผมแค่จัดเก็บของที่ยังใช้ได้ พรุ่งนี้เริ่ม ถึงจะมีคนมาทำความสะอาด”
ในตอนแรกฉินสือโอวไม่เข้าใจความหมายของชาร์ค ในตอนเช้าของวันรุ่งขึ้น เครื่องยนต์ของรถยนต์คำรามขึ้นมาคันแล้วคันเล่า ฉินสือโอวลุกขึ้นมองไปข้างนอก กลุ่มคนเข้ามาหากลุ่มแล้วกลุ่มเล่า
ชาร์คปัดเคราของเขาแบ่งงานให้คนที่มาช่วย บ้านกว่า 20 หลัง ในไม่ช้าก็มีคนรับผิดชอบทำความสะอาดจนหม
ฉินสือโอวถามว่า “นายจ้างคนมาทำความสะอาดเหรอ?”
ค่าแรงทำความสะอาดของแคนาดาไม่น้อยเลย แต่ว่านี่ไม่ใช่ข้อสำคัญ เขาไม่พอใจที่ชาร์คไม่บอกล่วงหน้าก็จ้างคนมาทำงานแบบนี้
ชาร์คส่ายหัว ยิ้มและกล่าวว่า “จ้างที่ไหนกัน ล้วนแต่เป็นเพื่อนบ้านและเพื่อนของผมทั้งนั้น พวกเขาไม่ได้ทำอะไรก็เลยมาช่วยผมทำความสะอาด ขอแค่พวกเราเลี้ยงข้าวสักมื้อตอนเสร็จงานก็ได้แล้ว”
ฉินสือโอวรู้สึกประทับใจเล็กน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนในประเทศทุนนิยมเช่นนี้ ก็ยังคงมีด้านที่อ่อนโยนอยู่ เขาเข้าใจว่าแคนาดามีดินแดนกว้างใหญ่ที่ประชากรเบาบาง ความสัมพันธ์ระหว่างคนแต่ละคนน่าจะไม่แยแสซึ่งกันและกัน
เป็นเพราะแคนาดามีดินแดนกว้างใหญ่ที่ประชากรเบาบาง ดังนั้นความสัมพันธ์ของผู้คนโดยเฉพาะเพื่อนบ้านนั้นดีมาก แม้แต่ญาติห่างๆ ก็ยังไม่สนิทสนมเท่ากับเพื่อนบ้าน
เวลานี้ ฉินสือโอวจึงจะทราบว่าชาร์คเป็นผู้กว้างขวางขนาดไหน คนชื่นชอบเขามากเพียงใด เขาแค่เพียงโทรออกไม่กี่ครั้ง ก็มีคนที่มาช่วยทำความสะอาดอย่างน้อยห้าสิบคนแล้ว!
เมื่อได้เห็น ชาร์คน้อย ลูกชายของชาร์คก็พาเพื่อนมาช่วย ฉินสือโอวจึงขับรถพาพวกเขาไปซื้อขนมจำนวนมากและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตัดสินใจจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำได้อย่างง่ายดาย
ทั้งวัน มีคนเข้าออกฟาร์มทั้งพลุกพล่านและคึกคักกลมเกลียวกันไม่เหมือนกับสถานการณ์ก่อนหน้านี้ที่เงียบเหมือนเป่าสาก
กระรอกเสี่ยวหมิงและเสี่ยวหงนั่งยองอย่างงงๆ โง่ๆ อยู่บนต้นเมเปิลคอยดูสัตว์สองขาที่เดินไปรอบๆ ใต้รังของพวกมัน ทำให้พวกมันตื่นตระหนกจนไม่กล้าลงไป
ด้วยการทำความสะอาดที่ถูกสุขลักษณะ รูปลักษณ์ของฟาร์มปลาก็เริ่มปรากฏขึ้น
ในที่สุดฉินสือโอวก็รู้แล้วว่าทำไมที่นี่จึงมีห้องจำนวนมาก เมื่อทำความสะอาดเคาน์เตอร์บาร์แห่งหนึ่งและโต๊ะบิลเลียดโต๊ะหนึ่งเสร็จแล้ว เขาจึงพบว่าเดิมทีฟาร์มปลานี้มีบาร์และห้องบิลเลียด
เพื่อนบ้านรอบๆ ของเขาซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับฟาร์มปลามากนักกำลังช่วยเขา ฉินสือโอวก็รู้สึกเกรงใจหากว่าจะพัก เขาต้องริเริ่มเป็นผู้นำในการทำงาน ดังนั้นกิจกรรมการสำรวจพื้นที่ใต้ท้องทะเลจึงถูกระงับไว้
แต่ว่า ตอนที่พักผ่อนเขาก็ยังไปสำรวจที่ใต้ทะเลดูอีกครั้ง ด้วยพื้นที่ปะการังแกนกลาง ทำให้โลกใต้ทะเลมีความสดใสขึ้นเป็นอย่างมาก
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ปลาเทราต์หัวแข็งที่ดึงดูดเขามาก่อนหน้านี้ได้หายไปแล้ว คงจะเพราะกินอิ่มมากพอที่จะกลับไปเผ่าพันธุ์แล้ว
ฟาร์มปลาต้าฉินครอบครองพื้นที่ขนาดใหญ่ ฉินสือโอวรู้สึกว่าในช่วงสังคมศักดินา เจ้าของที่ที่ใหญ่ที่สุดในบ้านเกิดของเขาก็ไม่ได้ครอบครองพื้นที่มากเท่าเขา
ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้เดินดูฟาร์มปลาอย่างละเอียด แต่คราวนี้เขากวาดเพื่อดูมันตั้งแต่ต้นจนจบ ฟาร์มปลาตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้สุดของเกาะแฟร์เวลซึ่งห่างจากใจกลางเมืองประมาณ 20 กิโลเมตร
เมืองแฟร์เวลเป็นสถานที่เล็กๆ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของใจกลางเกาะเล็กๆ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเล็กเป็นภูเขาหิมะซึ่งเรียกว่า 'ภูเขาเคอร์บัล' แม้ว่ายอดเขาหลักของภูเขาหิมะนับว่าไม่สูง แต่ก็มีพื้นที่ไม่เล็ก เงาของมันทอดยาวต่อเนื่องตั้งแต่ด้านทิศตะวันออกจรดทิศเหนือของเกาะ
แม้แต่ฟาร์มปลาของฉินสือโอวถูกล้อมรอบด้วยทิวเขาเล็กๆ ทางเหนือของฟาร์มปลาเป็นจุดเริ่มต้นของที่ตั้งด้านตะวันออกเฉียงใต้ของเทือกเขาบนเกาะ และยังเชื่อมกับสถานที่แห่งที่สองก็คือ ป่าที่ประกอบด้วยต้นไม้รกนานาชนิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกัน อันได้แก่ ต้นเมเปิล ต้นสน ต้นสพรูส (ต้นสนตระกูล Picea) ซีดาร์แดงตะวันตก และต้นสนดักลาส
เออร์บักบอกกับฉินสือโอวว่า ก่อนหน้านี้ พื้นที่ฟาร์มปลาของป่านี้ปกคลุมไปด้วยต้นไม้เช่น ต้นชงโค ต้นเมตาเซโคเอียใบสีทอง ต้นพลัมแดง ต้นเมเปิลแดง ต้นโซโฟร่าทอง ต้นควันใบม่วง ต้นสนบลูไอซ์ฯลฯ ถึงทุกฤดูร้อนและฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้เหล่านี้จะถูกปกคลุมไปด้วยใบไม้ ป่าทั้งป่าสวยงาม มีสีสัน เหมือนดังสรวงสวรรค์
“น่าเสียดายที่ต่อมาคุณฉินผู้เฒ่าได้จากไป ต้นไม้เหล่านี้ก็แห้งเหี่ยว” ชาร์คพูดขัดจังหวะขึ้น
เมื่อเออร์บักตามมาสมทบ ฉินสือโอวเดินไปทางเหนือของฟาร์มปลา ก่อนหน้านี้ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวัชพืชสูงถึงหัวเข่า ซึ่งดูสกปรกและยุ่งเหยิง เขาขี้เกียจที่จะมาถึงที่นี่ และยังกังวลว่าอาจจะมีบางสิ่งเช่น งูพิษหลบซ่อนอยู่ในหญ้า
ตอนนี้จุดที่ใกล้กับป่า เขาพบว่าตนเองกังวลเป็นอย่างมาก แม้ว่าสถานที่นี้จะมีหญ้าแห้งเป็นจำนวนมากแต่กลับพบงูและหนูได้น้อย แต่ว่ามีนกจำนวนไม่น้อยบินลงมาเป็นระยะเพื่อหาเมล็ดพันธุ์กิน
เขาพบคลองสายเล็กๆ ระหว่างทาง แม่น้ำสายน้อยไหลลงมาจากภูเขาหิมะที่ด้านหลังของฟาร์มปลาและไหลลงสู่มหาสมุทรโดยตรง
ภายใต้การแนะนำของเออร์บัก ฉินสือโอวเดินขึ้นเหนือไปตามแม่น้ำสายเล็ก ผลลัพธ์ก็คือค้นพบสิ่งใหม่ เมื่อเดินผ่านป่า เขาเห็นน้ำตกเล็กๆ ที่เชิงเขาหิมะ
“ดูสิ แปลกใจไหมล่ะ?" เออร์บักถามด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวกล่าว “ฟาร์มปลาแห่งนี้ สุดยอดไปเลย ทำให้ผมประหลาดใจมากเกินไปแล้ว”
น้ำหิมะใสดุจแก้วผลึกดังคำรามลงมาจากภูเขาและไหลลงมา เมื่อเข้าสู่แม่น้ำสายเล็กๆ มีสายน้ำประมาณห้าหรือหกเมตร รวมตัวกันกลายเป็นน้ำตกขนาดย่อม
แม้ว่าน้ำตกจะไม่ใหญ่ แต่เนื่องจากน้ำไหลเชี่ยว ดังนั้นน้ำที่ไหลลงมาจึงค่อนข้างแรงทีเดียว
เมื่อฉินสือโอวรู้สึกหลงเสน่ห์กับภาพทิวทัศน์นี้ทันใดนั้นเสียงร้อง 'ฮู่ว ฮู่ว' ก็ดังขึ้น
“ฮู่ว ลู่ว! โฮก! โฮก โฮก! ฮู่ว ลู่ว!” เสียงคำรามต่ำยิ่งดังขึ้น ระยะห่างที่ฉินสือโอวอยู่ก็ยิ่งใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เออร์บักหน้าถอดสี รีบพูดว่า “แย่แล้ว เสียงหมี!”
……………………………………….