ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 19 อาหารของโพไซดอน

ความสนุกสนานของงานเลี้ยงนั้นขึ้นอยู่กับการมีส่วนร่วมในงาน ฉินสือโอวไม่ได้ทานอะไรมากนักแต่เขากลับรู้สึกเพลิดเพลินสุดๆ

หลังจากจบจากงานเลี้ยงไปเป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์ ฉินสือโอวได้รับสายโทรศัพท์จากเบลค การประมูลของตระกูลลี่ได้ประกาศกำหนดการแล้ว วันที่ 18 เดือนเมษายนปีนี้จะเป็นวันสำคัญของการประมูลประจำฤดูใบไม้ผลิของพวกเขา

ในบรรดางานประมูลต่างๆ งานประมูลประจำฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิถือว่าเป็นงานที่สำคัญที่สุด รวมไปถึงการประมูลของซัทเทส์ คริสตีส์ เหิงเต๋อฮ่องกงและบริษัทรับจัดงานประมูลแห่งอื่นก็เตรียมที่จะจัดประมูลในช่วงนี้ พูดได้ว่าในช่วงเวลานี้ของทุกปีล้วนแต่เป็นงานเลี้ยงที่ถูกจัดอย่างยิ่งใหญ่เพื่อบรรดานักสะสม

ในทุกๆ งานประมูลก็มักจะมีเจ้าแห่งการประมูลอยู่ในการประมูลครั้งนี้มีตระกูลลี่เป็นราชาแห่งการประมูลซึ่งก็คือรูปปั้นเพอร์ซิอัสกับเมดูซาของฉินสือโอวนั่นเอง

งานประติมากรรมชิ้นนี้ก่อให้เกิดแรงสั่นสะเทือนต่อวงการนักสะสมผลงานศิลปะในยุโรป เดิมทีผลงานของเชลลินีนั้นก็มีไม่มาก ภัยพิบัติทางธรรมชาติจากเมื่อห้าร้อยกว่าปีก่อนจนกระทั่งทุกวันนี้ ยิ่งทำให้เหลือจำนวนผลงานอยู่ไม่มาก โดยเฉพาะผลงานประติมากรรมชิ้นใหญ่ของเขา

สำหรับวงการงานประติมากรรมนั้น คุณค่าในผลงานของเชลลินีชิ้นนี้ไม่ได้น้อยกว่าผลงานภาพจิตรกรรมโมนาลิซาเลย โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่สิบแปด ผลงานชิ้นนี้ได้สูญหายไป ตอนนี้ถูกหาเจออีกครั้ง ก็ยิ่งทำให้ผลงานชิ้นนี้กลายเป็นของหายากยิ่งกว่าเดิม

ตระกูลของเบลคจึงอยากเชิญฉินสือโอวเพื่อเข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ งานประมูลจะถูกจัดขึ้นที่โรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในเมืองออตตาวา รัฐบาลท้องถิ่นได้จัดกำลังตำรวจพิเศษเพื่อรักษาความปลอดภัยตลอดทั้งงาน ทั้งหมดแสดงให้เห็นถึงความเป็นทางการและความสำคัญอย่างมากของงานนี้

ก่อนจะเริ่มงานประมูล ผลงานที่เข้าร่วมการประมูลทุกชิ้นจะถูกจัดโชว์อยู่ที่โถงจัดแสดง ฉินสือโอวเดินชมงานโดยมีเบลคที่ช่วยให้คำแนะนำ

ในงานประมูลครั้งนี้มีผลงานศิลปะที่เข้าร่วมการประมูลกว่าสี่สิบแปดชิ้น ประกอบไปด้วย ภาพเขียนอักษร ประติมากรรมไม้ รูปหล่อสำริด เครื่องปั้นดินเผา เครื่องกระเบื้องเคลือบ เครื่องเรือน เครื่องเงินเครื่องทอง รวมไปถึงเครื่องลายครามแบบต่างๆ นับว่ามีความหลากหลายเป็นอย่างมาก

ที่บริเวณจัดแสดง แน่นอนว่าผลงานที่ได้รับความสนใจมากที่สุดก็คืองานประติมากรรมเพอร์ซิอัสกับเมดูซา กลุ่มผู้สูงอายุใส่แว่นหนาเตอะกลุ่มหนึ่งยืนล้อมรอบรูปปั้นตลอดทุกด้าน ในมือของทุกคนต่างก็มีแว่นขยาย พยายามสุดชีวิตที่จะส่องดูรูปปั้นชิ้นนี้ จนแทบจะยัดเอาแว่นขยายเข้าไปในตา

ฉินสือโอวเดินไปจนทั่ว ไม่คิดว่าจะเจอเข้ากับภาพวาดของปิกาโซที่ชื่อว่า Head of a Woman เขาจึงลองพินิจดูอย่างละเอียด เขารู้สึกว่าภาพวาดผืนนี้ช่างคล้ายกับภาพวาดไก่เขี่ยของตัวเองสมัยอนุบาล แถมยังขี้เหร่กว่าภาพหญิงสาวกับแทมบูรินของเขาอีก

ทำให้เขามีความมั่นใจขึ้นมานิดหน่อย เขาคิดว่าขอแค่มีภาพนี้อยู่ ภาพของเขาไม่มีทางได้ราคาต่ำแน่

มีคนเคยพูดไว้ว่า สินค้าจะไม่เป็นที่รู้จักไม่น่ากลัว โดนเปรียบเทียบกับสินค้าอื่นน่ากลัวยิ่งกว่าไม่ใช่เหรอ พอลองเปรียบเทียบกันภาพผืนนั้นของเขาก็ไม่ได้แย่

หากจะพูดว่าฉินสือโอวไม่ได้ดื่มด่ำไปกลับผลงานของปิกาโซ เช่นนั้นภาพต่อมาที่เขาได้เห็นก็ทำให้เขาอยากจะประสาทกินเลยล่ะ ภาพวาดผืนนั้นมีชื่อว่าแคลเซียมไฮไดรด์ หรือก็คือภาพวงกลมหลากสีสันที่ถูกวางเรียงกันอยู่บนผ้าใบนั่นเอง

“ภาพนี้ก็ถูกนำเข้ามาประมูลใช่หรือเปล่า?” ฉินสือโอวถามเบลคด้วยความสงสัย

เบลคยักไหล่แล้วตอบเขาไปว่า “คุณทายถูกแล้ว ใช่เลย เจ้านี่แหละ”

ฉินสือโอวไม่ได้อยากจะปล่อยไก่ให้คนอื่นรู้หรอก แต่เขาก็อดที่จะกลอกตาไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่เพราะพระเจ้าเป็นบ้า ก็คงเป็นพวกนักสะสมนี่แหละที่บ้าไปแล้ว”

เบลคอธิบายออกมาอย่างยิ้มๆ “ถ้าคุณไม่ชอบมัน ก็ไม่แปลกหรอก แต่ผมต้องแนะนำอะไรคุณสักหน่อย เจ้าของผลงานชิ้นนี้ชื่อว่าเดเมียน เฮิร์สต์ เป็นศิลปินสมัยใหม่ที่มีสัญญาซื้อขายแพงที่สุดในอังกฤษ”

ฉินสือโอวไม่อยากพูดมาก ถ้าหากศิลปะสมัยใหม่แค่ต้องวงกลมลงไปบนผ้าใบ งั้นเขาขอชื่นชมภาพวาดทิวทัศน์ของจีนดีกว่า แบบนั้นสิถึงจะเรียกว่าเป็นศิลปะที่แท้จริง!

ดูได้ไม่กี่ภาพ เขาก็เตรียมจะเดินออกไป แต่ปรากฏว่าเมื่อเขาเดินผ่านรูปปั้นชิ้นหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหวิวๆขึ้นมาจากส่วนลึกของหัวใจ

นี่เป็นความรู้สึกแบบที่เขาไม่เคยมีมาก่อน หากจะต้องอธิบายให้ชัดเจน ก็คือจิตใจเขารู้สึกสั่นเทาเป็นอย่างมาก ภายใต้ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้ฉินสือโอวต้องหยุดฝีเท้าและเงยหน้ามองรูปปั้น

รูปร่างของงานประติมากรรมชิ้นนี้เป็นรูปแอปเปิลลูกหนึ่ง ขนาดใหญ่เท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่ ไม่ทราบแน่ชัดว่าทำมาจากวัสดุอะไร คล้ายกับขี้ผึ้ง แต่มีสีที่ขุ่นกว่า เป็นสีทองทั้งอัน ไม่ได้สวยงามอะไรนัก

เบลคเป็นนักธุรกิจที่ฉลาดเฉียบแหลม เมื่อเขาเห็นว่าฉินสือโอวหยุดดูรูปปั้นแอปเปิลชิ้นนี้ จึงพูดขึ้นว่า “เป็นยังไง สนใจเหรอ? นี่เป็นผลงานชั้นเยี่ยมเลยล่ะ จากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ ผลงานชิ้นนี้ถูกทำขึ้นเมื่อศตวรรษที่สิบแปด เป็นของโบราณแท้ๆ เลย”

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ของชิ้นนี้ถึงได้ดึงดูดฉินสือโอวนัก หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ของชิ้นนี้นั้นได้ดึงดูดจิตสำนึกโพไซดอนของฉินสือโอวเข้าให้

แต่ทว่า ฉินสือโอวไม่อยากบอกความรู้สึกที่แท้จริงออกไปจึงพูดออกมาอย่างจองหองว่า “นี่น่ะเหรอผลงานคลาสสิค โอ้ พระเจ้า วันนี้ผมเจอเรื่องน่าตื่นเต้นมามากพอแล้ว ไม่สิ ต้องพูดว่า วันนี้ผมได้เรียนรู้อะไรมามากพอแล้ว”

เบลคพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีว่า “ไม่เป็นไรน่า ฉิน สายตาของคุณบอกความรู้สึกที่แท้จริงของคุณมาแล้วว่า คุณอยากได้มันมาก ใช่ไหมล่ะ? ที่จริงแล้ว สายตาของคุณก็แหลมคมไม่เบาเลย อย่ามองแค่ว่ามันเป็นงานชิ้นเล็กๆที่ไม่ได้สวยงามสักเท่าไร คุณค่าของมันอยู่ที่วัสดุที่ใช้ทำต่างหาก รู้ไหมว่ามันทำมาจากอะไร? อำพันทอง!”

อำพันทองคืออะไร ยังคงเป็นปริศนามาจนทุกวันนี้ จากการวิเคราะห์ของนักวิทยาศาสตร์ชาวตะวันตกยุคใกล้ได้กล่าวว่ามันเป็นเพียงเศษอุดตันในลำไส้ปลาวาฬ อีกทั้งในช่วงประวัติศาสตร์ยุคกลางของฝั่งตะวันตกและตะวันออกยังได้ใช้เครื่องหอมชนิดนี้มาทำเป็นของล้ำค่าอีกด้วย

ฉินสือโอวพนิจดูรูปปั้นแอปเปิลชิ้นนี้อีกหลายครั้ง จากนั้นจึงค่อยเข้าไปเตรียมตัวสำหรับการประมูล หลังจากที่เขานั่งลงเบลคได้แนะนำชายวัยกลางคนสวมแว่นกรอบสีทองคนหนึ่งให้เขารู้จัก ต่อมาชายคนนั้นได้แนะนำตนเองว่าเขาชื่อ

อลัน แบรนดอน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน

สิบนาฬิกาในตอนเช้า การประมูลก็ได้เริ่มต้นขึ้น ผลงานชิ้นแรกที่ถูกนำขึ้นประมูลคืองานศิลปะร่วมสมัย ชื่อว่าแคลเซียมไฮไดรด์ที่ฉินสือโอวดูถูกไว้

แต่ที่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกช็อกที่สุดก็คือ ภาพวาดผืนนี้มีราคาประมูลถึง สองล้านสี่แสนดอลลาร์แคนาดา!

“รสนิยมในงานศิลปะของฉันมันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย?” สุภาพบุรุษฉินรู้สึกเศร้าขึ้นมานิดๆ

เมื่อเทียบกันแล้วความรู้สึกของ อลัน แบรนดอนที่นั่งอยู่ข้างๆกลับดูเหมือนจะดุเดือดกว่ามาก เขาขบเขี้ยวเคี้ยวฟันพูดออกมาว่า “เหลวไหล! คนพวกนี้เป็นบ้าไปแล้วเหรอ? นี่มันแค่เศษผ้าเน่าๆชัดๆ! ผ้าเน่าๆนี่ควรจะลงนรกไปซะ พวกเขากลับยอมควักเงินสองล้านสี่แสนซื้อ เหลวไหลสิ้นดี”

สุภาพบุรุษฉินมองอลัน แบรนดอนด้วยความตกตะลึง คุณลุงคนนี้เขาเกลียดคนมีเงินเหรอ?

ไม่นานหลังจากนั้น ของของฉินสือโอวก็ถูกนำขึ้นสู่เวที งานชิ้นแรกที่ถูกนำเสนอคือภาพวาดของพีนาร์เจียน

ผลลัพธ์นั้นทำเอาซะฉินสือโอวทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว มีจิตรกรมารวมกันเยอะขนาดนี้ แต่กลับไม่มีใครสนใจเลยสักคน ตอนที่กำลังประมูลภาพแคลเซียมไฮไดรด์ มีนักสะสมอย่างน้อยห้าหกคนที่แข่งกันเสนอราคา

ราคาขั้นต่ำของภาพวาดผืนนี้อยู่ที่หนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดา พิธีกรงานประมูลลากเสียงถามย้ำอยู่อีกสักพัก สุดท้ายมีจิตรกรวัยรุ่นชาวอเมริกันสองคนที่ร่วมเสนอราคาประมูลเพื่อรับผลงานชิ้นนี้ไป

ต่อมาไม่นานก็เกิดการเคาะราคาขึ้นอีกครั้ง ภาพวาดของปิกาโซถูกประมูลติดต่อกัน ภาพแรกคือภาพ Head of a Woman ที่ฉินสือโอวเคยดูแคลนเอาไว้

ราคาเริ่มประมูลของภาพนี้อยู่ที่หกล้านดอลลาร์แคนาดา เมื่อเสนอราคาออกไป ก็มีนักสะสมชาวรัสเซียคนหนึ่งเสนอราคาเพิ่มอีกห้าแสน จากนั้นก็มีคนเสนอราคาเพิ่มอีกคนละเล็กน้อย ท้ายที่สุดภาพวาดชิ้นนี้ก็มีราคาขายสูงสุดอยู่ที่แปดล้านหกแสนดอลลาร์แคนาดา

ต่อมาเป็นการประมูลภาพหญิงสาวกับแทมบูริน แต่กลายเป็นว่าราคาเริ่มประมูลของภาพนี้กลับอยู่ที่หนึ่งล้านแปดแสนดอลลาร์แคนาดาเท่านั้น เทียบกับภาพวาด Head of a Woman แล้วช่างต่างกันราวฟ้ากับเหว

สีหน้าของฉินสือโอวเริ่มไม่สู้ดี เบลคจึงรีบร้อนอธิบาย เขาพูดเสียงเบาว่า “อย่าเพิ่งใจร้อน เพื่อนเอ๋ย ภาพวาด Head of a Woman เป็นผลงานของปิกาโซในช่วงที่เขาประสบความสำเร็จแล้ว แต่ภาพวาดชิ้นนี้ของนายเป็นผลงานในช่วงที่เขาลองเปลี่ยนแนวทางการวาดเท่านั้น คุณต้องก่อนรู้ว่าปิกาโซเป็นศิลปินที่มีผลงานเยอะมาก ผลงานของเขาที่เหลืออยู่มีตั้งกี่พันชิ้น พูดตามจริง ภาพวาดของคุณผืนนี้ขายได้ราคาเท่านี้ก็นับว่าไม่น้อยแล้ว”

เบลคยังได้ปลอบใจฉินสือโอวอีกว่า “เมื่อสักครู่นี้ผมเพิ่งจะรับโทรศัพท์ ภาพวาดเลียนแบบ ภาพดอกทานตะวันของ

พีนาร์เจียนผืนนั้นผมฝากเพื่อนให้ช่วยขายได้แล้ว ขายให้กับพิพิธภัณฑ์นิวยอร์ก ราคาห้าแสนสี่หมื่นดอลลาร์แคนาดา”

เรื่องนี้ทำเอาฉินสือโอวยิ้มออกมาทันที ที่จริงเขาเลิกหวังกับภาพวาดของปลอมผืนนั้นไปแล้ว กลับกลายเป็นว่ามันขายได้ตั้งห้าหมื่นกว่าดอลลาร์ นับว่าเป็นลาภที่ได้มาอย่างไม่คาดคิด

ในระหว่างที่ฉินสือโอวกับเบลคกำลังคุยกันอยู่นั้น การแข่งขันประมูลภาพหญิงสาวถือกลองทองก็ได้เริ่มขึ้น

ถึงอย่างไรชื่อเสียงของปิกาโซนั้นก็โด่งดัง ถึงแม้ภาพวาดผืนนี้จะถูกตีราคาได้ไม่สูงนัก แต่นักสะสมชาวรัสเซียกับตะวันออกกลางหลายคนก็ยังแย่งกันประมูลซื้อภาพนี้ สุดท้ายเศรษฐีนักธุรกิจชาวอาหรับก็ได้ภาพนี้ไปในราคาสองล้านห้าแสนดอลลาร์แคนาดา

การมูลสินค้าผ่านไปเกือบสิบชิ้น งานประมูลก็เข้าสู่ช่วงพัก เมื่อกลับมา งานประติมากรรมอำพันทองรูปแอบเปิลที่ฉินสือโอวสนใจก็ได้เริ่มการประมูลขึ้น ช่างบังเอิญเสียจริง รูปปั้นแอปเปิลอำพันทองชิ้นนี้กลับมีชื่อว่าอาหารของโพไซดอนซะได้ พิธีกรการประมูลบรรยายว่า “นี่คือของขวัญที่มาจากท้องทะเล พวกเราได้ขอคำแนะนำจากอาจารย์มหาวิทยาลัยทางด้านสมุทรศาสตร์ศาสตราจารย์แบร็ค แฮสซัน จากการค้นคว้าและพิสูจน์ของเขา ทำให้ทราบว่าผลงานศิลปะชิ้นนี้คือเครื่องสักการะของชาวประมงที่ถวายให้กับเทพโพไซดอนในช่วงศตวรรษที่สิบแปด ราคาประมูลเริ่มต้นที่ หนึ่งล้านหกแสน!”

……………………………………….