ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 20 มหาเศรษฐี (ครึ่ง) ร้อยล้าน

การหาค่าคาร์บอน 14 นั้นไม่สามารถปลอมแปลงได้ ของชิ้นนี้เป็นของโบราณจากศตวรรษที่สิบแปดอย่างแน่นอน เช่นนั้นฉินสือโอวรู้ว่าราคาของมันไม่มีทางต่ำอย่างแน่นอน แต่หนึ่งล้านหกแสนก็ถือว่าราคาไม่สูงนัก เมื่อประกาศราคาแล้ว เขาจึงยกมือแล้วตะโกน “หนึ่งล้านหกแสนห้าหมื่น”

นักสะสมคนอื่นต่างก็หันมามองเขา คนที่นั่งอยู่แถวหน้าล้วนแต่หันหน้ามามองเขากันหมด เศรษฐีชาวอาหรับที่ประมูลภาพ Head of a Women ไปก่อนหน้านั้นก็ยกมือขึ้นโบกพูดขึ้นเสียงดัง “หนึ่งล้านเจ็ดแสน”

ฉินสือโอวหัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขารอคนอื่นเสนอราคาอยู่ รอให้ราคาประมูลท้ายสุดออกมา จะได้เสนอราคาไปทีเดียวไม่ต้องยุ่งยาก

แล้วก็เป็นดังที่คาดไว้ ต่อมายังมีอีกสองคนที่เสนอราคาเพิ่ม จนทำให้ราคาสูงขึ้นไปถึงหนึ่งล้านเก้าแสน พิธีกรประกาศขึ้นว่า ‘หนึ่งล้านเก้าแสนครั้งที่หนึ่ง’ ฉินสือโอวยกมือขึ้น พูดเสียงดังว่า “สองล้าน!”

อลัน แบรนดอนที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ทำท่าแบมือออกอย่างจนปัญญา เขายิ้มแล้วพูดกับฉินสือโอวว่า “เจ้าหนุ่ม ใจเย็น ใจเย็นก่อน อย่าเพิ่งรีบร้อน ตั้งสองล้านเลยนะ นายจะจ่ายเงินซื้อท่อนไม้เน่าๆ เหรอ?”

ฉินสือโอวหันหน้าไปหาเขาแล้วพูดอย่างยิ้มๆ ว่า “ช่วยไม่ได้ ผมมีเงิน แถมยังเอาแต่ใจตัวเองซะด้วย!

สำหรับรูปปั้นอำพันจากศตวรรษที่สิบแปดที่ไม่ได้มีความประณีตชิ้นนี้ สองล้านดอลลาร์แคนาดาก็ถือว่าเป็นราคาที่มากเกินพอแล้ว ขนาดเศรษฐีอาหรับคนนั้นยังหมดคำจะกล่าวว่า เขาส่ายหัวแล้วยอมแพ้การประมูล

เพราะเงินสองล้าน อาหารของโพไซดอนจึงตกอยู่ในมือของเขา

แบรนดอนยังคงเอาแต่ส่ายหัว ฉินสือโอวคิดว่ามันก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เขารู้สึกได้ว่า ของชิ้นนี้จะนำสิ่งดีๆมาให้เขา

สินค้าประมูลชิ้นหลังๆไม่ได้ทำให้ฉินสือโอวเกิดความสนใจแล้ว แต่ก็ยังมีภาพเขียนพู่กันชิ้นหนึ่งของปรมาจารย์ฉีไป๋สือที่เขาให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งยังตระหนักว่าควรจะซื้อกลับไปเพื่อเป็นสมบัติของชาติ น่าเสียดายที่ราคาสูงเกินไป ท้ายที่สุดราคาขายก็สูงถึงสิบห้าล้านกับอีกห้าแสนดอลลาร์แคนาดา เงินทั้งหมดของเขาเอามารวมกันก็ยังไม่พอซื้อเลยด้วยซ้ำ

สุดท้ายคือการประมูลสินค้าชิ้นสำคัญของงาน นั่นก็คือรูปปั้นเพอร์ซิอัสกับเมดูซานั่นเอง พิธีกรไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก เมื่อผลงานชิ้นนี้ถูกยกขึ้นมา บรรดานักสะสมในห้องจัดประมูลก็ตาเป็นประกาย

ที่จริงแล้ว ผู้เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้มีไม่น้อยเลย ตามที่เบลคบอกไว้ว่าเกินสองร้อยคนแล้ว แต่มีอย่างน้อยที่สุดห้าสิบคน ที่ไม่ได้ประมูลผลงานในระหว่างการประมูลผลงานศิลปะสี่สิบเจ็ดชิ้นก่อนหน้าเลยสักชิ้น ไม่ต้องสงสัยเลย คนเหล่านี้กำลังรอประติมากรรมชิ้นนี้อยู่

“ราคาประมูลเริ่มต้นของพวกเราอยู่ที่ยี่สิบสี่ล้านดอลลาร์แคนาดา เพิ่มครั้งละหนึ่งล้านดอลลาร์แคนาดา!”

สิ้นเสียงของพิธีกร ชายที่มีรูปร่างอ้วนใหญ่มหาเศรษฐีชาวรัสเซียคนหนึ่งก็รีบลุกขึ้นตะโกน “ยี่สิบหกล้าน”

“ยี่สิบเจ็ดล้าน!” ชายวัยกลางคนรูปร่างสง่างดงามคนหนึ่งก็รีบประมูลต่อทันที เบลคแนะนำฉินสือโออย่างเบาเสียง “คนนี้มาจากตระกูลเบอร์เกนในอังกฤษ ตระกูลผู้ดีชั้นสูงที่มีต้นกำเนิดในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา”

“ยี่สิบแปดล้าน!” “เขาเป็นคนฝรั่งเศส ตระกูลเขาเป็นเจ้าของโรงงานเหล็กกล้า”

“ยี่สิบเก้าล้าน!” “ส่วนคนนี้เป็นคนอิตาลี ว่ากันว่าตระกูลของเขาทำธุรกิจกับมาเฟีย”

ฉินสือโอวมองดูคนเหล่านี้แย่งกันเสนอราคาอย่างมีความสุข ราคายิ่งสูงขึ้นเขาก็ยิ่งได้ประโยชน์ ถ้าไม่ใช่เพราะกฎของงานประมูลที่กำหนดไว้ว่าห้ามไม่ให้เจ้าของสินค้าเสนอราคาประมูลล่ะก็ เขาคงอดไม่ได้ที่จะประมูลให้ราคามันสูงขึ้นสักสามสิบห้าล้าน

ปรากฏว่า เหตุการณ์การณ์ก็เหมือนจะซ้ำรอยเดิมอีกครั้ง มหาเศรษฐีหน้าใหญ่ชาวอาหรับยกมือขึ้นโบกแล้วพูดออกมาอย่างเรียบๆ “สามสิบห้าล้าน!”

หลังจากที่เขาเสนอราคาประมูลขึ้นมา ทุกคนต่างก็ส่งเสียงฮือฮาราวกับว่ามีคนติดไฟจุดประทัด

แถมยังมีจระเข้ยักษ์รัสเซียลุกขึ้นมาสู้อีกคน “สามสิบหกล้าน!”

ฉินสือโอวตื่นเต้นจนแทบจะกลั้นฉี่ไม่ได้ ไม่ไหว ไม่ไหว อีกนิดจะราดแล้ว!

ตอนนี้เหล่ามหาเศรษฐีชาวยุโรปเริ่มจะโมโหแล้ว ประติมากรรมชิ้นนี้เป็นหนึ่งในผลงานที่เป็นตัวแทนของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา สูญหายไปในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ชาวยุโรปทุกคนต่างก็อยากที่จะได้รับเกียรตินำมันกลับไป ตอนหาเจอแล้ว พวกเขาจะอยู่เฉยๆไม่ทำอะไรเลยได้อย่างไร?”

ในสายตาของเหล่ามหาเศรษฐีชาวยุโรป จระเข้ยักษ์รัสเซียกับแขกขาวขี้อวดนั่นชักจะหยามกันเกินไปแล้ว พวกมันคิดว่าที่นี่คือที่ไหน? พวกมันคิดว่าที่นี่เล็กเท่าหยิบมือ พวกมันอยากจะทำอะไรก็ได้งั้นเหรอ?

ผลงานศิลปะก่อนหน้านี้ พวกมหาเศรษฐียุโรปถือตัวไม่ได้ลงไปร่วมประมูลด้วย ก็นับว่าไว้หน้าคนพวกนี้มากแล้ว ดูท่าว่าหากเศรษฐีบ้านนอกพวกนี้ไม่ซื้อ เหล่ามหาเศรษฐียุโรปก็ขอไม่เกรงใจแล้ว

ตัวแทนชาวยุโรปจากตระกูลใหญ่หลายคนได้รวมตัวกระซิบกระซาบกันอยู่สักพักหนึ่ง ต่อมาจึงได้ส่งตัวแทนออกมาเสนอราคาประมูล “สี่สิบล้าน!”

เมื่อได้ยินราคานี้ พวกจระเข้ยักษ์รัสเซียจึงหันมองหน้ากัน เพียงแค่มองตาก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่าย แล้วจึงพยักหน้าให้กัน พวกเขาอยากได้ พวกเขาอยากจะได้รูปปั้นที่มีความหมายสำคัญอย่างมหาศาลชิ้นนี้ไว้ในครอบครอง แต่ในใจของพวกเขาก็รู้แน่ชัดว่า รูปปั้นชิ้นนี้ไม่คุ้มค่ากับเงินสี่สิบล้าน

พิธีกรการประมูลก็คิดว่าราคาคงจะหยุดอยู่ที่เท่านี้ เขากำลังจะประกาศ แต่ทันใดนั้นเศรษฐีชาวอาหรับก็ยกมือขึ้นอีกครั้ง “สี่สิบห้าล้าน!”

ปากกำลังเสนอราคาประมูล แต่ตาของมหาเศรษฐีอาหรับกลับมองไปยังกลุ่มเศรษฐีชาวยุโรปอย่างเย็นชา อย่างมีความหมายโดยนัย ตอนนี้มันไม่ใช่ยุคที่ยุโรปเรืองอำนาจอย่างเมื่อสิบแปดปีก่อนแล้ว ถ้าอยากจะแย่งของจากมือมุสลิมอย่างพวกเรา ก็คงจะต้องมีคนเจ็บกันบ้าง

เหล่ามหาเศรษฐียุโรปโมโหจนแทบบ้า นี่มันเป็นสมบัติประจำชาติของพวกเขา ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ต้องเอามันกลับไปให้ได้ เช่นนั้นจึงมีคนกัดฟันพูดขึ้นมา “สี่สิบหกล้าน!”

มหาเศรษฐีชาวตะวันออกกลางยกมือขึ้น ครั้งนี้เขาไม่ต้องเอ่ยปากเอง ผู้ช่วยส่วนตัวของเขาก็พูดขึ้นเสียงดัง “ห้าสิบล้าน!”

ได้ยินราคานี้ ฉินสือโอวก็แทบจะความดันเลือดขึ้นตา มือของเขากำเป้ากางเกงไม่อยู่แล้ว เอาวะ ถ้าจะราดก็ปล่อยให้มันราด คราวนี้จึงเปลี่ยนมือมากุมที่หน้าอกแทน

ยามนี้เหล่ามหาเศรษฐียุโรปเริ่มจะทนไหวแล้ว พวกเขารวมกลุ่มกระซิบกระซาบกันอยู่สักพัก จึงเสนอราคาขึ้นอีกครั้งอย่างอ่อนระโหยโรยแรง “ห้าสิบสองล้าน!”

“ห้าสิบห้าล้าน!” ผู้ช่วยของเศรษฐีชาวตะวันออกกลางตะโกนขึ้นมาด้วยท่าทางทะนงตัว

เบลคกุมมือของฉินสือโอวขึ้นบีบแล้วพูดว่า “ยินดีด้วย ฉิน คุณกำลังก้าวสู่การเป็นเศรษฐีพันล้านแล้ว!”

ฉินสือโอวดึงมือกลับมา กุมหน้าอกของตนต่อ เขากำลังคิดว่าต้องให้บริกรในงานเรียกรถพยาบาลให้ไหม

โชคดีที่การประมูลหยุดลงพอดี มหาเศรษฐีชาวตะวันออกกลางใช้เงินห้าล้านฟาดเหล่ามหาเศรษฐีชาวยุโรปให้ตกลงเหวไป หลังจากที่เขาเสนอราคาห้าสิบห้าล้านออกไป มหาเศรษฐียุโรปเหล่านั้นก็พ่ายแพ้ราบคาบ

พีธีกรการประมูลประกาศออกมาเป็นจังหวะ สามครั้ง จากนั้นจึงใช้ค้อนเคาะหนึ่งครั้ง และกล่าวเสียงดังว่า “ราชาแห่งการประมูลและผู้ที่ได้รับรูปปั้นเพอร์ซิอัสและเมดูซาไป ในครั้งนี้ ได้แก่ท่านอาฟีฟ เชค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล-นาห์ยาน ด้วยเงินมูลค่าสูงถึงห้าสิบห้าล้าน ขอเสียงปรบมือแสดงความยินดีด้วยครับ!”

“แปะ แปะ แปะ”เสียงตบมือของฉินสือโอวดังก้องกังวานเป็นพิเศษ

เหล่ามหาเศรษฐียุโรปต่างก็ท้อแท้สิ้นหวัง พวกเขาตบมือตามมารยาท แล้วจึงพากันเดินออกไปจากห้องประมูล คาดว่าน่าจะไม่มีกะจิตกะใจที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยงต่อแล้ว

ภาพวาดดอกทานตะวันราคาห้าแสนสี่หมื่น ภาพวาดชิ้นอื่นๆของพีนาร์เจียนอีกหนึ่งล้าน ภาพวาดของปิกาโซก็สองล้านห้าแสน บวกกับเงินก้อนนี้อีกห้าสิบห้าล้าน ฉินสือโอวมีเงินรวมกันใกล้จะหกสิบล้านแล้ว

ทว่า เขายังต้องเสียภาษีส่วนบุคคลจากการประมูลงานศิลปะ เงื่อนไขของแคนาดานั้นอยู่ที่ยี่สิบสองเปอร์เซ็นต์

แต่เออร์บักบอกว่าเขาสามารถเลี่ยงภาษีได้อย่างชอบธรรม อีกทั้งยังคิดหาวิธีช่วยเขาเลี่ยงจ่ายภาษีไว้แล้ว

เช่นนั้นแล้ว ไม่ว่าอย่างไร คราวนี้เขาก็กลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วจริงๆ

งานเลี้ยงตอนกลางคืนถูกจัดที่โรงแรมห้าดาวแห่งเดิม ที่มีชื่อว่า ‘โฟร์ ซีซั่น’ แห่งนี้เช่นกัน เบลคพาฉินสือโอวเดินชมทั่วงาน และยังแนะนำให้เขารู้จักเศรษฐีชาวแคนาดาอีกหลายคน

หลังจากดื่มแชมเปญเข้าไปเต็มกระเพาะ ตอนที่ฉินสือโอวกลับจากห้องน้ำเขาเห็นว่าเบลคกับอลัน แบรนดอนที่นั่งข้างกันกับเขาในงานประมูลกำลังพูดคุยกันอย่างออกรส จึงได้เดินเข้าไปหาพวกเขา

เบลคยกแก้วแชมเปญขึ้น ฉินสือโอวก็รู้ว่าเขาคงจะกำลังแนะนำใครบางคนให้เขารู้จักอีกแล้ว

แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ครั้งนี้เบลคยกแก้วชี้ไปที่อลัน แบรนดอน พูดอย่างยิ้มๆว่า “ฉิน ผมคิดว่าคุณคงจะพอรู้จักอลันบ้างแล้ว ครั้งนี้ขอให้ผมได้แนะนำอีกครั้ง ท่านผู้นี้คือผู้จัดการใหญ่ธนาคารมอนทรีออล สาขานิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ อลัน แบรนดอน พวกคุณมาจากรัฐเดียวกัน ควรจะทำความรู้จักกันให้มากๆ

เป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของธนาคาร แถมยังเป็นเจ้าหน้าที่ชั้นสูงของสาขาในรัฐใหญ่อีกต่างหาก อลัน แบรนดอนเพียงแค่จับมือทักทายฉินสือโอวอีกครั้งอย่างเป็นธรรมชาติ ไร้ซึ่งคำพูดยกยอ อีกทั้งยังพูดคุยอย่างเป็นกันเองด้วย!

ฉินสือโอวเข้าใจถึงจุดประสงค์ของแบรนดอน จึงใช้คำพูดธรรมดาคุยกันอย่างตรงไปตรงมา “วางใจเถอะ เงินก้อนนี้ของผมต้องไปฝากไว้กับธนาคารของพวกคุณอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าตอนนี้พวกคุณอย่าเพิ่งยื่นข้อเสนออะไรให้ผมนะ เพราะผมอยากอยู่เงียบๆ ……”

“เงียบๆ เงียบๆ ยังไง?” แบรนดอนแสร้งทำเป็นถาม

ฉินสือโอวจึงหัวเราะออกมา เขารู้ว่านี่เป็นมุกอย่างหนึ่งที่ใช้ในนิทาน เขาพอจะมองออก เพื่อเงินห้าสิบกว่าล้านของเขา แบรนดอนถึงกับยอมทุ่มเททำขนาดนี้

“พวกคุณคุยกันน่าสนุกดี ขอผมคุยด้วยอีกคนได้ไหม?” เสียงนุ่มๆเสียงหนึ่งดังขึ้น ฉินสือโอวหันหลังไปมอง ก็เจอเข้ากับมหาเศรษฐีชาวตะวันออกกลางผู้ประมูลรูปปั้นเพอร์ซิอัสกับเมดูซาที่กำลังเดินยิ้มเข้ามาทางนี้

ฉินสือโอวไม่ถือสาที่จะทำความรู้จักคนเพิ่ม กระทั่งนายธนาคารใหญ่อย่างอลันแบรนดอน ก็ยังรู้สึกเหมือนกัน

ก่อนหน้านี้เบลคอยากจะให้การต้อนรับมหาเศรษฐีชาวอาหรับเอมิเรตส์ที่ชื่อว่าอาฟีฟ เชค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล-นาห์ยานคนนี้ แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี ตั้งแต่เข้างานมาเขาก็เอาแต่ดื่มด่ำกับอาหารอยู่ในมุมหนึ่งของงานเลี้ยง ต่อให้เขาหน้าหนากว่านี้ก็คงไม่กล้าเข้าไปรบกวน

ทุกคนไม่ได้คุยกันอย่างลึกซึ้งนัก เพียงแค่ทำความรู้จักกันแล้วจึงขอแยกตัวออกมา ฉินสือโอวไม่ได้อยู่รอจนจบงานเลี้ยง ฉินสือโอวใช้ข้ออ้างเรื่องที่ว่าตนเป็นคนคออ่อนเพื่อตรงกลับห้องพัก

“ไปกันเถอะ ฉิน ขอให้ดื่มด่ำกับคืนนี้ ผมเตรียมของขวัญไว้ให้คุณหนึ่งชุด หวังว่าคุณจะชอบมันนะ” เบลคพูดยิ้มๆพร้อมขยิบตา ท่าทางราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์

ฉินสือโอวเริ่มเมาจริงๆแล้ว เขาจึงขอตัวกลับก่อน แท้จริงแล้วเขาอยากกลับไปสำรวจ ‘อาหารของโพไซดอน’ ที่เพิ่งได้รับมาก่อนสักหน่อย

……………………………………….