ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 23 ได้ไข่เป็นของขวัญ

วันที่ 20 เดือนเมษายน เทศกาลอีสเตอร์ที่มีเพียงปีละครั้ง

ตั้งแต่ตอนเช้ามืดที่ฟ้ายังไม่สว่าง เควิน ฮิวจ์เจ้าของร้านสะดวกซื้อฮิวจ์ที่ตั้งอยู่ข้างทางของถนนสายหลักเมืองแฟร์เวลก็ได้ยินเสียงดังมาจากปากทางเหมือนมีคนทำอะไรบางอย่างซึ่งส่งเสียงเอะอะไม่น้อย

เพราะวันนี้เป็นวันอีสเตอร์ ฮิวจ์ก็ไม่ได้คิดมาก คิดว่าคงเป็นพนักงานภาครัฐกับอาสาสมัครกำลังติดตั้งอุปกรณ์บนท้องถนน

พอหันไปดูเวลาก็เป็นเวลาตีห้ากว่าแล้ว ฮิวจ์ค่อยๆลุกจากเตียง ภรรยาของเขาลืมตาสะลึมสะลือขึ้นมาเอ่ยถาม “ที่รักคะ ทำไมตื่นเช้าจังเลย?”

ฮิวจ์จูบหน้าผากของภรรยาเบาๆก่อนจะตอบ “เด็กโง่ ผมต้องรีบเอาช็อกโกแลตใส่ในไข่อีสเตอร์ของเด็กๆก่อนพวกแกตื่น”

ใส่เสื้อผ้าเสร็จฮิวจ์ก็หยิบของขวัญที่เตรียมไว้ให้เด็กๆแล้วเดินเข้าห้องนอนไปอย่าเงียบๆ เขามองเด็กน้อยที่หลับสนิททั้งสองพลางพูดเสียงเบาอย่างเติมเต็มด้วยรอยยิ้ม “ช่างเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆจริงๆ ขอบคุณพระเจ้าที่มอบพวกเขาให้แก่ลูกและวิเวียน”

พอทุกอย่างถูกตระเตรียมเรียบร้อย ฮิวจ์ไม่มีอะไรทำจึงเปิดประตูร้านสะดวกซื้อ เสียงเอะอะหนวกหูที่ดังมาจากถนนดังชัดขึ้นกว่าเดิม เขาเดินออกไปดูก็อึ้งไป

ถนนที่เวิ้งว้างก่อนหน้าครื้นเครงขึ้นมา ไข่อีสเตอร์มากมายถูกตกแต่งเหนือทางแยกแน่นไปหมด!

ไข่อีสเตอร์เหล่านั้นล้วนเป็นลูกโป่งที่มีรัศมีราวๆยี่สิบกว่าเซนติเมตร สีสันหลากสีสดใส พลิ้วไหวเรียงรายท่ามกลางสายลม

ที่ด้านข้างของถนนมีชายหนุ่มที่ฮิวจ์ไม่รู้จักกำลังปรับเครื่องเสียง เสียงหนวกหูนั้นดังมาจากนี่นี่แหละ

นอกจากนี้ยังมีอีกสองสามคนที่กำลังเป่าลมใส่ลูกโป่งไข่อีสเตอร์ เพียงแต่พวกเขาใส่อะไรบางอย่างก่อนที่จะเป่าลมเข้าไป

ฮิวจ์กำลังมองอย่างสงสัย ปรากฏว่ามีคนกำลังเรียกเขา “เควิน รบกวนคุณหรือเปล่า? ขอโทษด้วยจริงๆ”

พอมองไปตามเสียง ฮิวจ์ก็พบว่าคนที่กำลังคุยอยู่กับเขาคือทนายเออร์บัก ตำนานของเมืองแฟร์เวลจึงรีบตอบอย่างลนลาน “เออร์ เออร์บัก คุณก็เกรงใจไป ไม่มีอะไรครับ ผมแค่สงสัยว่ากำลังทำอะไรกัน”

เออร์บักเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มพลางดึงชายหนุ่มบนพื้นให้ลุกขึ้นมาด้วย “นี่คือฉิน หลานชายของคุณฉิน ไฮ ฉิน นี่คือเควิน นักบาสมือดีในเมืองเรา”

แน่นอนว่าคนที่ปรับเครื่องเสียงอยู่ก็คือฉินสือโอว

ฉินสือโอวกับฮิวจ์จับมือกัน ฮิวจ์สูงหนึ่งร้อยเก้าสิบกว่า อายุประมาณสามสิบ โครงร่างใหญ่ กล้ามล่ำ ขาทั้งสองยาว ดูก็รู้ว่าเป็นหุ่นนักกีฬา

“คุณก็คือฉิน? ฮะ เพื่อน ช่วงนี้นายเป็นประเด็นร้อนเลยนะ คุณมาจากประเทศจีนใช่ไหม? ยินดี ยินดี ยินดีต้อนรับสู่เมืองแฟร์เวล”ฮิวจ์ยิ้มก่อนจะพูดต่อ “แต่ผมอยากรู้ว่าพวกคุณกำลังทำอะไรกันเหรอ?”

ฉินสือโอวแนะนำตัวเองก่อนจะพูดต่อ “นี่เป็นกิจกรรมที่สนุกมากของจีนเรียกว่าทุบไข่ทอง ส่วนที่ว่าทำอะไรนั้นต้องขออภัยที่ต้องเก็บเป็นความลับ”

ฮิวจ์ไม่ได้สนใจ เขายิ้มออกมาแล้วก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยฉินสือโอวปรับเครื่องเสียง

จวบจนเวลาหกโมงกว่า ผู้คนถึงเริ่มออกมาบนถนน วันนี้อากาศดีมาก แสงแดดสาดส่องไล่ความหนาวเหน็บที่หลงเหลือจากค่ำคืนของพื้นที่เขตเหนือสุดของโลก

ผู้คนเริ่มทยอยออกมาที่ถนน ประตูห้างร้านเริ่มทยอยเปิดขึ้น ลูกกวาดที่เกี่ยวกับเค้กช็อกโกแลตถูกนำออกมาวางไว้ในจุดที่เด่นที่สุด มองจากหน้าต่างร้านค้าเข้าไปก็จะเจอกับลูกกวาดชนิดต่างๆบนชั้นวางสินค้า

ฉินสือโอวฉลองอีสเตอร์เป็นครั้งแรกจึงสนใจทุกอย่างเป็นพิเศษและเดินเล่นแถวร้านสะดวกซื้อ

ฮิวจ์ชงกาแฟให้เขาอย่างกระตือรือร้น พอเห็นฉินสือโอวสนใจจึงแนะนำลูกกวาดที่ขายให้ฉินสือโอวฟัง “แบ่งได้เป็นสองประเภท อันเล็กเป็นฟองดองท์ที่ยาวประมาณหนึ่งนิ้วเคลือบด้วยช็อกโกแลตที่ทั้งหวานทั้งนุ่ม ราคาแค่ 10 เซ็นต์”

“อีกแบบเป็นไข่ หน้าตาก็จะประมาณไข่ไก่ทั่วไป แต่จริงๆ แล้วข้างในไม่มีอะไรเลย มีแค่เปลือกช็อกโกแลต ถ้าจะกินก็แค่ต้องทุบให้เป็นชิ้นก็กินได้แล้ว”

ฉินสือโอวทำความเข้าใจ ตอนออกมาก็เจอกับเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังดูลูกโป่งที่ลอยไปมาก็เลยซื้อฟองดองท์กับไข่ช็อกโกแลตไปแบ่งให้กับเด็กๆทำเอาดีอกดีใจกันใหญ่ยกใหญ่

ช่วงเช้าของวันอีสเตอร์ไม่มีกิจกรรมอะไรมาก พอกินมื้อกลางวันเสร็จ รอจนอากาศอุ่นขึ้น ขบวนพาเหรดอีสเตอร์ก็เริ่มขึ้น

เมืองแฟร์เวลค่อนข้างเล็ก ประชากรก็ไม่เยอะ ฉะนั้นขบวนพาเหรดก็ไม่ได้ใหญ่โต มีเพียงแค่ห้าหกสิบคน บางคนสวมชุดคลุมยาว ในมือถือไม้กางเขน เดินไปบนถนนด้วยเท้าเปล่า ทุกครั้งที่ผ่านหน้าประตูของพลเรือน คนที่มุงดูอยู่ก็จะโห่ร้องอย่างยินดีไปที่พวกเขา

เออร์บักเล่าให้ฉินสือโอวฟังว่าคนในพาเหรดแต่งตัวเป็นบุคคลจากประวัติศาสนาคริสต์และร้องเพลงฉลองการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู

ขบวนพาเหรดเดินไปรอบถนนหลักหนึ่งรอบก่อนจะมุ่งไปยังโบสถ์ทางทิศตะวันออก เออร์บักอธิบายให้ฉินสือโอวฟัง

“เดี๋ยวหลังจากนี้ เหล่าสาวกก็จะไปประกอบพิธีล้างบาปที่โบสถ์ แล้วสวมชุดใหม่ เฉลิมฉลองการคืนชีพของพระเยซู จากนั้นก็เก็บกวาดบ้านของตัวเอง อันนี้จะคล้ายๆกับปีใหม่ของคุณ”

ฉินสือโอวพูดยิ้มๆ “ใช่แล้ว เหมือนจริงๆ”

ทั้งสองพากันเดินไปที่โบสถ์ด้วยกัน บนถนนเต็มไปด้วยกลีบดอกลิลลี่ และส่วนมากคือลิลลี่ อีสเตอร์ ดอกไม้ชนิดนี้กลิ่นหอมมาก ถนนทั้งสายราวกับกลายเป็นสวนดอกไม้ไป

ยิ่งเข้าใกล้โบสถ์คนก็ยิ่งแน่น ทันใดนั้นเด็กหนุ่มอายุประมาณยี่สิบก็เดินมาตรงหน้าฉินสือโอวแล้วยื่นไข่ไก่สีแดงสดมาให้

ฉินสือโอวนึกว่าเป็นของขวัญอะไรบางอย่างจึงรับมาไว้ในมือ เออร์บักผุดยิ้มขึ้นก่อนจะรีบเข้าไปกระซิบข้างหูเขา “นี่คือไข่ไก่บอกรัก เพื่อน นายแน่ใจเหรอว่าจะรับรักจากพ่อหนุ่มน้อยน่ารักตรงหน้านี้?”

พอได้ยินแบบนั้นฉินสือโอวก็ตกใจ ให้ตายเถอะ มีแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย? ก่อนหน้านี้ที่เขาหาในเน็ตก็ไม่มีนี่นา

ในฐานะชายแท้ แน่นอนว่ารสนิยมทางเพศของเขาปกติ เพราะฉะนั้นพอเออร์บักพูดจบเขาจึงรีบคืนไข่ไก่แดงให้กับเด็กหนุ่มคนนั้น

หนุ่มน้อยทำหน้าผิดหวัง เออร์บักขยิบตาให้ฉินสือโอวแล้วพูดต่อ “นั่นหนุ่มหล่อเลยนะ หนุ่มน้อย ดูตาเขาสิ เหมือนไพลินเลย แล้วดูผิวสิ เนียนอย่างกับผ้าไหม…..”

ฉินสือโอวมองไปก็เจอกับเด็กหนุ่มฝรั่งที่ยังคงมองเขาอยู่จึงโบกมือแบบจนใจแล้วเอ่ยขึ้น “ขอโทษทีเพื่อน ผมเป็นคนจีน เราแต่งงานกับต่างชาติไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเราจะถูกคนในตระกูลไล่ออกจากตระกูลแน่”

หนุ่มผิวขาวได้ยินดังนั้นก็จากไปอย่างผิดหวัง ฉินสือโอวปาดเหงื่อ ตายละหว่า เสน่ห์ของเขาแรงถึงขนาดดึงดูดได้ทั้งชายหญิงเลยเหรอ? ทำไมตอนอยู่จีนไม่เห็นเป็นแบบนี้?”

โบสถ์ของเมืองแฟร์เวลไม่ถือว่าเล็ก กินพื้นที่กว้างประมาณกว่าสองพันตารางฟุต ด้านบนหลังคามีไม้กางเขน โครงสร้างหลักของตัวตึกเป็นไม้ ดูมีเอกลักษณ์

แต่ว่าอายุของโบสถ์ไม่น้อยแล้ว กำแพงด้านนอกมีร่องรอยของการซ่อมแซม หน้าต่างหลากสีสันนั้นแตกเป็นบางจุด ได้แต่ใช้กระดาษสีซ่อม

พอเดินเข้าไปก็เจอกับจุดทรุดโทรมมากขึ้น อย่างเก้าอี้ที่ดูเก่าคร่ำครึ สีของภาพบนฝาผนังก็ซีด

พอเออร์บักเดินเข้าโบสถ์ก็ทำท่าเคร่งขรึมขึ้นมา เขาพาฉินสือโอวต่อแถวเข้าร่วมพิธีล้างบาป พอเขายืนอยู่ใต้รูปปั้นพระเยซูมือทั้งสองประสานกันก่อนจะก้มหน้าอธิษฐาน

“ขอพระเยซูคุ้มครอง คุ้มครองพลังจิตสำนึกโพไซดอนไม่ให้เสื่อมถอย คุ้มครองให้ลูกหาเงินได้เยอะๆ ถ้าลูกได้เงินหนึ่งพันล้านแรก ลูกสัญญาว่าจะหล่อรูปปั้นท่านใหม่ เอ่อ ไม่สิ ซ่อมบำรุงโบสถ์ให้ท่าน”

พอเห็นสีหน้าอธิษฐานด้วยความเคารพสัตย์ซื่อของฉินสือโอวบาทหลวงที่รับหน้าที่ดำเนินพิธีผุดยิ้มบางขึ้นมา แต่ว่าถ้าเขารู้ถึงความคิดที่เจ้าหนุ่มนี่คิดอยู่ในหัวคงจะใช้อ่างในพิธีฟาดเข้าหัวของฉินสือโอวเป็นแน่

หลังจากที่พิธีล้างบาปจบลง กิจกรรมอีสเตอร์ก็เริ่มต้นขึ้น ฉินสือโอวกับเออร์บักเดินกลับไปที่ทางแยก ที่นั่นมีเวทีที่ถูกประกอบขึ้นแล้วเรียบร้อย พื้นหลังของเวทียังมีตัวหนังสือตัวเขียนที่ดูซับซ้อนอีกด้วย

………………………………………