ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 26 หมีจอมซนลงเขา

หลังดื่มเหล้าเรียกน้ำย่อยแล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน ชาร์คนำแฮมเบอร์เกอร์เนื้อกับไส้กรอกย่างติดตัวมาด้วย เพียงจุดไฟหม้อสนามที่ใช้สำหรับตั้งแคมป์ในป่า เท่านี้ก็สามารถทำอาหารกลางวันได้แล้ว

ขณะกำลังย่างไส้กรอกอยู่ ชาร์คพูดด้วยน้ำเสียงทอดถอนใจ “เรืออลิซยังขาดอะไรอีกเยอะนะครับ ตอนนี้เรือหาปลาอื่นๆต่างก็มีเครื่องปั่นไฟในตัวกันหมดแล้ว สามารถใช้ไมโครเวฟและเตาไฟฟ้ามาทำอาหารได้เลย ทั้งปลอดภัยและอร่อยด้วย”

ฉินสือโอวที่กำลังเตรียมปลาไหลอยู่พูดว่า “เชื่อฉันนะ เพื่อนฝูง เราจะมีไมโครเวฟแน่นอน เตาไฟฟ้าก็ด้วย แม้แต่ทีวีจอสีหรือโฮมเธียเตอร์ก็จะมีด้วย”

ออกมาทำงานไกลบ้านอยู่นาน ฉินสือโอวจึงพอมีทักษะการทำอาหารอยู่บ้าง บวกกับปกติชอบดูรายการทำอาหารอยู่แล้ว ดังนั้นถึงแม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นปลาไหล แต่เขารู้ว่าควรจะเอามาทำอาหารอย่างไร

บนเรือนั้นชาร์คได้เตรียมวัตถุดิบมามากมาย ปกติเขามักจะกินข้าวบนทะเล เพราะการไปกลับทีหนึ่งใช้น้ำมันค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว

ฉินสือโอวเลาะกระดูกปลาไหลออก ตัดแบ่งสี่ส่วนให้ปลาแต่ละตัว แต่ละส่วนก็แบ่งตามแนวลายปลาเป็นสามแผ่น ใส่เหล้าสำหรับทำอาหาร เกลือ น้ำตาลทรายขาวและไข่ไก่แล้วหมักไว้

บนเรือยังมีสลัดต้นจีนต้นหนึ่ง เป็นของที่ฉินสือโอวให้ชาร์คเตรียมให้ ตอนแรกเขากะว่าจะผัดผักกินกันบนเรือ เพราะคิดว่าหากกินแต่อาหารทะเลอย่างเดียวคงจะเลี่ยนน่าดู ตอนนี้ดีเลย เอามาผัดรวมกับปลาไหลได้พอดี

เขานำสลัดต้นจีนมาตัดแบ่งเป็นแผ่นๆเหมือนกัน ต้มผักในน้ำให้สุก จากนั้นนำไปผึ่งให้สะเด็ดน้ำ พอดีกับที่กระทะว่างแล้วจึงใช้มาทอดปลาต่อ

หลังหมักปลาไหลได้ยี่สิบนาที รสชาติได้ที่แล้ว ฉินสือโอวใส่น้ำมันมะกอกตั้งไฟให้ร้อน นำกระเทียมสับ พริกหยวกซอย และสลัดต้นจีนที่เตรียมไว้ใส่ลงไปผัด จากนั้นใส่ปลาไหลชิ้น แป้งทำอาหารอีกนิดหน่อย เพียงเท่านี้ก็ได้อาหารจานเด็ดที่ทั้งหอมและสีสันสวยงามแล้ว

ชาร์คที่ถือแฮมเบอร์เกอร์หลายอันไว้ในมือมองไปด้วยความตะลึง พออาหารเสร็จเขาพึมพำว่า “เรากินเพียงให้ผ่านมื้อนี้ไปนะครับ บอส พวกเรามาหาปลากันนะครับ ไม่ใช่มาปิกนิกกับแสงแดดบนชายฝั่งทะเลนะ!”

“นายจะไม่กินหรือไง?” ฉินสือโอวถามพลางยิ้มเบาๆ

ชาร์คไม่พูดอะไรอีก ปลาไหลผัดไฟแดงจานนี้แค่ดูก็รู้ว่าต้องอะไรอร่อย มีเพียงคนโง่เท่านั้นแหละที่ไม่กิน

ฉินสือโอวคิดจะรินเหล้าเย็นๆสักเป๊กดื่มชิลๆบนทะเล แต่พอเริ่มกินเท่านั้น ชาร์คก็เหมือนกับแร้งลง เขาใช้ส้อมจิ้มเนื้อปลาทีหลายๆชิ้นยัดเข้าปาก พร้อมกัดแฮมเบอร์เกอร์ทีคำละครึ่งลูก กินได้อร่อยและมูมมามมาก

“หวา ชาร์ค กินช้าๆหน่อย!” ฉินสือโอวไม่มีทางเลือกจนต้องไปแย่งกินด้วย

ปลาไหลอเมริกันหน้านี้เต็มไปด้วยไข่ปลาจริงๆ ฉินสือโอวใช้แค่เนื้อปลาทำอาหาร ส่วนไข่ปลาเขาจะนำกลับไปทำอาหารจานเด็ดต่อ

แต่ไหนแต่ไรตั้งแต่อดีตกาล ไข่ปลานั้นถูกยกให้เป็นวัตถุดิบชั้นเยี่ยม

กินอิ่มดื่มพอแล้วก็กลับมาทำงาน ผลสรุปงานของวันนี้ฉินสือโอวรู้ผลแต่แรกแล้ว แหอวนลากจับปลาได้ไม่มาก เหมือนกับหนังเรื่อง (ฟอร์เรสท์ กัมพ์)[footnoteRef:1] ที่กัมพ์และนายร้อยแดนเพิ่งเริ่มออกหาปลาด้วยกัน หลายๆครั้งที่ต้องกลับมามือเปล่า [1: ฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม (Forrest Gump) เป็นภาพยนตร์แนวชีวิต - เบาสมอง ที่ออกฉายใน ค.ศ. 1994 แสดงนำโดย ทอม แฮงส์ ที่ประสบความสำเร็จมากเรื่องหนึ่ง ภาพยนตร์เรื่องนี้ สร้างจากนิยายเรื่อง Forrest Gump ที่แต่งโดย วินส์ตัน กรูม (Winston Groom)]

“บอส ดูเหมือนปีนี้เราคงต้องซื้อลูกปลามาเพาะพันธุ์แล้วแหละ ไม่อย่างนั้นผมไม่แน่ใจว่าฟาร์มปลาของคุณจะไม่ขาดทุน” ชาร์คพูดพร้อมเสียงหัวเราะขื่นๆ

ฉินสือโอวยักไหล่ พูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก เพื่อนฝูง มองโลกในแง่ดีบ้าง เมื่อพระเจ้าปิดประตูไปบานหนึ่ง ท่านมักจะเปิดหน้าต่างอีกบานให้เสมอนะ”

ชาร์คตอบกลับไปว่า “แต่เราเหมือนอยู่บนตึกห้าสิบชั้น จากประตูเดินลงบันไดไปสามารถลงไปชั้นล่างได้ แต่ถ้ากระโดดลงจากหน้าต่างแล้ว พวกเราคงได้ตายอย่างอนาถ”

ฉินสือโอวพูดด้วยเสียงประหลาดใจ “แหม ไม่นึกเลยว่านายจะหัวไวขนาดนี้ พูดจามีหลักการกับเขาได้ด้วย”

ทั้งสองคนหัวเราะตลอดทางขากลับ เมื่อถึงท่าเรือ เรือลำหนึ่งที่พ่นสีชื่อบนเรือว่า ‘ปีศาจทะเลนอร์เวย์’ ก็เพิ่งเทียบท่า

มองออกได้ว่าชาร์คและเจ้าของเรือลำนั้นรู้จักกันแน่นอน แต่ตอนทักทายไป เจ้าของเรือลำนั้นกลับดูเฉยเมย ดูท่าแล้วการออกเรือครั้งนี้ของเขาก็คงได้ผลผลิตไม่ค่อยดีเท่าไร

เท่านี้ การเตรียมการเบื้องต้นก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว ถึงเวลาฉินสือโอวต้องซื้อของชุดใหญ่เพื่อบูรณะฟาร์มปลาแล้ว

ออกเรือไปจับปลาไหลอเมริกันได้ยี่สิบกว่าตัว ฉินสือโอวเก็บไว้เองสองตัว นอกนั้นปล่อยลงทะเลไปหมด เขาใช้จิตสำนึกใต้ทะเลนำทาง ไปปล่อยปลาไหลอเมริกันเหล่านี้ใกล้ๆกับพืดหินปะการัง

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนวนไปรอบๆพืดหินปะการังด้วยความรวดเร็วหนึ่งรอบ ฉินสือโอวรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้น ดีใจ จึงตามออกไปดู มีปลาเพิร์ชตัวหนึ่งกำลังออกลูก!

ตามแนวพืดหินปะการังเต็มไปด้วยปลาเพิร์ชแถบฟ้าที่สวยงามอาศัยอยู่ ในน้ำนั้น ทั่วลำตัวของปลาชนิดนี้เปล่งประกายไปด้วยสีทองอ่อนๆ และยังมีแถบสีฟ้าที่วางเป็นแนวขวางอยู่บนลำตัวพวกมันอีก เป็นปลาสวยงามที่สวยตระการตาจริงๆ

ปลาเพิร์ชตัวที่ออกลูกนั้นมีความยาวประมาณยี่สิบแปดเซนติเมตร มันฉลาดมากที่มุดเข้าไปในตัวของแมงกะพรุนถ้วย เพราะตอนออกลูกมันจะอ่อนแอมาก แมงกะพรุนถ้วยนี่แหละที่จะปกป้องมันได้อย่างดีที่สุด

ปลาเพิร์ชเป็นหนึ่งในปลาออกลูกเป็นตัวที่มีน้อยมากๆ ตัวอ่อนจะอาศัยอยู่ในท้องแม่เพื่อรับสารอาหารต่างๆจากไข่แดงเพื่อเจริญเติบโตในระยะแรก ส่วนระยะหลังเมื่อดูดสารอาหารในไข่แดงหมดแล้ว ก็จะดูดสารอาหารจากตัวแม่เพื่อเติบโตต่อไป

ปลาเพิร์ชตัวใหญ่ตัวนี้ช่องท้องปริออก มีเพียงปลาเพิร์ชตัวเล็กหนึ่งตัวขนาดเท่านิ้วมือค่อยๆถูกบีบออกมา

เลือดสีแดงสดไหลลงน้ำทะเลไม่หยุด ปลากินเนื้อรอบๆต่างก็พากันลุกฮือ พากันล้อมรอบแมงกะพรุนถ้วย แต่ก็กลัวขนาดตัวที่ใหญ่โตของแมงกะพรุน ทำให้ไม่กล้าผลีผลามเข้าใกล้

ฉินสือโอวชื่นชมต่ออีกสักพักด้วยความอยากรู้อยากเห็น จากนั้นแผ่จิตสำนึกโพไซดอนปกคลุมพร้อมส่งพลังงานวิเศษเข้าไป แล้วค่อยจากไป

ระหว่างทางกลับ ฉินสือโอวเจอกับเซอร์ไพรส์อีกหนึ่งเรื่อง เขาเห็นปลาเรนโบว์เทราต์สี่ห้าสิบตัวรวมตัวกันเป็นฝูงว่ายมาทางพืดหินปะการัง แถมผู้นำฝูงก็คือปลาเรนโบว์เทราต์หลงฝูงตัวนั้นที่เขาเคยช่วยไว้นั่นเอง

ปลาเรนโบว์เทราต์เป็นปลาประเภทรวมตัวกันเป็นฝูง คงเพราะก่อนหน้านี้มันบังเอิญเจอพืดหินปะการังที่เป็นที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตแห่งนี้เป็นแน่ จึงกลับไปหาฝูงของมัน และพาพวกมายังที่นี่

ฉินสือโอวพอใจอย่างมาก เจ้าตัวนี้นี่รู้คุณกตัญญูจริงๆ เขาแผ่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนอีกครั้ง และส่งพลังวิเศษจำนวนหนึ่งให้ไปในตัวปลาเรนโบว์เทราต์เหล่านี้

จากนั้นก็ขยายอาณาเขตไปยังที่ที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนไปถึง เสร็จแล้วฉินสือโอวถึงเข้านอน

ตื่นมาตอนเช้า ออกไปวิ่งออกกำลังยามเช้าเหมือนอย่างเคย มีกระรอกน้อยเสี่ยวหมิงเป็นเพื่อน แต่เป็นเพื่อนวิ่งโดยนอนอยู่บนไหล่ของเขาแทน

ไม่รู้ว่าเพราะตอนนั้นที่กระรอกเสี่ยวหมิงว่ายน้ำอยู่ในบ่อเก็บน้ำได้รับพลังงานจากเทพแห่งท้องทะเลหรือเปล่า เจ้าตัวนี้ไม่เพียงแต่ฉลาดเกินสัตว์ แรงกายยังเยอะอีกต่างหาก ในตอนที่ฉินสือโอววิ่งอยู่นั้น กรงเล็บของมันสามารถเกี่ยวบนเสื้อผ้าได้โดยไม่ล่วงจากไหล่เลย

ฉินสือโอวเปลี่ยนเส้นทางการวิ่ง โดยเลาะไปทางลำธารหิมะตัดผ่านป่าต้นเมเปิลวิ่งขึ้นไปบนเขา วิ่งไปเรื่อยๆจนถึงน้ำตกเล็กๆ

รู้สึกเหนื่อยแล้ว ฉินสือโอวจึงหาที่สะอาดๆนั่งลงพักผ่อน

แต่ผ่านไปเพียงครู่เดียว เสียง ‘ฮึม ฮึม’ก็ลอยมาเข้าหูเขา เขาเงยหน้ามอง ปรากฏว่าเป็นหมีสีน้ำตาล[footnoteRef:2]ที่เขาเคยเห็นมาก่อนตัวนั้นนั่นเอง ขาทั้งสี่ที่สั้นและอ้วนของมันค่อยๆเกาะหินผาเพื่อปีนลงมา [2: หมีสีน้ำตาล (Brown bear) เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมในอันดับสัตว์กินเนื้อ (Carnivora) ขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง จัดเป็นหมีที่มีขนาดใหญ่มาก โดยตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่าตัวเมีย เมื่อยืน 4 เท้ามีความสูงถึง 5 ฟุต และเมื่อยืนด้วย 2 เท้า อาจสูงถึง 9 ฟุต แต่ยืนได้ในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ตัวผู้เมื่อโตเต็มที่อาจมีน้ำหนักมากถึง 1,000 ปอนด์ ส่วนตัวเมียอาจมีน้ำหนักมากกว่า 450 ปอนด์ มีขนสีน้ำตาลตลอดทั้งลำตัว อันเป็นที่มาของชื่อ ปุ่มหรือเนินตรงหัวไหล่ มีขนและเล็บยาว มีจมูกที่ใหญ่ แต่มีใบหูขนาดเล็ก แต่จะมีขนสีเข้มหรืออ่อนไปตามสภาพแวดล้อมและภูมิประเทศที่อาศัย รวมถึงขนาดตัวด้วย ซึ่งถือเป็นชนิดย่อย (ดูในตาราง) โดยกระจายพันธุ์ไปในพื้นที่ที่กว้างไกลมาก ตั้งแต่อะแลสกา, แคนาดา, รัสเซีย, หลายพื้นที่ในยุโรป และตามแนวเทือกเขาหิมาลัยในอินเดีย, เนปาล และจีน และตะวันออกกลาง

]

หมีสีน้ำตาลหรือจะเรียกหมีจอมซนดี ลำตัวมันเต็มไปด้วยขนสีน้ำตาลเหลือง ความยาวไม่ถึงครึ่งเมตร หัวทั้งกลมและมน เพราะยังไม่ได้ผลัดขนดังนั้นหูที่เล็กกะทัดรัดนั้นแทบจะไม่โผล่ออกมาให้เห็น มองจากมุมด้านข้างแล้ว หัวและลำตัวของมันเหมือนกับบอลลูกเล็กที่ติดอยู่กับบอลลูกใหญ่อย่างไงอย่างงั้น

หมีจอมซนปีนลงมาอย่างระมัดระวัง พร้อมส่งเสียงคำรามเป็นระยะๆ ไม่รู้ว่าร้องเพื่อให้กำลังใจตัวเองหรือร้องเพื่อขู่ศัตรูที่มองไม่เห็น

แต่ทว่าเห็นได้ชัดว่ามันยังเด็ก กรงเล็บยังไม่งอกออกมา ขาทั้งสี่ก็ไม่มีแรง ปีนเขาไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ลื่นกลิ้งหลุนๆ ลงมา

เมื่อตกถึงพื้น หมีจอมซนก็ร้องคำรามอีกสองที ฉินสือโอวคิดว่ามันคงได้รับบาดเจ็บ จึงรีบลุกขึ้นมาเดินเข้าไปหามัน

สุดท้าย เมื่อหมีจอมซนเห็นฉินสือโอว ดวงตาสีดำสองข้างนั้นกลับหยุดนิ่งขึ้นมาทันที ต่อด้วยร้องเสียงหลงออกมา แล้ววิ่งหางจุกตูดกลับไปทางภูเขาทันที หางเล็กๆของมันที่ติดแนบแน่นอยู่ที่ตูดนั้น แทบเหมือนกับจะมุดเข้าไปในรูตูดทีเดียว

ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ให้ตายสิ เจ้าหมีจอมซนตัวนี้เป็นตัวตลกหรือนี่? เป็นหมียังจะกลัวคนอีก! แท้จริงแล้ว สำหรับเผ่าพันธุ์หมีน้ำตาลนั้น คนเป็นเพียงอาหารเฉพาะตอนหิวโหยเท่านั้น

……………………………………….