บทที่ 3 ปลาของฉัน บ่อประมงของฉัน
ภายนอกเครื่องโบอิ้ง 777 จากปักกิ่งไปยังโทรอนโตตกแต่งด้วยลวดลายก้อนเมฆสีฟ้าอ่อน ตัวเครื่องมีความยาวเกือบ 70 เมตรและมีปีกยาวกว่า 60 เมตร รูปร่างของมันดูราบเรียบ ในตอนกลางคืนสีเคลือบของมันก็สะท้อนแสงออกมางดงามราวภาพฝันจนทำให้ฉินสือโอวตื่นตาตื่นใจสุดๆ
เวลาขึ้นเครื่องบินจะมีพนักงานต้อนรับสาวบนเครื่องบินคอยนำทาง และส่วนใหญ่พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินเหล่านั้นก็มักจะมีผมสีทองตาสีฟ้าชวนให้ฉินสือโอวต้องมองตามอย่างตื่นเต้น กระทั่งมาถึงที่นั่งเขาจึงพบว่าที่นั่งของตนเองอยู่ติดหน้าต่าง
เดิมทีทุกอย่างควรจะทำให้เขารู้สึกเต็มตื้นไปด้วยความสุข หลังจากเครื่องบินออกตัวไปเขาก็จะน่าจะได้เห็นฉากตระการตาของแสงไฟตามบ้านเรือนนับหมื่น แต่ปรากฏว่าเมื่อฉินสือโอวมองออกไปนอกหน้าต่างทรงกลมหลังจากที่เครื่องบินออกตัวขึ้นไปจริงๆ ใบหน้าของเขากลับเปลี่ยนสีไปทันที
เขาบอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไร เมื่อเครื่องบินยิ่งเร่งความเร็วขึ้น หัวใจของฉินสือโอวก็ยิ่งเต้นรัว “ตึกตัก” ตามไปด้วยความรู้สึกอึดอัดอัดแน่นอยู่ในหน้าอกของเขาจนทำให้เขาหายใจ ไม่ออกภาพตรงหน้าของเขามืดมนลง จากนั้นมุมมองจากที่สูงอันบิดเบี้ยวก็ปรากฏอยู่ในใจของเขาและทำให้อาหารในกระเพาะของเขาพุ่งมาจ่อที่คอหอย ตอนนี้เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการอดทนต่ออาการคลื่นไส้ที่พุ่งขึ้นมา
เครื่องบินส่งเสียงดังขึ้นมาและเริ่มทะยานขึ้นฟ้าเป็นครั้งที่สอง เออร์บักสูดหายใจลึกด้วยความตกใจ ฉินสือโอวในตอนนี้ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนตอนที่เครื่องบินเพิ่งจะทะยานขึ้นฟ้าอีกต่อไป ทว่าตอนนี้ใบหน้าของเขากลับขาวซีด เหงื่อเย็นๆผุดพรายขึ้นมาจนเปียกชุ่มไปหมด ส่วนสองมือของเขาก็ประสานเข้าด้วยกันแน่นอย่างน่าสงสารราวกับการทำงานของอวัยวะภายในกำลังจะล้มเหลวลง
เออร์บักจับข้อมือของเขาอย่างใจเย็นแล้วกดปุ่มเหนือหัวเรียกพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน แล้วทันใดนั้นพนักงานในเครื่องแบบสีฟ้าและรองเท้าส้นสูงผ้าไหมสีดำก็เดินมาอย่างรวดเร็ว
“รบกวนคุณช่วยดูเพื่อนผมด้วยครับ เขาน่าจะเมาเครื่องแล้วล่ะ” เออร์บักยิ้มขมขื่น
หลังจากที่พนักงานต้อนรับสาวเห็นท่าทางของฉินสือโอวแล้วเธอก็รีบจากไป ไม่นานหลังจากนั้นฉินสือโอวก็สัมผัสได้ถึงมือเล็กๆ แสนอ่อนโยนที่ติดจะเย็นเล็กน้อยกำลังวางอยู่บนหน้าผากของเขา
“ไม่เป็นไรค่ะ ผู้ชายท่านนี้แค่มีอาการกลัวความสูงเท่านั้น อาการแบบนี้มักจะพบได้บ่อยๆ ค่ะ” เสียงที่นุ่มนวลน่าฟังดังขึ้นอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นฉินสือโอวรู้สึกว่ามือน้อยๆ เคลื่อนมาแตะบนฝ่ามือของเขาก่อนที่ใครบางคนจะพูดขึ้นมา “คุณคะ ผ่อนคลาย หายใจเข้าลึกๆ นะคะ มาค่ะ หายใจลึกๆ ตามจังหวะของฉันนะคะ ลองจินตนาการดูว่าตอนนี้คุณกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทานข้าวที่บ้านหรือในสวยหรือในทุ่งกว้าง พ่อแม่ของคุณอยู่ข้างๆ คุณ... เห็นไหมคะ พวกเขากำลังยิ้มให้คุณด้วย คุณมีอะไรจะพูดไหมคะ? ค่อยๆ พูดกับพ่อแม่ของคุณสิคะ…”
“แม่ครับ ผมจะอ้วก!” ฉินสือโอวพยายามจินตนาการภาพในไร่นาที่บ้านเก่าเขา แต่เมื่อเสียงอันไพเราะบอกให้เขาพูดออกมาเขาจึงหลุดปากพูดประโยคนี้ออกมาอย่างอดไม่ได้
เพียงเอ่ยปากพูดออกไปเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเออร์บักดังขึ้นมาทันที
พนักงานต้อนรับสาวข้างกายเขายังคงกระซิบข้างหูเขาเบาๆ เพื่อปลอบโยน ขณะที่กลิ่นหอมอ่อนๆ ก็ลอยมาปะทะเข้ากับจมูกจนพาลให้เขาคิดถึงดอกโซโฟร่าที่บ้านเก่าในช่วงเทศกาลไหว้บ๊ะจ่างอย่างอดไม่ได้
มันทั้งสง่างามและอ่อนหวานเหมือนกันไม่มีผิด
ในที่สุดอาการวิงเวียนศีรษะและคลื่นไส้ก็เริ่มสงบลง ฉินสือโอวกลืนน้ำลายลงแล้วลืมตาขึ้นช้าๆ ทันทีที่หันหน้าไป เขาก็สัมผัสได้ว่าความรู้สึกแย่ๆ ทั้งหมดที่เขามีล้วนหายไปอย่างน่าทึ่ง
ตอนนี้คนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งของเออร์บักคือเด็กสาวผมดำท่าทางอ่อนโยน ใบหน้าของเธองดงามเหมือนกระเบื้องเคลือบ ปากเล็กเป็นสีแดงราวกับผลเชอร์รี ดวงตาสีฟ้างดงามเหมือนฟ้าหลังฝนอันสดใส ผิวของเธอเนียนละเอียดราวกับหยก ซึ่งแตกต่างกับผู้หญิงผิวขาวทั่วไปที่มักจะมีผิวหยาบกระด้าง และยิ่งอยู่ภายใต้ดวงไฟสีส้มมันก็ดูยิ่งเปล่งประกายงดงามขึ้นมา
เครื่องแบบพนักงานต้อนรับสีฟ้าพอดีตัวที่เธอสวมใส่ขับให้เรือนร่างงดงามของเธอยิ่งโดดเด่น เธอมองมาที่ฉินสือโอวพร้อมรอยยิ้มหวานฉ่ำบนใบหน้าและยังมองมาที่เขาด้วยสายตาอ่อนโยนจนทำให้เขารู้สึกเหมือนได้เห็นนางฟ้าที่หลุดออกมาจากภาพวาดขึ้นมาทันที
“คุณดีขึ้นบ้างหรือยังคะ?” พนักงานต้อนรับสาวบนเครื่องบินถามด้วยรอยยิ้มบาง จากนั้นเธอก็ประคองฉินสือโอวอย่างแผ่วเบาแล้วพาเขามานั่งลงตรงที่นั่งของเออร์บัก ขณะเดียวกันนั้นก็เอ่ยปากอธิบายให้เออร์บักฟังด้วย “คุณเปลี่ยนที่นั่งกับคุณผู้ชายท่านนี้ได้ไหมคะ เขาไม่เหมาะจะนั่งริมหน้าต่างค่ะ”
เออร์บักยิ้ม “ยินดีอย่างยิ่งครับ”
กระทั่งฉินสือโอวนั่งลงแล้วพนักงานต้อนรับสาวก็พยักหน้าอย่างอ่อนโยน เธอจัดชุดกระโปรงของเธอให้เรียบร้อยก่อนจะยืนขึ้น ขาเรียวยาวงดงามทั้งสองข้างยืดตัวขึ้นและเผยให้เห็นเรียวขางดงามเหมือนงาช้างที่ถูกห่อหุ้มด้วยถุงน่องสีเนื้อมันวาว
พนักงานต้อนรับสาวโค้งตัวลงอีกครั้งจนฉินสือโอวต้องรีบร้อนกล่าวขอบคุณ “ขอบคุณที่ช่วยนะครับ ตอนนี้ผมดีขึ้นมากแล้ว ถ้าไม่มีคุณผมก็ไม่รู้จะทำยังไงดี”
“นี่เป็นสิ่งที่ฉันควรทำค่ะ ขอให้คุณมีความสุขกับการเดินทางนะคะ แล้วพบกันค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวยิ้มหวานแล้วเอื้อมมือไปปิดปุ่มเรียกพนักงานเหนือหัวฉินสือโอว และนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เขาได้กลิ่นหอมหวานของดอกโซโฟร่า
เวลาในการเดินทางครั้งนี้ค่อนข้างยาวนานพอสมควร มันใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 12-13 ชั่วโมง ระหว่างนั้นก็จะมีพนักงานต้อนรับสาวเดินไปมาไม่หยุด แต่พนักงานต้อนรับคนที่ปลอบฉินสือโอวก่อนหน้านี้กลับไม่ปรากฏตัวออกมาอีกเลย และขณะที่กำลังทานอาหารเออร์บักก็ได้ถามพนักงานต้อนรับที่แจกอาหารบนเครื่องจนได้ทราบว่าพนักงานต้อนรับคนนั้นก็คือหัวหน้าพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินลำนี้นี่เอง
“เธอชื่ออะไรเหรอครับ?” ฉินสือโอวถาม
พนักงานต้อนรับสาวผมสีน้ำตาลอ่อนคนนั้นยิ้มอย่างมีมารยาทพลางตอบกลับมา “คำถามนี้คุณถามเธอเองน่าจะดีกว่าค่ะ”
เสียดายที่จนถึงเวลาลงจากเครื่องฉินสือโอวก็ไม่ได้พบพนักงานต้อนรับสาวผู้แสนใจดีคนนั้นอีก
พวกเขากำลังจะเปลี่ยนเครื่องที่ท่าอากาศยานนานาชาติโทรอนโตเพียร์สัน แต่เพราะเวลาที่แตกต่างกันทำให้เวลาของโทรอนโตที่อยู่โซนตะวันตกช้ากว่าปักกิ่งที่อยู่ในเขตตะวันออกอยู่ 12 ชั่วโมง ดังนั้นตอนนี้จึงยังคงเป็นเวลากลางคืน
ในตอนที่ต้องลงจากเครื่องบินเพื่อเปลี่ยนเครื่อง ทันใดนั้นฉินสือโอวก็เงยหน้าขึ้นมองฟ้าก่อนที่เขาจะต้องรู้สึกตื่นเต้นไปกับทางช้างเผือกอันงดงามราวกับอัญมณีที่กระจัดกระจายอยู่บนผืนผ้าสีดำ ดวงดาวเหล่านั้นมีขนาดต่างกันออกไป แต่พวกมันกลับเปล่งแสงส่องประกายระยับอย่างเจิดจ้าและนุ่มนวล
ความมืดกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุดและแสงสว่างจากดวงดาวที่กระจัดกระจายไปทุกที่กลายเป็นฉากหลังของท้องฟ้ากว้างไกลไร้สิ้นสุดและทำให้ฉินสือโอวที่ยืนอยู่บนพื้นดินรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก
นี่คือท้องฟ้าดารดาษไปด้วยหมู่ดาวที่เขาทั้งคุ้นเคยและไม่รู้จัก แล้วจู่ๆฉินสือโอวที่กำลังเงยหน้ามองฟ้าก็รู้สึกโดดเดี่ยวขึ้นมา เขากำลังคิดว่าห้าพันปีก่อนตอนที่บรรพบุรุษเหยียนหวาง (แกนนำบรรพบุรุษชนชาติจีนเมื่อหลายพันปีก่อน) ได้เห็นท้องฟ้าที่มีหมู่ดาวลอยเกลื่อนเป็นครั้งแรกนั้นเขาจะรู้สึกตื่นเต้นเช่นเดียวกับตนเองหรือไม่?
แท้จริงแล้วตอนยังเด็กฉินสือโอวยังเคยเห็นท้องฟ้าแบบนี้มาก่อนในตอนที่เขาอยู่ที่บ้านเกิด ฤดูร้อนในเวลานั้นบ้านของเขาไม่มีพัดลมและเครื่องปรับอากาศ ดังนั้นเมื่อถึงเวลากลางคืนคนในบ้านจึงเอาเก้าอี้และม้านั่งตัวเล็กๆ ออกมานั่งบนลานนวดข้าวในหมู่บ้านเพื่อรับอากาศเย็นพร้อมกับเพื่อนบ้าน
ตอนเย็นหลังจากเล่นกับเพื่อนๆ จนเหนื่อยแล้ว ฉินสือโอวก็จะนอนอยู่ที่ลานนวดข้าวอันเพื่อดูดาวบนท้องฟ้าอย่างสบายอารมณ์
กี่ปีมาแล้วนะ เขาคิดว่าตนเองก็ลืมช่วงเวลาเหล่านั้นไปหมดแล้ว ตอนนี้หลังจากเขาได้เห็นดวงดาวบนแผ่นดินแคนาดาอันห่างไกลเขาจึงได้พบว่าช่วงวัยเด็กที่เป็นความทรงจำที่งดงามที่สุดของเขาไม่เคยจางหายไปไหน เพียงแต่มันถูกซ่อนอยู่ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจเขาเท่านั้น!
ฉินสือโอวหายใจเข้าออกลึกๆ ไม่หยุด “ที่นี่อากาศไม่เลว”
โทรอนโตเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐออนแทรีโอและชื่อออนแทรีโอนี้มาจากภาษาดั้งเดิมของคนพื้นที่ซึ่งมีหมายความว่า ‘สายน้ำอันเปล่งประกาย’ ชื่อของมันเหมาะกับสถานที่แห่งนี้จริงๆ ที่นี่มีอ่าวฮัดสันอยู่ทางตอนเหนือ รวมถึงแม่น้ำเกรตเลกส์และแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ที่อยู่ทางใต้ ดังนั้นอากาศจึงได้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยไอน้ำ
แต่เออร์บักกลับหัวเราะอย่างไม่เห็นด้วย “อากาศโทรอนโตแย่นะ เชื่อเถอะ ไอ้หนู รอนายได้ไปที่เมืองแฟร์เวลก่อน นายจะได้รู้ว่าอากาศที่นั่นหอมหวานเชียวล่ะ”
เราเครื่องบินอีกครั้ง สถานที่ต่อไปคือเมืองเซนต์จอห์น
ขณะอยู่บนเครื่องบินเออร์บักก็ใช้เวลานี้ในการแนะนำความรู้พื้นฐานและเมืองเซนต์จอห์นให้เขาฟัง เซนต์จอห์นเป็นเมืองหลวงของรัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ พื้นที่ทะเลใกล้เคียงเป็นแหล่งตกปลาค็อดที่มีชื่อเสียง ฟาร์มปลาขนาดใหญ่ที่เขาต้องรับสืบทอดก็เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งตกปลาค็อด
ปลาค็อดของแคนาดามีชื่อเสียงทั่วโลก ฉินสือโอวเรียนวิชาภูมิศาสตร์ตอนมัธยมต้นจนบัดนี้ก็ยังจำเรื่องการประเมินพื้นที่จับปลาในนิวฟันด์แลนด์ได้ว่ามันเป็นสถานที่ที่อุดมไปด้วยปลาและพื้นที่ชายฝั่ง
เขายังไม่เคยทานปลาค็อด แต่ตอนนี้เขาลับมีดเตรียมพร้อมและวางแผนที่เอาไว้ว่าหลังจากที่เขาไปถึงฟาร์มปลาเขาจะเอาปลาค็อดสองตัวลงหม้อแล้วนึ่งน้ำแดงพร้อมเสิร์ฟไปเลย!
เมื่อเครื่องบินลงก็เป็นเวลาฟ้าสางแล้ว เมื่อเครื่องบินบินลงต่ำ ฉินสือโอวยังพอฝืนใจยอมรับระดับความสูงได้ เขามองออกไปด้านนอกหน้าต่าง และสิ่งที่ปรากฏสู่สายตาของเขาเป็นอย่างแรกก็คือผิวน้ำทะเลสีฟ้ากว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด
นอกจากนี้บริเวณอ่าวยังมีบ้านไม้หลากสีสันตั้งเรียงรายกระจายตัวออกไปอย่างไม่เป็นระเบียบอีกด้วย
ท่าอากาศยานเซนต์จอห์นอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร แต่รถแท็กซี่กลับมีจำนวนน้อยมากไม่เหมือนท่าอากาศยานในประเทศที่มีคนบินไปมาเลยสักนิด ตอนอยู่บนเครื่องบินฉินสือโอวสังเกตเห็นว่าเมืองแห่งนี้มีขนาดค่อนข้างเล็กและไม่ได้เจริญรุ่งเรืองมากนัก และขณะที่เขานั่งแท็กซี่ไปถึงเขตเมืองบนถนนสะอาดสะอ้านและกว้างขวางก็มีคนเดินสัญจรไปมาเพียง 2-3 คนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามหากไม่กล่าวถึงเรื่องทิวทัศน์ของเมืองคงไม่ได้ ทันทีที่ลงจากรถเขาก็ได้กลิ่นลมทะเลจางๆแต่สดชื่นพัดโชยมา ตอนนี้ฉินสือโอวมองเห็นอะไรก็รู้สึกแปลกใหม่ไปหมด และเมื่อเขามาถึงเรือประมงที่จอดอยู่ที่ท่าเรือเขาก็เห็นน้ำแข็งก้อนหนึ่งลอยตัวไปตามกระแสน้ำ
“ฟาร์มปลาของนายอยู่ท่างทิศตะวันออกเฉียงใต้ มันเป็นตำแหน่งที่ชาญฉลาดมากทีเดียว กระแสน้ำเย็นแลบราดอร์และกระแสน้ำอุ่นจากอ่าวเม็กซิโกจะมาบรรจบกันที่บริเวณฟาร์มปลาของนาย” เออร์บักยืนอยู่ที่ดาดฟ้าพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ฉินสือโอวตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ยิ่งใกล้ถึงฟาร์มปลาเขาก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวอนาคตที่ต้องเจอมากยิ่งขึ้น ฉินสือโอวยืนอยู่บนดาดฟ้าและปล่อยให้ลมทะเลพัดมากระทบใบหน้าแต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความเย็นแม้แต่น้อย
ตอนนี้เป็นเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้น แสงส้มอ่อนโยนสาดส่องมาจากทางตะวันออกราวกับใบหน้ายิ้มแย้มของเด็กสาว จากนั้นดวงอาทิตย์อันงดงามก็กระโดดขึ้นมาก่อนที่มันจะสาดแสงลงบนผิวน้ำทะเลแล้วทำให้ความมืดมิดยามค่ำคืนจางหายไปทันที
ตอนนี้ผิวทะเลอันกว้างใหญ่ดูคล้ายน้ำส้มที่ฉินสือโอวชื่นชอบเมื่อยังเป็นเด็ก แสงอาทิตย์สาดส่องผ่านระลอกคลื่นน้ำที่กระเพื่อมไหวไปมาและทำให้ท้องทะเลแห่งนี้งดงามราวกับมหาสมุทรในฝัน
‘จิ๊บๆ’ เสียงนกร้องหลายเสียงดังขึ้น ลมทะเลพัดเข้ามาปะทะขณะที่นกนางนวลสีขาวราวหิมะสี่ห้าตัวก็ร่อนลงมา
ฉินสือโอวเห็นดังนั้นก็รู้สึกเต็มตื้นในจิตใจ
มีคำว่า “โอว” ในชื่อของเขา (นกนางนวลภาษาจีนเรียกว่าไห่โอว) ดังนั้นตั้งแต่เล็กจนโตเขาจึงกระตือรือร้นอยากเห็นนกนางนวลมานานแล้ว แต่น่าเสียดายที่สภาพแวดล้อมบริเวณชายฝั่งที่เมืองไหเต่าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง นกนางนวลจึงได้หายไปนานแล้ว แต่ตอนนี้ ณ อีกปากฝั่งมหาสมุทรที่ไกลออกไป ในที่สุดเขาก็เห็นนกทะเลชนิดนี้
การปรากฏตัวของนกนางนวลแสดงให้เห็นว่าผืนดินอยู่ไม่ไกล และในไม่ช้าเกาะเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้น
มันเป็นเกาะเล็กๆ แห่งแหนึ่ง แต่ที่จริงหมู่เกาะนี้ก็ไม่นับว่าเล็กนัก ฉินสือโอวคาดว่ามันคงมีเนื้อที่ประมาณ 400 กว่าตารางกิโลเมตรได้ และเมื่อมองเห็นหมู่เกาะแห่งนั้น ในใจของเขาก็เต้นแรงขึ้นมาเพราะเขาได้มาถึงฟาร์มปลาของตัวเองแล้ว
………………………………………