ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 4 หัวใจโพไซดอนของฉัน

เมื่อเรือประมงเคลื่อนไปข้างหน้า ลักษณะของเกาะเล็กๆ แห่งนั้นก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และความรู้สึกกระตือรือร้นของฉินสือโอวก็ยิ่งเย็นเยียบ

เดิมทีเขาคิดว่าฟาร์มปลาต้องเป็นสถานที่ในอุดมคติแห่งหนึ่ง แต่สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเขากลับเป็นเกาะอันแห้งแล้ง

เมื่อมองลงมาจากบนเรือแล้ว บนเกาะยังมีทั้งบังกะโลและบ้านคนอยู่ด้วย แต่มันก็มีจำนวนไม่เท่าไรเท่านั้น เออร์บักบอกว่าที่นั่นก็คือเมืองแฟร์เวล ฉินสือโอวรู้สึกว่าจำนวนคนบนเกาะนี้น่าจะเทียบเท่ากับหมู่บ้าน 2 หมู่บ้านในบ้านเกิดของเขาซึ่งคาดว่าน่าจะมีคนไม่ถึง 2,000 คน

เนื่องจากเป็นต้นฤดูใบไม้ผลิและเพราะเกาะเล็กๆ แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากบริเวณวงกลมอาร์กติก[footnoteRef:1] สภาพอากาศที่นี่จึงยังคงเป็นฤดูหนาวและมีหิมะที่ยังไม่ละลายปกคลุมอยู่ทุกหนทุกแห่งบนเกาะ นอกจากนี้ยังมีภูเขาหิมะขนาดเล็กที่มีหิมะปกคลุมอยู่ด้านบนจนกินพื้นที่ไปครึ่งหนึ่งของเกาะปรากฏอยู่ด้วย [1: (Arctic Circle) บริเวณขั้วโลกเหนือเป็นวงกลมละติจูดที่อยู่เหนือที่สุด ในบรรดา 5 วงกลมละติจูดหลักบนแผนที่โลก]

เกาะเล็กๆ แห่งนี้ล้อมรอบไปด้วยท่าเรือเล็กๆ 6-7 แห่ง บริเวณท่าเรือเหล่านี้ล้วนเต็มไปด้วยความวุ่นวายและสกปรก มีอวนจับปลาที่ชำรุดจำนวนมากติดอยู่บนโขดหินริมชายฝั่ง นอกจากนี้ยังมีเรือประมงขนาดเล็กที่ทำขึ้นอย่างหยาบๆ เทียบท่าอยู่บนชายฝั่งอย่างไม่เป็นระเบียบด้วย

แต่ก็มีบางอย่างที่เออร์บักพูดไม่ผิด อากาศที่นี่สดชื่นมาก หลังจากคุ้นเคยกับกลิ่นจางๆ ของน้ำทะเลแล้วฉินสือโอวก็พบว่ามีกลิ่นหวานหอมปะปนอยู่ด้วย

“ให้ตายเถอะ ชุมชนดั้งเดิม” ฉินสือโอวยกยิ้มขมขื่น

ฟาร์มปลาของเขาอยู่ทางใต้สุดของเกาะ ต้นเมเปิลที่มีความสั้นยาวแตกต่างกันไปล้อมรอบคฤหาสน์เป็นวงครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ราวๆ 10 ตารางกิโลเมตร นั่นคือมากกว่า 100,000 เอเคอร์ ถ้าอยู่ในประเทศจีนมันคงมีค่าไม่น้อย แต่น่าเสียดาย เพราะที่นี่คือแคนาดาซึ่งมีราคาที่ดินถูกที่สุดในโลก

เมื่อถึงฟาร์มปลาแล้วฉินสือโอวก็ไม่สามารถเข้าพักได้ เพราะภายในบ้านมีสภาพเก่ามากและไม่ได้เก็บกวาดใดๆเลย

เออร์บักพาเขาไปพักในโฮสเทลเล็กๆ ที่อบอวลไปด้วยเสน่ห์แบบโบราณซึ่งตั้งอยู่ภายในเมืองและบอกว่าตอนบ่ายจะพาเขาไปดำเนินการยื่นภาษี

ฉินสือโอวเหนื่อยมาก เมื่อถึงโรงแรมก็หลับเป็นตายไปทันที

ในความฝัน ฉินสือโอวกำลังฝันว่าเขาได้ขึ้นไปบนเรือสำราญหรูหราและได้โอบกอดสาวงามระดับนางงามโลกเอาไว้ แต่ใครบางคนก็ปลุกเขาขึ้นมาเสียก่อนและเมื่อลืมตาขึ้นเขาก็เห็นใบหน้าภูมิฐานของเออร์บัก

“ผมขอนอนอีกสักหน่อยนะ ตอนนี้ผมง่วงสุดๆ เลย” ฉินสือโอวกอดหมอนไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

เออร์บักแย้มยิ้มแล้วหยิบมือถือโนเกียส่งให้เขาดูรูปภาพหนึ่ง มันเป็นรูปสาวสวยที่มีใบหน้าอ่อนโยนและกำลังยกยิ้มอยู่ เธอก็คือพนักงานต้อนรับสาวที่คอยปลอบฉินสือโอวบนเครื่องบินก่อนหน้านี้นั่นเอง

“คุณแอบถ่ายเหรอ?” ฉินสือโอวร้องขึ้น

เออร์บักส่ายหัวพลางกล่าวออกมา “ไว้อายุเท่าฉันแล้วนายจะรู้ ไอ้หนู ผู้หญิงก็เหมือนนางมารกระดูกขาว[footnoteRef:2]นั่นแหละ! แต่รูปนี้น่าจะรักษาอาการง่วงเหงาหาวนอนของนายได้นะ” [2: นางมารกระดูกขาว อยู่ในเรื่องไซอิ๋ว เป็นผีที่ปลอมตัวเป็นหญิงสาว ในที่นี่เปรียบเทียบว่า หญิงสาวที่ดูดีสวยงามยั่วยวนลวงหลอกให้ชายหนุ่มลุ่มหลง]

ความจริงแล้วเมื่อได้เห็นพนักงานต้อนรับสาวที่ทั้งสวยและแสนอ่อนโยน ฉินสือโอวก็ตื่นเต็มตาทันที

เออร์บักอธิบายต่อ “ตอนนี้นายต้องปรับเวลา เพราะฉะนั้นกลางวันห้ามนอนเด็ดขาด ต่อให้ง่วงนอนก็ต้องทนไว้ ถึงตอนกลางคืนค่อยนอนหลับฝันหวานสักตื่น ฉันขอสาบานกับพระผู้เป็นเจ้าเลยว่าต่อไปนายก็จะเคยชินกับเวลาของประเทศแคนาดาได้”

ฉินสือโอวเกาหัวแกรกแล้วยิ้มแหยๆ ขอโทษ “คุณเออร์บัก ผมคิดว่าไม่จำเป็นแล้วล่ะ แหะๆ ผม เหอะๆ วางแผนไว้ว่าจะขายฟาร์มปลานี้ จากนั้นก็นำเงินสดกลับประเทศ”

“น่าเสียดายมาก ไอ้หนู” หลังจากเออร์บักได้ฟังคำพูดของเขาก็ไม่ได้คิดดูถูกเขา แต่เออร์บักกลับหัวเราะออกมาแทน “ดูๆ ไปแล้วนายคงไม่ได้ศึกษาพินัยกรรมของปู่ให้ดีสินะ พินัยกรรมของเขาระบุเอาไว้เรื่องหนึ่งว่า ไม่สามารถขายฟาร์มปลาได้ หากนายยังยืนกรานที่จะขาย รัฐบาลเมืองเซนต์จอห์นจะทำการเวนคืนเป็นสมบัติชาติ!”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ยิ่งงงงวยเข้าไปอีก คุณปู่รองล้อเล่นอะไรกัน? ปู่วางแผนให้หลานไร้อนาคตคนนี้รับช่วงต่อกิจการของเขาจริงๆ เหรอ? แบบนี้ก็ต้องดูให้ชัดเจนด้วยว่าหลานของปู่นี่มีความสามารถและพรสวรรค์พอหรือเปล่า!

เออร์บักพูดให้กำลังใจ “สู้ๆ พ่อหนุ่มน้อย ฉันกับปู่นายเป็นเพื่อนรักกัน เขาบอกว่าเขามั่นใจแล้วว่าต่อไปนายจะต้องทำให้ฟาร์มปลาแห่งนี้กลายเป็นฟาร์มปลาที่ใหญ่จนมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกได้แน่ และนายจะต้องทำให้ฟาร์มปลารัฐนิวฟันด์แลนด์กลับมารุ่งโรจน์ได้อีกครั้งแน่นอน”

ฉินสือโอวร้องโอดครวญออกมาอย่างเศร้าสร้อย ภายในใจของเขาสบถออกมาแล้วเป็นหมื่นๆครั้ง ‘เขามั่นใจว่าคนอย่างผมเนี่ยนะ จะมีปัญญาทำได้!’

“ไปกันเถอะ พวกเราไปสรรพากรในเมืองเพื่อยืนยันภาษีที่นายต้องจ่ายก่อนแล้วกัน” สุดท้ายเออร์บักก็พูดให้ฉินสือโอวเจ็บใจและทำให้เขาได้รู้ว่าโชคดีไม่มีทางตกจากฟ้าได้ จะมีก็แต่โชคร้ายเท่านั้นแหละ!

“ผมยังต้องเสียภาษีด้วยเหรอ? ตอนที่อยู่ในประเทศของผม ผมก็ถามคุณไปแล้ว คุณก็บอกว่าแคนาดาไม่มีภาษีมรดกนี่!” ฉินสือโอวโวยวาย

เออร์บักยกยิ้มพลางพูดขึ้นมา “ใช่ แคนาดาไม่มีภาษีมรดก แต่มีภาษียืนยันมรดก”

ภาษียืนยันมรดกหมายความว่าเมื่อบุคคลประสงค์จะทำพินัยกรรมเสียชีวิตลง พินัยกรรมจะมีผลทางกฎหมายในการจัดการกับทรัพย์สินของเจ้าของพินัยกรรม แม้ว่าผู้ดำเนินการจะได้รับสิทธิตามกฎหมายในการจัดการมรดกตามพินัยกรรม แต่เมื่อโอนย้ายทรัพย์สินเช่นการลงทุนและอสังหาริมทรัพย์ก็จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบยืนยันโดยผู้มีอำนาจจากศาล และการตรวจสอบนี้จะต้องมีค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน

เออร์บักบอกกับฉินสือโอวว่ามาตรฐานอัตราภาษีมรดกของนิวฟันด์แลนด์จะเรียกเก็บทุก 25,000 ดอลลาร์แคนาดาขึ้นไป และทุกๆ 1,000,000 ดอลลาร์แคนาดาก็จะเรียกเก็บ 14,000 ดอลลาร์แคนาดา 2,000,000 ดอลลาร์แคนาดาจะเรียกเก็บ 28,000 ดอลลาร์แคนาดา ตามมาตรฐานนี้สามารถกล่าวได้ว่าฉินสือโอวต้องชำระภาษียืนยันมรดกเป็นจำนวน 520,000 เหรียญดอลลาร์แคนาดา คิดเป็นเงินหยวนก็เท่ากับ 3,000,000 หยวนเลยทีเดียว!

ฉินสือโอวโมโหขึ้นมาทันทีก่อนที่เขาจะพูดออกมา “คุณหลอกผม!”

“นายสามารถละทิ้งฟาร์มปลาแห่งนี้ได้ และยังจะได้รับเงินชดเชย 12.8% จากรัฐบาลด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าความจริงนายก็ยังคงได้รับเงินจำนวนมากอยู่” เออร์บักพูด

“แต่ว่า...” เออร์บักเปลี่ยนเรื่องแล้วจ้องมองฉินสือโอวพลางพูดขึ้น "นายรู้หรือเปล่าว่าฟาร์มปลาต้าฉินสร้างขึ้นมาได้ยังไง? ภายใต้สายตาเหยียดหยามและแรงกดดันของผู้คนนับไม่ถ้วน คุณปู่ของนายที่เป็นชาวต่างชาติผิวเหลืองใช้สติปัญญา ความดื้อรั้น อุตสาหะและวิสัยทัศน์พยายามทุ่มเทแรงกายเพื่อให้ได้มันมา! เจ้าหนู คุณปู่ของนายเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็นมาเลย! นายเข้าใจที่ฉันจะบอกไหม? อย่าทำให้ชายคนนี้ต้องมัวหมองเลย!”

“คุณคิดว่าผมอยากสร้างความอับอายให้กับบรรพบุรุษเหรอ? แต่ทั้งเนื้อทั้งตัวผมรวมๆ แล้วยังมีไม่ถึง 20,000 หยวนเลย สมบัติทั้งบ้านมารวมกันอย่างมากก็มีแค่ 200,000 หยวน แล้วผมจะจ่ายภาษี 3,000,000 หยวนได้ยังไง?” ฉินสือโอวพูดขึ้นมา

เออร์บักนั่งลงข้างๆ เขาพลางพูดออกมา “ความจริงแล้วภาษีส่วนนี้ล่าช้าไป 9 ปี จะล่าช้าต่อไปอีก 9 ปีก็คงไม่เป็นไร นายเข้าใจใช่ไหมล่ะ? นายมีเวลาอีกมากพอที่จะใช้ฟาร์มปลาหาเงิน!”

ฉินสือโอวไม่ได้เป็นเมล็ดพันธุ์ที่ย่ำแย่ ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ทำไมถึงไม่ต่อสู้ให้ถึงที่สุดล่ะ?

สรรพากรเมืองทำงานเฉพาะวันจันทร์ วันพุธ และวันศุกร์ เออร์บักถามได้ความว่าเมืองนี้มีการจัดการที่ไม่ดี รัฐบาลจึงไม่มีปัญญาจ่ายเงินเดือน ดังนั้นจึงทำได้เพียงลดเวลาทำงานของข้าราชการลงเพื่อจะได้ลดเงินเดือนของพวกเขาไป

ฉินสือโอวจะหัวเราะก็ไม่ได้จะร้องไห้ก็ไม่ออก พวกผู้นำของแคนาดาก็ดูเหมือนจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกัน และนี่ก็ทำให้เขากังวลเกี่ยวกับอนาคตฟาร์มปลาของเขามากขึ้นไปด้วย

เออร์บักขับรถฟอร์ดรุ่นคุณปู่ของเขาไปรอบเมืองและพาฉินสือโอวไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมเพื่อให้เขาผ่อนคลายจิตใจ

เขาขับรถไปบนทางคดเคี้ยวจนถึงทะเลสาบแห่งหนึ่ง ผิวน้ำแข็งของทะเลสาบนี้เพิ่งจะละลายได้ไม่นาน ทะเลสาบจึงใสสะอาดเป็นอย่างมาก และก้อนน้ำแข็งที่ลอยอยู่ประปรายก็ใสแจ๋วราวกับกระจก

ทิวทัศน์ของทะเลสาบสวยงามมาก สาหร่ายเป็นสีเขียวมรกต น้ำแข็งก็เป็นสีขาวสะอาดตา บางครั้งก็มีนกกระพือปีกบินไปบินมาและยังมีปลากระโดดขึ้นมาเหนือน้ำพาให้สถานที่แห่งนี้ดูสวยงามและอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง

เออร์บักเอ่ยปากแนะนำ "ผู้คนรู้แค่ว่ามีทะเลสาบหลายแห่งในออนแทรีโอ อันที่จริงแล้วทะเลสาบในนิวฟันด์แลนด์ก็มีไม่น้อย ทะเลสาบแห่งนี้เรียกว่า ทะเลสาบเฉินเป่า ว่ากันว่ามีคนเคยฝังสมบัติลงไปในนั้นด้วย...”

“ผมอยากกระโดดลงไปช้อนดูสักทีจัง” ฉินสือโอวตอบออกมาอย่างหดหู่

ในตอนนั้นเองเรือประมงลำหนึ่งพายก็เข้ามาอย่างช้าๆ จากนั้นชาวประมงวัยกลางคนท่าทางแข็งแรงคนหนึ่งโบกก็มือให้เออร์บักพลางแล้วพูดขึ้นมา “ไง คุณชาร์คแมน คุณกับเพื่อนของคุณมายิงปลาที่ทะเลสาบเฉินเป่าเหรอ? มาสิ พวกเราไปด้วยกันก็ได้”

อันที่จริงมันก็ช่วยผ่อนคลายได้ไม่น้อย เออร์บักพาฉินสือโอวขึ้นเรือประมงแล้วเอ่ยปากอธิบาย “การยิงปลาเป็นกิจกรรมใหม่ที่เกิดขึ้นเฉพาะในอเมริกาเหนือในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้... โอ๊ย ให้ตายสิ!”

เขายังพูดไม่ทันจบ เรือประมงก็ไปทำให้ปลาคาร์ฟใต้ท้องเรือที่ยาวประมาณ 1 เมตรตกใจจนต้องกระโดดขึ้นมา มันกระโดดขึ้นมาและกระแทกกับคนสามคนบนเรืออย่างน่าหวาดเสียว ชาวประมงคนนั้นและเออร์บักรีบหลบไปโดยสัญชาตญาณและปล่อยให้ฉินสือโอวยืนบื้อตะลึงงันอยู่ท้ายเรือจนหน้าของเขาถูกหางปลาที่มีลักษณะเหมือนพัดที่ทำจากใบปาล์มฟาดเข้าใส่และตกทะเลสาบไป

“ช่วยเขาเร็ว!” เออร์บักรีบร้องขอความช่วยเหลือ

หางของปลาคาร์ฟค่อนข้างหยาบและมีหนามแหลมคมประดุจใบมีดเล็กๆ แล้วทันใดนั้นมันก็วาดผ่านคางของฉินสือโอวไป

ฉินสือโอวรู้สึกเหมือนตนเองถูกรถตันเล็กๆ พุ่งเข้าชนจนพลิกตกน้ำไป แต่ในเวลานั้นกลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเลือดที่ไหลออกมาจากคางของเขากำลังหยดลงสู่หัวใจโพไซดอนที่โผล่ออกมาจากหน้าอกของเขาอย่างพอดิบพอดี

ขณะกำลังตกลงไปน้ำ ฉินสือโอวก็สัมผัสได้ถึงสีน้ำเงินกว้างใหญ่เบื้องหน้าของตนราวกับว่าเขาไม่ได้ตกลงไปในทะเลสาบสีเขียวมรกต แต่เป็นมหาสมุทรอันกว้างใหญ่อย่างไรอย่างนั้น น้ำในทะเลสาบไหลเข้าไปในโพรงจมูกของเขา ทว่าเขากลับได้กลิ่นคาวเค็มของน้ำทะเลพุ่งขึ้นมา

ทันใดนั้นเขาก็เห็นว่าหัวใจโพไซดอนกำลังลอยอยู่ในน้ำ และแสงสีฟ้าที่อยู่ในกรอบสายตาของเขาก็ถูกส่องสว่างออกมาจากหัวใจของโพไซดอนนั่นเอง!

แสงสีฟ้าส่องประกายเจิดจ้าอยู่ตรงหน้าฉินสือโอว จากนั้นหัวใจของโพไซดอนก็กลายเป็นแสงสีน้ำเงินเข้มแล้วแทรกซึมเข้าไปในร่างของเขา!

ฉินสือโอวถูกลากขึ้นเรือประมงด้วยท่าทางตะลึงงันเพราะภาพราวกับความฝันที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาในเวลานี้

คลื่นน้ำกระเพื่อมเป็นระลอก สาหร่ายทะเลโบกสะบัดพลิ้วไหว ปลาดุกที่มีความยาวพอๆ กับฝ่ามือหลายตัวผุดขึ้นมาจากโคลนตมใต้ทะเลสาบอย่างมีความสุข จากนั้นมันก็อ้าปากของมันเพื่อค้นหาอาหารและเศษซากสาหร่ายจากโคลนที่ฟุ้งขึ้นมาอย่างร่าเริง และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปเขาก็ได้เห็นสิ่งที่คล้ายกระสวยด้ายลอยอยู่เหนือหัว นี่ไม่ใช่เรือประมงที่เขานั่งอยู่ตอนนี้หรอกเหรอ?

แต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมเขาถึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ใต้ทะเลสาบได้ อีกทั้งยังสามารถสัมผัสความรู้สึกของปลาดุกได้ด้วย!

……………………………………….