บทที่ 37 ดีขึ้นเรื่อยๆ
ตอนกลางวันพี่สาวกับพี่เขยก็มาถึงพร้อมกับหลานชายหกขวบ ฮุยฮุย
ฉินสือโอวอายุห่างจากพี่สาวแปดปี ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะนโยบายประเทศเปลี่ยน พ่อแม่เขาก็มีลูกคนที่สองไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่เขาเกิดได้ก็ต้องขอบคุณประเทศ
ต่างฝ่ายต่างทักทายกันเล็กน้อย พี่สาวของฉินสือโอวก็เข้าครัวไปช่วยพ่อแม่ทำกับข้าว ส่วนพี่เขยก็ถามเขาเรื่องต่างประเทศนิดหน่อย
ฉินสือโอวหาเวลาดึงตัวหลานชายมาแล้วถามขึ้น “น้าไม่อยู่ คิดถึงน้าบ้างไหม?”
ฮุยฮุยไม่ได้รู้สึกอะไรกับน้าเป็นพิเศษ หลักๆก็เป็นเพราะฉินสือโอวทำตัวเองที่ชอบแกล้งเด็ก แถมบางทีลงมือไม่ยั้ง เด็กชอบก็แปลกแล้ว
แต่ว่านิสัยของฮุยฮุยค่อนข้างหัวอ่อน เขามีอาการเบื่ออาหารในเด็ก ปกติกินอะไรไม่ค่อยลง ตัวก็เลยไม่โต นิสัยก็แข็งข้อไม่ขึ้น
พอโดนฉินสือโอวคว้าไว้ ฮุยฮุยก็ช่วยจัดปกเสื้อให้ด้วยท่าทีประจบแล้วตอบด้วยน้ำเสียงเล็กแหลม “เคยคิด”
เห็นลูกชายโดนฉินสือโอวคว้าไว้อย่างกับเหยี่ยวที่คว้าไก่น้อยไว้ในกรงเล็บ พี่สาวของฉินสือโอวจึงเอ่ยตักเตือน “ให้มันเบาๆหน่อยนะ ทำลูกชายพี่ร้องไห้ทุกที ครั้งนี้ถ้าทำร้องไห้อีกดูสิว่าพี่จะจัดการแกยังไง”
เพราะอายุของทั้งสองห่างกันแปดปี ก่อนฉินสือโอวขึ้นมัธยมต้นก็ได้รับการ**จากพี่สาวมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าทั้งสองจะปะทะกันซึ่งๆหน้าหรือว่าทางอ้อมเขาก็แพ้ราบคาบ
ฉินสือโอวยิ้มแข็งๆก่อนจะหันไปถามฮุยฮุย “น้าให้แอปเปิลอันหนึ่ง เอาไหม?”
ฮุยฮุยมีอาการเบื่ออาหารและไม่ชอบการกิน จึงส่ายหน้าอย่างแน่วแน่
ฉินสือโอวกลับไปเอาไอแพด แอร์รุ่นล่าสุดที่ห้อง ตอนนี้ที่จีนยังไม่ได้วางขาย เขาตั้งใจเอากลับมาจากแคนาดาโดยเฉพาะ แล้วตอนซื้อยังเพิ่มเงินให้วิศวะแอปเปิลติดตั้งซอฟต์แวร์เวอร์ชั่นภาษาจีนด้วย
เพราะทีวีและอินเทอร์เน็ตบวกกับความแพร่หลายของรถ ตอนนี้ความต่างของชนบทกับเมืองกำลังลดน้อยลง ที่บ้านของพี่สาวฉินสือโอวมีคอมพิวเตอร์ ฮุยฮุยเคยเห็นไอแพดมาจากคอมพิวเตอร์ และไอแพด แอร์พิกเซลสูงมากถึง 20 ล้าน พอเปิดหน้าจอภาพสวยงามจึงดึงดูดสายตาของหนูน้อยทันที
“เอาให้หนู” เด็กน้อยยื่นมือร้องขออย่างรีบร้อน
ฉินสือโอวชี้ไปที่โลโก้แอปเปิลด้านหลัง “เมื่อกี้น้าถามไม่ใช่เหรอว่าอยากได้แอปเปิลหรือเปล่า หนูบอกไม่เอา ทำไมเหรอ ตอนนี้จะกลับคำแล้วเหรอ?”
เด็กน้อยร้อนรนจนเดินวนไปมา ฉินสือโอวแกล้งจนพอใจถึงยื่นไอแพดให้แล้วเปิดเกมยิงเครื่องบินที่โหลดมาก่อนหน้านี้ให้เล่น
มาถึงตอนกินข้าว มีกับข้าวมากมาย ทั้งซี่โครงทอด เนื้อผัดต้นหอม ไส้ผัด ปลาดุกกระทะร้อน ไข่ผัดกุยช่าย แตงกวาทุบ คื่นช่ายผัด ผิวแมงกะพรุนคลุกแกนผักกาด ส่วนอาหารหลักก็เป็นพายเนื้อกับพายผัก
ฉินสือโอวเปิดไอซ์ไวน์ที่ตั้งใจเอามาแล้วพูดขึ้น “นี่เป็นของขึ้นชื่อจากนิวฟันด์แลนด์ พ่อแม่ต้องลองชิมนะ”
ฮุยฮุยกำลังสนุกกับไอแพดบวกกับมีอาการเบื่ออาหาร ตาแปะไปกับหน้าจอไอแพด พี่สาวของฉินสือโอวด่าไปก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ฉินสือโอวคิดๆดูแล้วเทน้ำเชื่อมเมเปิลออกมาจิ้มกับพาย เขาให้ฮุยฮุยชิมดู อีกฝ่ายชิมแบบไม่เต็มใจก่อนจะพยักหน้าแล้วนั่งลงกินดีๆ แม้จะไม่ชอบมากเท่าไรแต่ก็ไม่ได้เกลียดมากมาย
ตอนกินข้าวฉินสือโอวก็พูดถึงความตั้งใจของตัวเองออกมา เขาอยากพาพ่อแม่ไปแคนาดา
“พ่อแม่ ไปที่โน่นเถอะ ผมมีคฤหาสน์ที่พื้นที่ประมง ติดทะเล เปิดหน้าต่างมาก็เจอเลย ท้องฟ้าก็ฟ้ามาก อากาศดีบริสุทธิ์ ของกินก็สะอาด พ่อแม่ไปกับผมเถอะ”
พ่อฉินกับแม่ฉินส่ายหน้าพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย พ่อฉินพูด “งานที่บ้านก็ทิ้งไม่ได้ กุยช่ายต้องขาย คื่นช่ายก็ขายดีแล้ว แตงกวาก็เพิ่งปลูกได้ไม่นาน แล้วยังมีขิงอีก โยนทิ้งไม่ได้”
แม่ฉินก็พูดขึ้น “ไปต่างประเทศทำอะไร ท้องฟ้าจะฟ้าแค่ไหนแม่กับพ่อแกก็บินขึ้นไปไม่ได้ อากาศก็อากาศโลกเดียวกัน จะต่างกันสักแค่ไหน? ส่วนของกินที่บ้านก็ปลูกเองทั้งนั้น วางใจกว่ากันเยอะ”
ฉินสือโอวเกลี้ยกล่อมสุดชีวิตให้พ่อแม่ย้ายไป แต่ไม่ว่าเขาจะพูดอย่างไร หรือแม้กระทั่งเออร์บักเข้ามาช่วยพูด ทั้งสองก็ไม่ยอมย้ายท่าเดียว
สุดท้ายฉินสือโอวจึงส่งสายตาไปให้พี่สาว อีกฝ่ายจึงปรายตามองเขาแล้วพูดขึ้น “แกคิดง่ายไปแล้ว พ่อแม่จะไปต่างประเทศได้ไง? ญาติพี่น้องก็อยู่ที่นี่ทั้งนั้น เพื่อนบ้านแถวนี้ก็สนิทสนมกันทั้งนั้น เวลาว่างๆเบื่อๆยังมีที่ให้ไปหาเพื่อน ถ้าไปต่างประเทศละ? จะไปมีใครเป็นเพื่อน? ต่อให้มีคนมีคนยินดีจะเป็นเพื่อนด้วย พ่อแม่พูดจีนกลางยังไม่เป็นด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงภาษาต่างประเทศ?”
ฉินสือโอวคิดๆดู ก็จริงอย่างที่ว่า
พ่อฉินพูด “เอางี้ รอถึงฤดูร้อน เราจะหาเวลาไปพื้นที่ประมงของลูกด้วยกัน คนในเมืองเขาเรียกว่าอะไรนะ? พักร้อนใช่ไหม? เราก็มาตามกระแสกันบ้าง ไปพักร้อนที่บ้านลูกที่โน่น ไปกันทั้งบ้านเลย”
ฮุยฮุยโยนพายในมือทิ้งแล้วแปะมือเข้าด้วยกัน “ได้ไปเมืองนอก ได้ไปเมืองนอกกันแล้ว”
พี่สาวของฉินสือโอวหยิบพายขึ้นมาแล้วพูดขึ้น “ไม่เกี่ยวกับลูก กินต่อไป!”
“แต่เราไม่ได้เพิ่งบอกว่าจะไปเมืองนอกกันเหรอ?”
“ไม่ได้ อย่ามาเปลี่ยนเรื่องกับแม่ ไม่เกี่ยวกับลูก กินดีๆ!”
“แต่หนูกินอิ่มแล้ว”
“ก็ไม่ได้อยู่ดี!”
“เฮ้อ” เด็กน้อยถอนใจอย่างหงุดหงิดใจ
พอกินข้าว ฉินสือโอวก็หาโอกาสดึงพี่สาวมาคุยแล้วยื่นบัตรธนาคารให้ก่อนจะเอ่ยปาก “พี่ พี่อยู่บ้านต้องดูแลพ่อแม่ดีๆ ในบัตรนี้มีสองล้าน…..”
“สองล้าน?!”
“เบาๆเสียงหน่อย อย่าบอกพ่อแม่ อีกอย่าง พื้นที่ประมงกำไรดีมาก เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา เพราะฉะนั้นพี่เก็บไว้เถอะ พี่เขยอยากทำธุรกิจมาตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำธุรกิจเถอะ เงินไม่พอก็มาหาผมได้”
ได้ยินฉินสือโอวพูดดังนั้น พี่สาวเขาก็ยิ้มออกมาอย่างซาบซึ้งทันใด แล้วพูดขึ้น “จำได้ไหม ตอนที่แกเรียนม.ต้น ทุกปิดเทอมฤดูร้อนแกจะไปเล่นที่เมืองซานเจ๋อ ทุกครั้งที่กลับบ้านพี่ก็จะให้เงิน 50 หยวนเป็นเงินค่าขนมทั้งเทอม”
ฉินสือโอวเองก็ยิ้มออกมาก่อนจะพูดตอบ “จำได้สิ ตั้งสิบสามสิบสี่ปีมาแล้ว ผมยังจำได้เลยว่าทุกครั้งที่กลับมาผมจะซื้อขนมปังมาจากในเมือง ตอนนั้นในบ้านไม่มีขนมปัง”
“ใช่ พริบตาเดียวก็กลายเป็นว่าแกให้เงินฉันแล้ว แล้วยังไม่ใช่ 50 หยวนด้วย แต่เป็นสองล้าน”
“พี่ อย่าพูดให้ซึ้ง หรือว่าผมให้พี่ห้าล้านดี?”
“แกมีเงินเท่าไรกันแน่เนี่ย? บอกไว้ก่อนนะ อย่าทำอะไรมั่วซั่ว” พี่สาวของฉินสือโอวตกใจตัวโยน
ฉินสือโอวทำหน้าทะเล้นแล้ววิ่งออกไปจนเกือบชนกับหลานที่เดินมาหาแม่
ตอนบ่ายเขาอยากไปหาฉินเผิงแต่ไม่เจอ พ่อของฉินเผิงบอกว่าพาแฟนไปดูชุดแต่งงานในเขตแล้ว
พอไม่มีอะไรทำ ฉินสือโอวเลยพอเออร์บักเดินเล่นในหมู่บ้านพลางแนะนำทุกซอกตรอกซอยที่เขาคุ้นเคย
หมู่บ้านฉินติดเขา ด้านหน้าติดทะเล ภูเขามีลมแม่น้ำมีน้ำ ตามหลักฮวงจุ้ยแล้ว คนในหมู่บ้านควรจะมีความเป็นอยู่ที่ดีถึงจะถูก
แต่จริงๆแล้ว เศรษฐกิจที่หมู่บ้านพัฒนาได้ไม่ค่อยดีมาตลอด หลายปีมานี้คนในหมู่บ้านเริ่มออกไปทำงานข้างนอก หลายๆ บ้านเริ่มมีเงิน หมู่บ้านก็ดูดีขึ้นมามาก บ้านอิฐเทาหลังคากระเบื้องเข้ามาแทนบ้านอิฐแดงในสมัยก่อน
“แม่น้ำหน้าหมู่บ้านเราชื่อว่าแม่น้ำไป๋หลง อย่าคิดว่ามันดูแคบไม่มีชื่อเสียง แม่น้ำสายหลักของมันมีชื่อมาก เป็นสายย่อยของคลองปักกิ่งหางโจว เคยฟังคนรุ่นเก่าเล่าว่าหมู่บ้านนี้เคยรุ่งโรจน์ ต่อมาพอคลองเริ่มหมดความสำคัญหมู่บ้านก็เริ่มทรุดโทรมถดถอย”
“เขาลูกนี้ไม่มีชื่ออะไร ตอนเด็กๆบนเขายังมีต้นไม้ขึ้นเยอะ มักจะมีคนจับพวกกระต่ายป่า ไก่ป่าได้ประจำ น่าเสียดาย ตอนนี้ต้นไม้โดนตัดแทบเตียนหมด กระต่ายกับไก่ก็หายากขึ้น”
“ช่วงเวลาตอนเด็กของผมก็โตขึ้นที่นี่ที่นี่ ตอนนี้มานึกๆดูก็เป็นช่วงที่สวยงามไม่เบา”
ฉินสือโอวเล่าให้เออร์บักฟัง และทักทายเพื่อนบ้านที่เดินเจอบ้างตามประสา
คนในหมู่บ้านได้เห็นคนต่างชาติตัวเป็นๆเป็นครั้งแรก ฉินสือโอวกับเออร์บักเดินวนไปรอบหนึ่ง ผลปรากฏว่าดึงดูดสายตาของหลายๆคนเลยทีเดียว รวมไปถึงเด็กที่เดินอยู่ด้านหลังด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เออร์บักหันไปทักทายเหล่าเด็กๆ แต่กลับกลายเป็นทำพวกเขากลัวจนวงแตก ทำเอาฉินสือโอวหัวเราะพรืดออกมา
โดนคนจ้องอย่างกับเป็นตัวประหลาดแบบนั้นคงรู้สึกไม่ดีเท่าไร ฉินสือโอวจึงพาเออร์บักกลับบ้าน ตอนที่นอนบนเตียงเตา จิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็ถูกปลุกขึ้นทำให้เขานึกได้ว่าต้องตรวจดูสถานการณ์ที่พื้นที่ประมง
ตอนนี้ที่พื้นที่ประมงอุดมสมบูรณ์มาก การปรากฏตัวของลูกปลาหิมะทำให้ก้นทะเลที่อ้างว้างกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง มีปลาออกมาแหวกว่ายเล่นผ่านสายตาเขาตลอดทำให้ฉินสือโอวดีใจมาก
ถึงเวลาให้อาหารปลาพอดี ฉินสือโอวเห็นเรือประมงของชาร์คแล่นผ่านไปอย่างรวดเร็ว อาหารปลาโปรยปรายกระจัดกระจายลงน้ำ เหล่าลูกปลาต่างยื้อแย่งกันกิน
ฉินสือโอวซื้ออาหารปลาที่ดีที่สุด ส่วนประกอบหลักคือโปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุ
อาหารปลาชนิดนี้เด็ดตรงที่ว่านอกจากจะให้ปลากินได้แล้ว พอแช่น้ำนานยังสามารถละลายกลายเป็นสารอาหารให้สาหร่ายทะเลได้ด้วย
อย่างไรเสียการใช้คนเลี้ยงก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุด พอปลาโตขึ้นก็ต้องเริ่มหาอาหารเองแล้ว เพราะฉะนั้นก่อนที่พวกมันจะโต จำเป็นต้องมีปะการังและสาหร่ายก้นทะเลที่อุดมสมบูรณ์มากพอ
....................................................