ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 41 ซากเรืออับปางในคลอง

ต้วนเล่ยจัดการธุระได้อย่างน่าไว้วางใจมาก ช่วงหัวค่ำรูปภาพขบวนรถออดี้ได้ถูกส่งเข้ามาในมือถือของฉินสือโอว ต้วนเล่ยได้ส่งข้อความเข้ามา ‘ทำธุระเสร็จหมดแล้ว วันที่8ตอนเช้าขบวนรถจะออกเดินทาง’

ฉินสือโอวโทรศัพท์ไปขอบคุณ จากนั้นก็ไปหาฉินเผิงเพื่อให้เขาดูรูปภาพขบวนรถ

ฉินเผิงจึงให้เขาอยู่กินข้าวเย็นด้วยกันตามปกติ ยังไงแล้วเรื่องนี้ก็เป็นการแก้ปัญหาเรื่องที่ใหญ่สำหรับเขา

ฉินสือโอวก็ขี้เกียจกลับบ้านเช่นกัน เพราะเรื่องที่เขาซื้อรถทำให้พ่อกับแม่บ่นอยู่ที่บ้านตลอดเวลา เขาถูกมองว่าใช้เงินฟุ่มเฟือยและไม่มีประโยชน์

และแน่นอน โชคดีที่พ่อกับแม่เขาไม่รู้ว่า รถที่เขาขับอยู่ที่แคนาดาคือรถลีมูซีนซึ่งมีราคาขายในประเทศสูงกว่าสองล้านดอลลาร์แคนาดา และที่พวกเขายิ่งไม่รู้ก็คือ รถลีมูซีนที่อยู่ในเมืองแฟร์เวลเป็นเหมือนกับสิ่งของที่จัดแสดงโชว์ไว้แต่เอามาใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก……

ในฤดูใบไม้ผลิ ที่นาของทางบ้านมีงานให้ทำค่อนข้างเยอะ ต้องเตรียมเพาะปลูก เมล็ดพันธุ์มะเขือยาว เมล็ดพันธุ์ขึ้นฉ่าย ต้นกล้าพริกและแตงกวา

ที่บ้านของฉินสือโอวจะเป็นแปลงสวนผักแบบเปิด ค่าใช้จ่ายที่เขาเข้ามหาวิทยาลัยล้วนแล้วมาจากการเอาผักสีเขียวแต่ละต้นพวกนี้แลกมา ดังนั้นในช่วงนี้ ลานบ้านจึงเต็มไปด้วยต้นกล้าของผัก

เมื่อเห็นต้นกล้าผักเหล่านี้ ฉินสือโอวก็นึกถึงพื้นที่ว่างในฟาร์มปลาที่เป็นที่รกร้างผืนใหญ่ ผักที่เมืองแฟร์เวลมีไม่หลากหลาย หลักๆจะเป็นผักดั้งเดิมประเภท ดอกกะหล่ำ แครอท พริกหวาน ผักกูดพื้นเมือง นอกจากนั้นแล้วที่ปลูกเยอะที่สุดคือ มันฝรั่ง ข้าวโพดหวานและถั่วเขียว

ยังไงก็เป็นแค่เมืองเล็กๆที่รวมแหล่งฟาร์มปลาไว้ด้วยกัน จริงๆแล้วงานเพาะปลูกผักเล็กๆจึงไม่ใช่เรื่องที่พวกชาวประมงตัวกำยำสูงใหญ่จะสามารถจัดการได้ ผักในเมืองแฟร์เวลส่วนมากจะถูกขนส่งมาจากเซนต์จอร์นส์ เมื่อบวกกับค่าขนส่งแล้ว ดังนั้นราคาจึงสูงเป็นปกติ

ราคาสูงก็ไม่เท่าไร แต่การขนส่งที่ใช้เวลานานทำให้ผักไม่สดใหม่ เมื่อเห็นต้นกล้าในบ้าน ฉินสือโอวจึงตัดสินใจที่จะเอาเมล็ดพันธุ์กลับไปบ้างเล็กน้อย เพื่อลงมือเพาะปลูกด้วยตัวเอง

ฉินสือโอวได้เอาเรื่องนี้ไปบอกไว้กับพ่อแม่สักหน่อย คุณพ่อฉินรีบเริ่มทำงานทันที เขาเอาแตงกวา มะเขือเทศ พริกแดงและเขียว มะเขือยาว ขึ้นฉ่ายและยังมีเมล็ดพันธุ์ผลไม้พวกแตงไทย แตงโม จัดเก็บออกมา และจัดเตรียมกระเป๋าสะพายหลังให้กับฉินสือโอว

คนอายุปูนนี้อย่างเออร์บัก มีความหลงใหลในทุ่งนามาก บนหัวเขาสวมหมวกฟางของคุณพ่อฉินและพูดขึ้น “ฉิน ดีมากเลย กลับไปฉันจะช่วยนายปลูกผักพวกนี้ นายรู้วิธีปลูกไหม?”

ฉินสือโอวพูดอย่างมั่นใจ “เรื่องนี้คุณวางใจเถอะ ผมโตมากับสวนผัก ทำของพวกนี้ เรื่องเล็ก!”

คุณพ่อฉินกับคุณแม่ฉินต้องไปรดน้ำผักกุยช่าย ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่เหมาะกับการกินผักกุยช่าย แต่ผักจำพวกนี้ขาดน้ำไม่ได้เลย จำเป็นต้องรดน้ำและทดน้ำเข้านาอย่างสม่ำเสมอ

ฉินสือโอวจึงต้องไปช่วยทำงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เออร์บักก็สวมหมวกฟางไว้แล้วเดินตามขึ้นไป

เมื่อมาถึงแปลงสวนผักแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวและครอบครัวก็กลายเป็นจุดสนใจของเพื่อนบ้านละแวกใกล้เคียง คนไม่กี่ครอบครัวที่ทำงานอยู่รอบๆบริเวณสวนผักต่างก็หยุดทำงานและมองมาที่เออร์บักอย่างประหลาดใจ

“ฝรั่งแก่นี่เป็นคนที่ไหน?” คนรูปร่างเตี้ยวัยกลางคนนั่งยองๆอยู่คันนาเอ่ยถามคุณพ่อฉินเบาๆ

ฉันพ่อฉินส่งบุหรี่ขึ้นไปให้หนึ่งมวน ยิ้มจนตาหรี่และพูดออกมา “นี่คือเพื่อนที่เสี่ยวฉินรู้จักที่แคนาดา เป็นทนายความ และยังได้ยินมาว่าเคยเป็นเอกอัครราชทูตในประเทศเราด้วยนะ”

คนรูปร่างเตี้ยวัยกลางคนเป็นญาติกับตระกูลฉิน ถ้านับตามรุ่นในวงญาติ ฉินสือโอวต้องเรียกเขาว่าลุงสี่ เขามองดูบุหรี่ที่คุณพ่อฉินส่งขึ้นไปให้อย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นจึงพูดด้วยความอิจฉา “ไอ๊หยา พี่ ตอนนี้เสี่ยวฉินมีอนาคตแล้ว มีเพื่อนเป็นคนต่างชาติแล้วเหรอ? บุหรี่มวนนี้ของพี่ยี่ห้ออะไรเนี่ย?”

สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ คำชมที่ดีที่สุดมักจะมาจากลูกของตัวเอง คุณพ่อฉินจึงพูดด้วยสีหน้าที่ผ่องใส “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่ายี่ห้ออะไร เสี่ยวฉินเอากลับมาฝาก สูบไปเถอะ กลิ่นหอมมาก นายลองดู”

แปลงสวนผักของตระกูลฉินอยู่ด้านหน้าหมู่บ้าน ด้านข้างติดกับแม่น้ำไป๋หลง น้ำที่ใช้ทดสวนกุยช่ายก็สูบมาจากในแม่น้ำนี้

แม่น้ำไป๋หลงได้ชุบเลี้ยงคนหมู่บ้านตระกูลฉินไว้ แม่น้ำสายนี้มีกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก เป็นที่รวมของแม่น้ำที่ไหลลงมาจากภูเขาและแม่น้ำสายเล็กๆจำนวนหนึ่ง โดยอาศัยรูปทรงที่โค้งงอเหมือนพระจันทร์พัดพาสายน้ำไหลผ่านหน้าหมู่บ้านไปด้วยกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวทรงพลัง ส่วนที่กว้างที่สุดของลุ่มแม่น้ำคือประมาณยี่สิบกว่าเมตร สุดท้ายแล้วสายน้ำนี้จะไหลลงไปยังปากแม่น้ำของเขื่อนแห่งหนึ่ง

ถึงแม้ว่า Grand Canal (คลองที่ชุดขึ้นจากปักกิ่งถึงเมืองหางโจว)จะหยุดไหลแล้ว แต่ว่าลุ่มแม่น้ำอีกหลายสายยังคงมีปริมาณน้ำเต็มเปี่ยม เฉกเช่นแม่น้ำไป๋หลงนี้

ฉินสือโอวเอาเชือกมัดเครื่องปั๊มน้ำติดกับต้นหลิวต้นหนึ่งที่อยู่ข้างแม่น้ำไป๋หลง จากนั้นก็วางลงไปกลางน้ำ จัดวางสายยางให้เรียบร้อย หลังจากที่เปิดเครื่องแล้วน้ำในแม่น้ำที่ขาวใสเย็นฉ่ำก็ไหลพุ่งออกมา

เออร์บักที่อยู่ปลายคันนาของผักกุยช่ายก็ดีใจมาก หลังจากที่น้ำไหลมาที่หัวนาเขาก็ได้ทักทาย ฉินสือโอวได้ใช้พลั่วเหล็กมาขุดดินปิดช่องคลองผักเก่าและเปิดช่องคลองผักใหม่

สุดท้ายทดน้ำไปได้สิบกว่านาที น้ำในช่องคลองก็หยุดอย่างกะทันหัน คุณพ่อฉินที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ไม่มีเวลาจัดการจึงพูดสั่งขึ้น “รีบไปปิดสวิตช์ไฟ อย่าให้เครื่องไหม้ ต้องมีหญ้าในน้ำไปอุดไว้แน่เลย”

ฉินสือโอวชำนาญในการทำเรื่องนี้มาก เมื่อก้าวขาได้ก็รีบวิ่งไปที่ฝั่งแม่น้ำ ดึงสวิตช์ไฟที่แขวนอยู่บนเสาไฟฟ้าออก

เมื่อตัดไฟแล้ว คุณพ่อฉินกำลังจะไปยกเครื่องปั๊มน้ำขึ้นมาทำความสะอาดเอาหญ้าออก ฉินสือโอวหัวเราะพูดออกมา “พ่อไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวผมจัดการเอง”

เขาไม่คิดจะเอาเครื่องปั๊มน้ำขึ้นมา เจ้าเครื่องเล็กนี้เป็นเหล็กไม่ผสม ดูแล้วไม่ใหญ่ แต่จริงๆแล้วหนักมาก ตอนนี้เขามีหัวใจโพไซดอน ใช้จิตสำนึกโพไซดอนไปทำความสะอาดเอาหญ้าออกก็เป็นอันเสร็จสิ้น

ขณะที่จิตสำนึกโพไซดอนลงไปในน้ำ ครู่หนึ่งฉินสือโอวก็รู้สึกถึงพลังดึงดูดที่รุนแรงปรากฏออกมา

ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่งานประมูลได้เห็นพลังในการควบคุมอาหารของรูปแกะสลักแอปเปิลอำพันทองไม่มีผิด จิตสำนึกโพไซดอนยากที่จะควบคุม เขาจึงปล่อยพลิ้วไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก

เวลาผ่านไปสิบกว่าวินาที จิตสำนึกของโพไซดอนก็พุ่งออกไปที่แม่น้ำไป๋หลงตรงบริเวณหน้าหมู่บ้านตระกูลฉิน จากนั้นก็ค่อยๆหยุดลง

ฉินสือโอวมองไปที่ก้นแม่น้ำอย่างแปลกใจ แต่ก็ไม่มีของอะไร

บริเวณนี้คุณภาพน้ำปกติ ก้นแม่น้ำเป็นดินเลนที่หนาและมีขยะ แม้แต่ปลายังเห็นได้น้อย สามารถเห็นปลาช่อนไม่กี่ตัวทะลุออกมาจากดินเลนบ้างเป็นบางครั้ง ปลาที่เคยเห็นตอนเด็กๆอย่างปลาทอง ปลาเฉาฮื้อและปลาไหลตอนนี้แทบไม่เห็นแม้แต่เงา

ฉินสือโอวรู้สึกสงสัยเล็กน้อยแล้ว อะไรที่กำลังดึงดูดจิตสำนึกโพไซดอน? เขากวาดตามองรอบๆก้นแม่น้ำให้ละเอียด นอกจากดินเลนแล้วก็ยังคงเป็นดินเลน บนดินนั้นมองไม่เห็นของมีค่าอะไร

บนดินเลนไม่มีของ แล้วใต้ดินเลนล่ะ?

จิตสำนึกโพไซดอนเป็นพลังที่มีความสามารถหลากหลาย เหมือนกับสิ่งหนึ่งที่สามารถเปลี่ยนตัวตนไปมาได้จิตใจของฉินสือโอวเอาแต่ฮึกเหิมเหมือนกับระลอกคลื่นน้ำ ความเร็วทำให้ดินเลนที่อ่อนนุ่มฟุ้งกระจายออกไป

ก้นแม่น้ำที่แปรปรวนไปตามการฟุ้งกระจายของดินเลนเช่นนี้ได้เปลี่ยนน้ำที่ใสสะอาดเป็นสีเทาดำขึ้นมาทันทีทันใด ผู้หญิงสามสี่คนที่กำลังซักผ้าอยู่ริมแม่น้ำต่างพากันตกใจและรีบเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาบนฝั่ง

ดินเลนที่อยู่ก้นแม่น้ำได้ฟุ้งกระจายขึ้นมาหนาประมาณสองเมตรกว่าจนในน้ำแทบจะกลายเป็นโคลน โชคดีที่จิตสำนึกโพไซดอนไม่ต้องอาศัยดวงตาในการมองหาสิ่งของ ดังนั้นฉินสือโอวยังคงรับรู้สถานการณ์ที่ก้นแม่น้ำได้อย่างชัดเจน

เนื่องจากดินเลนได้ฟุ้งกระจาย คิดไม่ถึงว่าจะมีซากเรืออับปางลำหนึ่งปรากฏขึ้นมา เรือลำนี้มีความยาวมากกว่าเมตรครึ่ง กว้างประมาณสามเมตรกว่า โครงเรือที่เป็นไม้ได้ถูกกัดเซาะจนผุพัง แต่ก็ยังคงสามารถมองเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้

หัวท้ายของเรือลำนี้ผุพังจนดาดฟ้าของเรือนั้นกว้างขวางมาก ล้มลงมาจนขอบข้างของเรือนั้นต่ำมากซึ่งสามารถมองเห็นคานเรือโค้งมนได้ นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังสามารถมองเห็นเสากระโดงเรือที่ตรงดิ่งห้าหกเสา

หลังจากที่เห็นสภาพคร่าวๆของเรือไม้ลำนี้ได้อย่างชัดเจนแล้ว ฉินสือโอวจึงวิเคราะห์ออกมาว่า นี่คือเรือสำเภาลำหนึ่ง ในหมู่บ้านก็เคยมีหนึ่งลำ ตอนเด็กๆเขากับฉินเผิงมักจะนั่งเรือลำนี้ไปตกปลาที่กลางแม่น้ำ แต่ว่าเรือในหมู่บ้านลำนั้นไม่ได้ใหญ่อะไรมาก ยาวมากสุดก็ประมาณสามเมตรกว่า

สมัยก่อนพบเห็นเรือสำเภาได้บ่อยที่แม่น้ำทางภาคเหนือ เป็นหนึ่งในสี่เรือโบราณของจีน มีขึ้นในสมัยราชวงศ์ถังและราชวงศ์ซ่ง เรือประเภทนี้เหมาะกับเส้นทางเดินเรือที่มีน้ำตื้นและมีทรายมาก ในสมัยราชวงศ์หมิงเคยมี Grand Canal (คลองที่ขุดขึ้นจากปักกิ่งถึงเมืองหางโจว) ซึ่งคลองนี้ใช้ขนส่งอาหารและคน ดังนั้นปัจจุบันจึงสามารถพบเห็นเรืออับปางเช่นนี้ได้ซึ่งไม่ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกแปลกประหลาดใจนัก

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของฉินสือโอวก็คือซากหีบไม้ที่อยู่บนเรืออับปางหีบหนึ่ง หีบไม้นี้ได้ชำรุดทรุดโทรมลงแล้วทำให้ปรากฏให้เห็นเหมือนกับก้อนอิฐสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลเทาเป็นก้อนๆ

ฉินสือโอวไม่รู้ว่าเจ้าก้อนสี่เหลี่ยมนี้คืออะไรแต่ว่ามันมีจำนวนมากเลยทีเดียว หีบไม้ที่สูงเท่าครึ่งตัวคน ข้างในเต็มไปด้วยก้อนสี่เหลี่ยมเหล่านี้

นอกจากนี้บริเวณตรงกลางของหีบไม้ยังมีโครงกระดูกอยู่อีกหนึ่งร่าง บนโครงกระดูกเปื้อนไปด้วยดินเลน สองแขนกอดอกไว้ด้านหน้า ในอ้อมอกกอดหีบไม้สีเทาหีบหนึ่งไว้ด้วยความโกรธ

ของที่ดึงดูดจิตสำนึกโพไซดอนจึงมาจากหีบไม้นี้!

..........................................................................