ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 43 เงินโบราณ

“นี่มันเงินโบราณ! ไม่ใช่สิ เขาเรียกว่าอะไรนะ? เงินไซซีสมัยราชวงศ์หมิง!”

แม่ฉินเห็นก้อนเงินในมือของพ่อฉินก็รีบอธิบายว่า

“ก่อนหน้านี้มีคนแถวนี้เคยเก็บได้ หลังจากนั้นก็มีผู้เชี่ยวชาญมาจากในเมือง ฉันก็เลยรู้ว่ามันคืออะไร”

ฉินสือโอวนึกออกแล้ว น่าจะเป็นตอนที่เขาอยู่ม.ปลาย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขากลับบ้านแล้วได้ยินพ่อแม่คุยกันว่าในหมู่บ้านมีคนโชคดีเก็บเงินสมัยราชวงศ์หมิงได้หลายก้อน หลังจากนั้นก็มีสำนักวัฒนธรรมมาเก็บไป

ในเวลานั้นเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดการตามล่าหาสมบัติในหมู่บ้านรอบๆ เนื่องจากผู้เชี่ยวชาญจากสำนักวัฒนธรรมบอกว่า เงินนี้เป็นเงินสมัยราชวงศ์หมิง ตามบันทึกทางประวัติศาสตร์สมัยจักรพรรดิหมิงอิงจง รัชศกเทียนฉุนที่สองเคยมีเรือขนเงินแล่นจากเมืองหลวงไปทางใต้ลำหนึ่งหายสาบสูญไปในแม่น้ำไป๋หลงซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักในการขนส่งและเรือลำนั้นอาจจะจมอยู่ใต้แม่น้ำก็เป็นได้

ตอนนั้นพ่อแม่ของเขาก็วิ่งไปหาสมบัติกับเขาอยู่สามสี่วัน แต่สุดท้ายกลับได้หอยแมลงภู่มาถังใหญ่ เศษเงินแม้แต่สลึงเดียวก็หาไม่เจอ เมื่อเวลาผ่านไปผู้คนก็ต่างก็ล้มเลิกและเลิกให้ความสนใจกัน

ย้อนกลับไปคิดดูดีๆ แล้วฉินสือโอวก็นึกถึงความแห้งแล้งในปีนั้น หลายพื้นที่ตลอดแนวแม่น้ำไป๋หลงไม่มีน้ำจนสามารถมองเห็นก้นแม่น้ำได้

คาดว่าเงินโบราณส่วนที่ไม่ถูกโคลนทับคงจะถูกน้ำพัดเข้าฝั่ง พอน้ำแห้งก็เลยมีคนเก็บได้

ต่อมาคนเหล่านี้ก็ยังไปหาที่ริมฝั่งแม่น้ำ แต่พวกเขาจะหาเจอได้ยังไง เงินจำนวนไม่น้อยเลยก็จริง แต่ที่เหลือทั้งหมดล้วนจมอยู่ใต้ตะกอนลึกลงไปสองเมตรกลางแม่น้ำ!

“ผมเก็บได้จากริมแม่น้ำน่ะ”

ฉินสือโอวพูดไปอย่างนั้น ตอนนี้เขารวยแล้วจึงไม่รู้สึกว่าก้อนเงินนี้มีค่าอะไร เงินแบบนี้ทำได้เพียงเอาไปหลอมออกมาเป็นแท่งเงินเพื่อขายเท่านั้น ไม่สามารถเอาไปขายเป็นวัตถุโบราณได้ เพราะถ้าหากทางการเจอเข้าจะถูกจับ ตอนนั้นที่คนในหมู่บ้านเก็บได้ก็เป็นแบบนี้ สำนักวัฒนธรรมให้รางวัลเป็นเงินเพียงแค่ไม่กี่ร้อยหยวน

ราคาของเงินนั่นค่อนข้างต่ำ ตอนนี้อยู่ที่กรัมละ 3.50 หยวน หนึ่งลูกบาศก์เซนติเมตรหนักแค่ 10 กรัม ถ้าคิดตามขนาดหีบไม้ที่ยาวครึ่งเมตรกว้างครึ่งเมตรและสูงครึ่งเมตรใบนี้ หนึ่งหีบจะบรรจุได้มากสุด 125,000 ลูกบาศก์เซนติเมตรซึ่งจะเป็นเงินห้าล้านหยวน

อีกอย่างเงินสมัยราชวงศ์หมิงไม่ใช่เงินบริสุทธิ์แต่มีการผสมดีบุกและทองแดงลงไปด้วย ถ้าไม่คำนึงถึงคุณค่าทางโบราณคดี ก้อนเงินเหล่านี้มีค่ามากสุดๆ แค่สี่ล้านหยวนเท่านั้นแหละ

เงินเหล่านี้ตอนนี้ฉินสือโอวไม่สนใจหรอก ขุดขึ้นมาหลอมเองก็ผิดกฎหมาย ทำได้แค่ยกให้เป็นสมบัติของประเทศเท่านั้น แล้วเขาจะทำให้ตัวเองเหนื่อยไปทำไม?

พ่อไม่หลงเชื่อเขาง่ายๆ จึงถามเขาว่า “แกไปทำอะไรที่ริมแม่น้ำ?”

ฉินสือโอวคิดไม่ถึงว่าพ่อจะจับผิดได้เก่งขนาดนี้ เขาจึงจำต้องกุเรื่องขึ้นมาว่า

“ผมได้รับโทรศัพท์จากอดีตเพื่อนร่วมชั้นผู้หญิง ก็เลยไปพบเธอที่ริมแม่น้ำ แหะๆ แล้วก็เลยบังเอิญเก็บมันได้น่ะ"

เป็นไปตามคาด พอได้ยินดังนั้นพ่อกับแม่ก็เลิกสนใจเงินโบราณทันที ทั้งสองมองฉินสือโอวด้วยตาเป็นประกายแล้วเริ่มรัวคำถามใส่เขาทันที

“สาวคนไหนในหมู่บ้าน? เธอชื่ออะไร?”

“มิน่าเมื่อกี้แกถึงรีบวิ่งออกไปขนาดนั้น ที่แท้ก็ไปหาสาวงั้นเหรอ?”

“เมื่อไหร่จะพามาที่บ้านบ้างล่ะ เป็นคนที่พ่อกับแม่รู้จักรึเปล่า?”

“เธออุตส่าห์มาหา ทำไมแกถึงได้รีบกลับมานักล่ะ? กินข้าวเสร็จกลับออกไปอีกรอบสิ”

“ไม่ก็เอาของอะไรไปให้เธอที่บ้านสักหน่อย ดูสิข้าวของเต็มบ้านเราเลย ของจากต่างประเทศทั้งนั้น”

ฉินสือโอวกลอกตาและแสร้งทำเป็นหลับอยู่บนเตียง แต่เมื่อถูกรบเร้ามากเข้าจึงตอบแบบปัดรำคาญไปว่า

“แม่…ตอนนี้ผมไม่สนใจผู้หญิง…”

ได้ยินดังนั้นพ่อของเขาก็หน้าเปลี่ยนสีแล้วพูดอย่างกังวลว่า

“กะ... แกไม่สนใจผู้หญิง แกชอบผู้ชายเหรอ?”

เออร์บักที่กำลังดื่มน้ำได้ยินดังนั้นก็ขำจนพ่นน้ำออกมา

ไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานของฉินเผิงแล้ว ต้วนเหล่ยดำเนินการเรื่องรถออดี้ A6 ไม่นานก็นำรถมาส่ง ฉินสือโอวจึงถือโอกาสขับไปช่วยฉินเผิงจองโรงแรมบ้าง ซื้อของขวัญบ้าง ยุ่งไปทั้งวัน

เขาเจียดเวลาเข้าไปที่เมืองหลวงของเทศมณฑล ซื้อตึกที่ก่อนหน้านี้ฉินเผิงมาดูไว้ 260 กว่าตารางเมตร ถ้าซื้อทั้งหมดจะตกแค่ตารางเมตรละ 1,800 หยวนเป็นเงินไม่เท่าไร ฉินสือโอวจึงจัดการให้เสร็จสรรพ

8 พฤษภาคม วันแต่งงานของฉินเผิง

ตีห้าครึ่ง พระอาทิตย์กำลังจะขึ้นจากขอบฟ้า ขบวนรถยนต์ออดี้กลุ่มหนึ่งมุ่งหน้าสู่หมู่บ้านของฉินสือโอวด้วยความเร็ว

ตอนนี้เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น รถยนต์ในชนบทก็มีมากขึ้นด้วย อีกอย่างชาวบ้านก็ได้เห็นรถหรูมากมายจากในทีวี ทำให้พวกเขาไม่ตื่นเต้นที่ได้เห็นรถออดี้เหมือนเมื่อก่อน

อย่างไรก็ตามรถยนต์ยอดนิยมอย่างออดี้ A8L ก็ยังคงพบเห็นได้ยากในชนบทและการที่มีออดี้ A6 สีแดงเพลิงถึงแปดคันจอดเรียงรายอยู่บนถนนในหมู่บ้านนั้น ยิ่งทำให้คนตกตะลึงเข้าไปใหญ่!

เมื่อพ่อแม่ของฉินเผิงเห็นรถขบวนนี้ก็ถึงกับปากค้างอยู่นานก่อนจะหุบลง พวกเขารีบไปชงชา หยิบเมล็ดแตงโมและลูกอมมาต้อนรับเหล่าคนขับ

ฉินสือโอวออกมาต้อนรับ ต้วนเหล่ยชี้ไปที่รถยนต์เหล่านั้นแล้วถามอย่างภาคภูมิใจว่า “เป็นไง?”

“เยี่ยมไปเลย ขอบคุณมากพี่เหล่ย!” ฉินสือโอวจับมือกับต้วนเหล่ยอย่างอบอุ่น

“นำทีมมาด้วยตัวเองเลยเหรอเนี่ย สุดยอดไปเลย”

ต้วนเหล่ยยิ้มแล้วตอบว่า

“รับปากไว้แล้วว่าจะเอาขบวนรถมา ฉันก็ต้องมาด้วยตัวเองอยู่แล้ว ถ้านายไม่ชอบใจ ฉันจะได้รีบเปลี่ยนให้ไง”

เมื่อได้ยินต้วนเหล่ยพูดดังนั้น ผู้คนในหมู่บ้านโดยรอบก็หันมามองฉินสือโอวด้วยสายตาตกตะลึงแล้วเริ่มจับกลุ่มซุบซิบกัน

“ลูกชายของตาฉินทำไมถึงเก่งขนาดนี้เนี่ย? ไปรู้จักเพื่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“จึ๊ๆๆ ขบวนรถออดี้ต้องใช้เงินขั้นต่ำเท่าไรรู้รึเปล่า? ออดี้ A8 สองล้าน!”

“เฮ้อ มันจะสักเท่าไรกัน เธอดูสิลูกชายตาฉินกลับบ้านรอบนี้ ได้ยินว่าพาทนายความชาวแคนาดามาด้วยนะ”

“เขาทำงานอยู่ที่ไหเต่าไม่ใช่เหรอ? นี่เขาไปต่างประเทศมาอีกแล้วเหรอ?”

เออร์บักสวมสูทเรียบกริบ เขาเกิดมาเป็นทนายความและมีคารมคมคายติดตัวมาโดยธรรมชาติ หลังจากที่ฉินสือโอวกับฉินเผิงปรึกษากันพวกเขาก็เชิญเออร์บักมาเป็นผู้ดำเนินงานแต่งงาน สำหรับเออร์บักแล้วเรื่องนี้มันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความสามารถที่เขามี

เขาถือสคริปต์งานแต่งในมือและเดินมาปรึกษาฉินสือโอวสามสี่ประโยค

เมื่ิอเห็นท่าทางที่ไม่ธรรมดาของเออร์บัก ต้วนเหล่ยก็แอบหวั่น เขาเจอกับชาวต่างชาติมามาก คนที่สง่างามและดูมีภูมิฐานแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยเจอมาก่อน แต่คนเหล่านั้นไม่ใช่คนดี

เห็นแบบนี้แล้ว ต้วนเหล่ยมั่นใจในความสามารถในการมองคนของตัวเองมาก เขาเชื่อว่าความสามารถของฉินสือโอวจะสามารถช่วยเหลือเขาได้มาก

เจ็ดโมงครึ่ง เจ้าบ่าวกำลังจะออกเดินทางแล้ว ฉินเผิงสวมชุดสูทและรองเท้าหนังขึ้นไปนั่งบนรถคันหน้าสุด ส่วนฉินสือโอวเป็นคนขับรถ A6 รุ่นใหม่ที่เพิ่งนำเข้ามาอยู่ท้ายขบวน เมื่อญาติและเพื่อนสนิทคนอื่นๆ ของฉินเผิงก็ขึ้นรถเรียบร้อยแล้วขบวนรถออดี้จึงขับไปตามถนนอย่างสวยงาม

เนื่องจากขับค่อนข้างช้า พวกเขาจึงต้องใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมง ซึ่งแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ขบวนรถออดี้โดดเด่นขึ้น A8 นำขบวนตามมาด้วย A6 ช่างสวยงามเหลือเกิน

A6 ที่ฉินสือโอวนำเข้ามานั้นเป็นดาวเด่น ต่อให้รูปลักษณ์ภายนอกจะต่างกันไม่มาก แต่คนที่เห็น A6 รุ่นนำเข้านี้จะสามารถรู้สึกได้เลยว่ามันมีบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน

เมื่อเข้าไปยังหมู่บ้านที่เหยียนลี่ลี่อาศัยอยู่ รถของฉินสือโอวจึงนำทางไป ส่วนขบวนรถที่เหลือจอดอยู่หน้าประตูทางเข้า พอฉินสือโอวที่สวมชุดสูทสีขาวราวกับหิมะเปิดประตูลงจากรถ ชาวบ้านที่อยู่รอบๆก็กระซิบกระซาบกัน

“โอ้โห หล่อมาก!”

“ลี่ลี่ได้แต่งงานกับคนที่ดีจริงๆ เธอดูลูกเขยบ้านนี้สิ!”

ความจริงแล้วฉินสือโอวแค่เป็นคนที่รูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาไม่ได้หล่อเหล่าอะไรขนาดนั้น แต่โหงวเฮ้งก็ถือว่าดี วันนี้จัดแต่งทรงผมมาเป็นพิเศษทั้งยังเสริมด้วยสูทสีหิมะนั้นทำให้เขาไร้ที่ติสมกับเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แต่ว่าก็มีคนเอะใจ

“ทำไมเจ้าบ่าวถึงขับรถเองล่ะ?”

“นั่นน่ะสิ ฉันเคยเห็นแฟนของลี่ลี่นะ ไม่ใช่คนนี้หรอก”

ด้านหลัง ฉินสือโอวเกือบจะถูกฉินเผิงโกรธเข้าให้ เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า

“คิดผิดจริงๆ ที่ให้มันมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว แย่งซีนไปหมดเลย แบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีเจ้าบ่าวแล้วก็ได้มั้ง”

ตามธรรมเนียม เพื่อนสนิทของเหยียนลี่ลี่จะกั้นประตูไว้ โหลวมู่ชิงแต่งตัวสไตล์เทพธิดาออฟฟิศตามคาด ผมตรงนุ่มสลวยสีดำขลับยาวประบ่า เธอสวมใส่เดรสสีแดงเพลิงสไตล์ตะวันตก หน้าอกอวบอิ่ม เอวบาง กระโปรงยาวระดับเข่า บั้นท้ายงามงอน มองจากด้านข้างเป็นรูปตัว S ที่สวยงาม

โหลวมู่ชิงใส่ส้นสูงสีแดงยืนกั้นประตู “เฮ้! ทำอะไรของนาย?”

ฉินสือโอวแบมือแล้วพูดว่า “จะทำอะไรล่ะ ก็มาพาเจ้าสาวไปน่ะสิ”

“ค่าผ่านประตูเงินประตูทองล่ะ?” โหลวมู่ชิงยื่นมือเล็กๆ ออกมาก่อนจะพูดต่ออีกว่า

“ไม่มีค่าผ่านทางก็เข้าไปไม่ได้”

ฉินสือโอวเตรียมไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว เขาเปิดกระเป๋าใบเล็กที่เขาถืออยู่ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยซองแดงหนาเตอะแล้วหยิบมันออกมาส่งให้ทีละคน พอหญิงสาวเปิดออกก็พบกับคุณปู่เหมาเจอตุงบนแบงก์สีแดงจำนวนมาก…

“ว้าว!”

เสียงอุทานดังขึ้น ฉินสือโอวนำทีมพุ่งเข้าไป แต่โหลวมู่ชิงยังต้องการจะขวางเขาไว้อีกครั้ง ฉินสือโอวจึงกระซิบเธอว่า

“พวกพี่ไม่ได้ตั้งใจจะเอาเปรียบพวกเธอหรอกนะ อย่าด่าพวกเราเลย”

ได้ยินดังนั้น โหลวมู่ชิงก็เหยียบเท้าของฉินสือโอวอย่างไม่พอใจและปล่อยให้พวกเขาเข้า

ฉินเผิงตกตะลึงแล้วถามว่า “เรียบร้อยแล้วเหรอ? ชิงตัวเจ้าสาวมาได้ง่ายๆ แบบนี้เลย?”

ฉินสือโอวตอบ “ฉันจ่าย มันจะไม่ง่ายได้ไง?”

เหยียนลี่ลี่สวมชุดแต่งงานรออยู่ในห้องแต่งตัวเจ้าสาว เมื่อเห็นฉินเผิงดวงตาของเธอก็แสดงความสุขออกมาอย่างเปี่ยมล้น ฉินสือโอวกอดอกยืนมองอยู่หน้าประตู รู้สึกยินดีกับฉินเผิงเพื่อนสนิทคนนี้จากก้นบึ้งของหัวใจ

นี่อาจไม่ใช่เจ้าสาวที่สวยที่สุด แต่เป็นเจ้าสาวที่ดีที่สุด

เมื่อรับเจ้าสาวเสร็จ พอก็ถึงเวลามงคลก็ต้องเดินทางกลับ ฉินสือโอวขับรถพาโหลวมู่ชิงและเพื่อนเจ้าสาวของเหยียนลี่ลี่อีกสี่คนไปส่งบ้าน รถของเขาตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของสาวๆ

งานแต่งงานถูกจัดขึ้นที่โรงแรมที่ดีที่สุดในอำเภอ โดยมีเออร์บักเป็นพิธีกรดำเนินรายการ ดังนั้นถึงแม้ว่าเกรดโรงแรมจะธรรมดา แต่การที่มีพิธีกรต่างชาติที่พูดจีนกลางได้ชัดกว่าทุกคนในงานนี้ทำให้งานดูมีระดับมากขึ้นไปอีก

ลูกพี่ลูกน้องของฉินเผิงกำลังรับซองแดง ฉินสือโอวจึงยื่นซองแดงของเขาไปให้ ซองไม่หนามากดูๆ แล้วน่าจะหลักพันหยวน

เมื่อเป็นแบบนี้คนที่แอบมองอยู่รอบๆ ก็โล่งใจ พวกเขาล่ะกลัวจริงๆ เลยว่าฉินสือโอวจะให้บัตรสักใบหรือไม่ก็ซองแดงที่มีเงินเป็นหมื่นๆหยวน ถ้าเป็นแบบนั้นก็คงหมดคำจะพูดกันเลยทีเดียว

ตอนนี้เห็นฉินสือโอวมอบซองแดงไปแล้ว ดูแล้วว่าไม่ใช่บัตรใบหนึ่งแน่ๆ แล้วก็ไม่ใช่เงินมากมายอะไรด้วย คนอื่นก็เลยรู้สึกกดดันน้อยลงเป็นอย่างมาก

………………………………….