บทที่ 51 การก่อตัวของพื้นที่ประมง
เรือยอชต์แล่นไปตามแม่น้ำเซนต์ลอว์เรนซ์ขึ้นไปทางเหนือ แม่น้ำสายนี้เป็นสายที่ใหญ่ที่สุดของทางตะวันออกกลางของทวีปอเมริกาเหนือ เชื่อมต่อต้นน้ำของแม่น้ำเซนต์หลุยส์เมืองมินนิโซตากับช่องแคบคาบ็อตทางตะวันออกของแคนาดาซึ่งเชื่อมกับมหาสมุทรแอตแลนติก
จากโทรอนโตผ่านออตตาวาไปจนถึงควิเบก จากนั้นแล่นไปทางเหนือก็เป็นเฟรดริกตัน สุดท้ายผ่านช่องแคบคาบ็อตไปก็จะถึงมหาสมุทรแอตแลนติก
เรือยอชต์เข้าเขตทะเล ลมในเขตทะเลนั้นเปลี่ยนไปในพริบตา ลมทะเลสดชื่นพัดผิวน้ำเกิดเป็นคลื่นระลอก คลื่นแต่ละลูกม้วนซัดตามปกติ นกทะเลบินโฉบผ่านด้านข้างในบางครั้ง ฉินสือโอวรู้สึกสงบในใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
พอผ่านช่องแคบคาบ็อตไป หัวเรือก็หันไปในทิศตะวันออกแล้วแล่นไปอีกห้าร้อยกว่าไมล์ทะเล ในที่สุดก็ถึงเซนต์จอห์น
ถึงเซนต์จอห์นก็คือถึงบ้านแล้ว เกาะแฟร์เวลเริ่มปรากฏสู่สายตาของฉินสือโอว
นั่นคือวันที่สี่ที่เรือยอชต์แล่นในทะเล ช่างบังเอิญที่ตอนนี้เป็นตอนเช้าตรู่เหมือนกับวันแรกที่เขามาถึง ฉินสือโอวยืนอยู่บนดาดฟ้ามองดูทุกอย่างที่คุ้นตาราวกับคนหลงทางที่ได้กลับบ้าน ในตอนที่เขาเห็นเกาะแฟร์เวลน้ำตาก็ไหลลงมา
“นี่คือพื้นที่ประมงของผม เขตของผม”ฉินสือโอวพูดพลางยิ้มบางๆ
วินนี่สวมเสื้อสเวตเตอร์สีแดงเพลิงยืนอยู่ข้างๆเขา ลมทะเลในยามเช้าโชยมาพัดผมสลวยสีแพลตตินัมพริ้วไหวไปตามสายลม แสงแดดสีทองสาดส่องลงบนตัวเธอทำให้เธอดูสวยราวไซเรนในตำนาน
ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกโพไซดอนออกไป บอลหิมะสัมผัสมันได้จากระยะไกลจึงรีบโผล่หัวออกมาบนผิวน้ำไวปานตอร์ปิโดพลางร้อง ‘อูๆ’ อย่างดีใจ
“เบลูกาน้อย!” วินนี่อุทานออกมาอย่างประหลาดใจ
ฉินสือโอวพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นด้วยรอยยิ้ม “เชื่อไหม นี่คือเพื่อนของผม เพื่อนผู้น่ารักของผม”
เบลูก้าน้อยแหวกว่ายอยู่รอบๆเรือยอชต์พลางพ่นน้ำเป็นพักๆ วินนี่รู้สึกว่ามันน่ารักไร้เดียงสา แต่ฉินสือโอวกลับรู้สึกว่าเจ้านี่กำลังพ่นน้ำลายให้เขา เอาคืนเขาที่หายไปนาน
ฉินสือโอวบอกให้คนขับลดความเร็วลง จากนั้นก็ไปยืนที่บันไดซึ่งจมไปในน้ำบางส่วน
เห็นแบบนั้นเจ้าเบลูกาก็รีบพุ่งเข้ามาหา อ้าปากพ่นเอาน้ำทะเลไปที่มือของฉินสือโอว
ฉินสือโอวหัวเราะพลางยื่นมือออกไปลูบเจ้าเบลูกาที่มาหยุดอยู่ข้างๆ หยีตาและร้อง ‘อูๆ’ ด้วยความพอใจ ดูเชื่องเสียจนคนบนเรือพากันอุทาน ‘พระเจ้า’
ฉินสือโอวปีนกลับขึ้นเรือแล้วหยิบเอาปลาทูสเปนยาวครึ่งเมตรที่ตกได้ในทะเลก่อนหน้านี้ขึ้นมาก่อนจะตะโกนเรียก “บอลหิมะ มานี่!”
พอได้ยินเสียงตะโกนเรียก เบลูกาน้อยก็กระโดดขึ้นมาจากทะเลอย่างกับหมาล่าเนื้อ ฉินสือโอวเงื้อมือโยนปลาทูสเปนออกไป เจ้าเบลูกาอ้าปากงับปลาอย่างแม่นยำ จากนั้นก็ส่ายหัวส่ายหางไปมาแล้วมุดกลับลงน้ำไป
กะลาสีคนหนึ่งมองดูทุกอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความตะลึงจนได้แต่พึมพำไม่หยุด “พระเจ้า พระเจ้า พระเจ้า! คิดไม่ถึงจริงๆ นี่มันปาฏิหาริย์ชัดๆ ฉันไม่อยากเชื่อสายตาตัวเองเลย!”
กะลาสีอีกคนพูด “ฉันเคยฟังพ่อเล่าว่าตอนที่เขายังหนุ่มเคยเจอเอสกิโมคนหนึ่งตอนอยู่อาร์คติก คนคนนั้นเป็นเพื่อนกับวาฬเบลูกา เบลูกาตัวนั้นเชื่อฟังเขาทุกอย่าง ฉันไม่เคยเชื่อ ที่แท้ก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้”
เรือยอชต์ยังคงแล่นไปข้างหน้า และเจอเข้ากับเรืออลิซของชาร์ค
ที่ฉินสือโอวจ้างชาร์คนี่ช่างเป็นการตัดสินใจที่ถูกมาก พ่อหนุ่มห่ามคนนี้มักจะทุ่มเททำงานเสมอ เช้าขนาดนี้ก็ออกมาให้อาหารปลาแล้ว ในช่วงที่ฉินสือโอวไม่อยู่ เขาแทบจะเฝ้าอยู่ที่นี่24ชั่วโมง
“เพื่อน ฉันกลับมาแล้ว!” ฉินสือโอวยืนโบกมือให้ชาร์คอยู่บนดาดฟ้าเรือ
ชาร์คทำหน้าประหลาดใจก่อนจะพูดเจือเสียงหัวเราะ “บอส ยินดีต้อนรับกลับบ้าน! นี่คือเรือที่บอสซื้อใหม่เหรอ? ต้องบอกเลยว่าเจ้าเรือที่สวยงามนี่ทำคนอิจฉาได้ มันต้องกลายเป็นดาราของเมืองแฟร์เวลแน่”
นีลเซ็นเกาะราวกั้นพลางพินิจดูเรือนกนางนวลอย่างสนอกสนใจก่อนจะร้องตะโกน “บอส ผมมีใบขับขี่สำหรับเรือขนาดกลาง ต่อไปให้ผมขับเรือนี้ได้ไหม?”
ฉินสือโอวเองก็ตอยกลับเสียงดัง “คิดเสียว่าเป็นเรือของตัวเองแล้วกัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนายก็คือคนขับ”
นีลเซ็นร้องตะโกน ‘โอ้ว เย้’ อย่างยินดีแล้วกำหมัดชกอยู่ยนเรืออลิซเพื่อระบายความปีติออกมา
เรือยอชต์ราคาเป็นล้านก็น่าดึงดูดจริงๆ
เรือจอดเทียบท่า ฉินสือโอวประคองวินนี่ลงเรือแล้วแนะนำเธอ ชาร์ค เรดดิคให้รู้จักกัน
ทั้งสี่ต่างก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้า ฉินสือโอวเชิญชาร์คและนีลเซ็นขึ้นเรือ บนเรือนกนางนวลมีห้องครัว ในนั้นมีเตาไฟฟ้า หม้อกระทะ หม้อความดัน ไมโครเวฟครบครัน สามารถทำอาหารได้
ฉินสือโอวจะผัดไข่สิบกว่าฟองนั้นก่อน เขาเทน้ำมันมะกอกลงไปในกระทะเคลือบ จากนั้นก็เทไข่ลงไป
นีลเซ็นกอดอกยืนอยู่ข้างๆพลางพูดเตือนขึ้น “บอส นั่นกระทะเคลือบ ไม่ต้องใช้น้ำมัน”
ฉินสือโอวผัดไข่พลางตอบยิ้มๆ “ฉันรู้ แต่ว่าไม่ใส่น้ำมันไม่อร่อย”
ไข่ เบคอน ไส้กรอก ไก่ทอด นมร้อน โอ๊ตมีล สลัดผลไม้ชามโต นอกนั้นยังมีขนมปังที่เป็นอาหารหลัก ฉินสือโอวลงมือทำอย่างรวดเร็ว อาหารเช้ามากมายล้วนออกจากเตามาร้อนๆ
พอมีวินนี่ที่สวยราวนางฟ้ามานั่งข้างๆ ท่าทีกินข้าวของชาร์คกับนีลเซ็นก็เรียบร้อยขึ้นเป็นกองจนฉินสือโอวดูจนอึดอัดจึงพูดขึ้น “ชาร์ค ไม่ต้องไปสนใจภาพลักษณ์บ้าบอนั่นหรอก เอาเลย มูมมามเต็มที่!”
ชาร์คหัวเราะ จากนั้นก็เอาขนมปังห้าหกแผ่น ไข่ผัด เบคอนมาซ้อนกัน แล้วกัดคำโตจนหายไปครึ่งอันภายในคำเดียว “กินแบบนี้สิถึงจะอร่อย!”
พอกินเสร็จวินนี่ก็เก็บกวาดจานชาม ใส่ผ้ากันเปื้อนแล้วเริ่มล้างจาน
ฉินสือโอวหันไปพูดกับชาร์ค “เพื่อน ยังจำได้ไหมว่าตอนที่ออกทะเลครั้งนั้นฉันพูดว่าไง? ต้องมีเตาไฟฟ้า มีไมโครเวฟ และแน่นอนว่าต้องมีทีวี! บนเรือยอชต์นี้ต้องมีทุกอย่างที่ควรมี!”
เรือเทียบท่าอย่างราบรื่น ดังนั้นจึงไม่จำเป็นสำหรับทั้งสองคนขับและลูกเรือของกลุ่มฟาราเดย์ที่จะอยู่ต่อ ฉินสือโอวให้ทิปคนละหนึ่งพันแล้วส่งพวกเขาไปที่สนามบินที่เซนต์จอห์น พวกเขาหมดหน้าที่ที่นี่แล้ว
พอกลับมาถึงพื้นที่ประมง ฉินสือโอวก็เตรียมห้องนอนแขกไว้ให้วินนี่พักผ่อน ส่วนเขานั่งเรือตระเวนรอบพื้นที่ประมง
ชาร์คพูดแนะ “ตอนนี้มีเรือส่งปลาหมึกหอมกับหมึกกระดองวันละสองลำ จวนได้เวลาแล้ว เราควรปล่อยกุ้งอาร์กติกกันแล้ว”
ในวงการประมงมีคำพูดประโยคหนึ่งซึ่งก็คือปลาใหญ่กินปลาเล็ก ปลาเล็กกินกุ้งฝอย กุ้งฝอยแทบจะอยู่ล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร คอยให้พลังงานที่ต้องการต่อการอยู่รอดกับพวกปลา
กุ้งชนิดที่เยอะที่สุดในโลกก็คือเคย แต่เคยแอนตาร์กติกาเป็นตัวแทนเคยสายพันธุ์อื่นๆได้ดี
ตามที่พวกองค์กรนานาชาติอย่างคณะกรรมการวิทยาศาสตร์วิจัยแอนตาร์กติกากับคณะกรรมการวิทยาศาสตร์วิจัยทางทะเลสำรวจทะเลระหว่างปี 1977-1986 พบว่าจำนวนเคยที่ซ่อนในมหาสมุทรใต้มีประมาณ 4-6 ร้อยล้านตัน เรียกได้ว่าเป็นยุ้งฉางของท้องทะเล
แต่ว่าพื้นที่ประมงในนิวฟันด์แลนด์ไม่มีเคย ที่นี่มีกุ้งที่ขึ้นชื่ออีกชนิดซึ่งก็คือกุ้งอาร์กติก
ปกติแล้วกุ้งอาร์กติกจะอาศัยอยู่ต่ำกว่าร้อยเมตรใต้ทะเลลึก มักจะอยู่ในน่านน้ำช่องแคบกรีนแลนด์รัศมีสองร้อยเมตร เกิดเป็นพื้นฐานของห่วงโซ่อาหารมหาสมุทรอาร์กติก
แต่ว่ากุ้งชนิดนี้ก็สามารถอยู่ได้ในน้ำตื้นเช่นกัน ตั้งแต่ปี1980 พื้นที่ประมงหลายจุดเริ่มจับกุ้งชนิดนี้จำนวนมากมาปล่อยในพื้นที่ประมงของตัวเอง ใช้พวกมันมาเป็นอาหารให้กับพวกสัตว์ทะเลตัวนิ่มอย่างปลาหมึกและปลาที่กินกุ้งเป็นอาหาร
การมาของเหล่าปลาหิมะเหมือนเป็นการเริ่มต้นของการก่อตัวของพื้นที่ประมง ฉินสือโอวเริ่มใช้เงินเป็นเบี้ย
ตอนที่ซื้อกุ้งอาร์กติก ฉินสือโอวก็ได้ซื้อเมล็ดสาหร่ายจำนวนมากมาด้วย และโปรยลงพื้นที่ประมงพร้อมกับกุ้ง
อาจจะมีคนสงสัยว่าทำไมการสร้างพื้นที่ประมงถึงทำย้อนลำดับ? ไม่ใช่ว่าควรจะเลี้ยงสาหร่ายแล้วค่อยปล่อยกุ้งอาร์กติกแล้วค่อยเลี้ยงปลาหิมะเหรอ?
แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แบบนั้น เหตุผลหลักๆก็เป็นเพราะฤดูและสภาพอากาศ พื้นที่ประมงนิวฟันด์แลนด์มีกระแสน้ำอุ่นจากอ่าวเม็กซิโก น้ำทะเลไม่เย็น แต่เพราะอยู่ในจุดละติจูดสูง แสงแดดไม่พอ ฉะนั้นถ้าโปรยเมล็ดสาหร่ายตอนเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคมก็ไม่โตถ้าขาดแสงอาทิตย์ที่เพียงพอ
แบบนี้ถ้ารอจนเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมค่อยปลูกสาหร่ายแล้วค่อยเลี้ยงปลาหิมะก็ไม่ทันแล้ว ฉะนั้นพื้นที่ประมงมักจะเลี้ยงลูกปลาหิมะก่อน แล้วใช้อาหารปลาเลี้ยง จากนั้นก็ค่อยๆสร้างห่วงโซ่อาหาร
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแบบนี้เพิ่มภาระให้ทางพื้นที่ประมง
ก็จริงอยู่ พอแบบนี้มีพื้นที่ประมงหลายที่ที่รับภาระไม่ไหวจนปิดกิจการ แต่ก็โทษธรรมชาติโหดร้ายไม่ได้ เมื่อก่อนตอนที่ระบบนิเวศของนิวฟันด์แลนด์ยังไม่ถูกทำลาย พื้นที่ประมงเหล่านี้ไม่ต้องมีคนมาคอยปลูกสาหร่ายด้วยซ้ำ คนเรานี่แหละที่เป็นคนทำให้เกิดผลนี้ ตอนรับผลก็อย่าบ่น!
การปลูกเมล็ดสาหร่ายต้องพึ่งเครื่องบิน ฉินสือโอวซื้อเมล็ดมา1.2 ล้านดอลลาร์แคนาดาเต็มๆ ทางบริษัทเมล็ดสาหร่ายก็ส่งเครื่องบินเพื่อการเกษตร PZLM-18ที่ผลิตโดยโปแลนด์ชื่อ “อูฐหนอกเดียว” มาโปรยเมล็ด
เครื่องบินประเภทนี้ถูกออกแบบสำเร็จในช่วงศตวรรษที่แล้วยุค70เครื่องบินปีกล่างเป็นโลหะทั้งหมด สร้างด้วยวิธีเสริมเหล็กคานยื่น กางปีก 17 70เมตร พื้นที่ปีก 40 ตารางเมตร ลำเครื่องยาว 9 47เมตร ความสูง 4 60 เมตร น้ำหนักเครื่อง 2750 เมตร จุสินค้าได้ 1050-1350กิโลกรัม
เรื่องเครื่องยนต์ ที่อูฐหนอกเดียวใช้ก็จะเป็น PZL-ASz-62IR เครื่องยนต์ระบายความร้อนเก้ากระบอกสูบ พาวเวอร์1014แรงม้า
ที่ฉินสือโอวรู้เรื่องตัวเลขของอูฐหนอกเดียวเป็นเพราะว่าเขาสนใจเครื่องบินมาก สำหรับพื้นที่ประมงนี่ก็เป็นของจำเป็น จะช้าหรือเร็วก็ต้องซื้อ
หลังจากที่เครื่องบินลำนี้มาถึงก็จอดอยู่ที่ถนนหลักของเมืองแฟร์เวล เครื่องบินพลเรือนสามารถใช้พื้นถนนเรียบขึ้นบินได้
…………………………………………………