ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 6 เพื่อนบ้านตัวน้อย

ฉินสือโอวแกะห่อพลาสติกออกอย่างทุลักทุเล เนื่องจากห่อพลาสติกถูกปิดผนึกเอาไว้อย่างแน่นหนา ภาพวาดพวกนี้จึงถูกเก็บไว้อย่างดี เขาค่อยๆเปิดดูทีละแผ่น ภาพแรกคือภาพป่าต้นหยาง ส่วนต้นหยางในรูปก็วาดได้ไม่เลวเลย ต้นหยางในภาพนั้นโบกพลิ้วไปตามสายลมที่พัดผ่านจนให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาราวกับจะพุ่งออกมาจากกระดาษอย่างไรอย่างนั้น

ฉินสือโอวมองหาลายเซ็นของผู้ที่วาดภาพนี้เป็นอันดับแรก แต่ปรากฏว่ามันกลับไม่มีชื่อเขียนไว้และมีเพียงตัวอักษร ‘เอ.เอ.พี.’

“เอ.เอ.พี.คือจิตรกรคนไหนกัน?” ฉินสือโอวรู้สึกสงสัยขึ้นมา

จากนั้นเขาก็เปิดดูภาพต่อไปทีละใบจนทราบชื่อเต็มของจิตรกร ‘เอเอพี’ คนนี้ แท้จริงแล้วชื่อของเขาก็คืออาเธอร์ พีนาร์เจียน (Arthur-Ashod-Pinajian) นั่นเอง

ฉินสือโอวถอดใจแล้ว งานชิ้นนี้ไม่ใช่ผลงานชิ้นสำคัญอะไร ไม่ใช่เพราะเขาไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน แต่เป็นเพราะหลังจากนั้นเขาก็ได้พบภาพวาดอีกภาพหนึ่งที่เซ็นชื่อของจิตรกรคนนี้ไว้เหมือนกัน ทว่าภาพนั้นกลับเป็นภาพวาดตัวการ์ตูนสาวผมแดงไปซะได้!

สาวน้อยคนนั้นมีใบหน้าสวยหยาดเยิ้ม รูปร่างอรชร ภาพวาดการ์ตูนผลงานของพีนาร์เจียนนั้นยอดเยี่ยม แต่เมื่อฉินสือโอวเห็นแล้วเขาก็รู้สึกอยากจะทำอะไรสักอย่างกับมันให้สาสมกับแรงที่เขาทุ่มเทไป

ฉินสือโอวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจิตรกรเอกอย่าง ปิกาโซ แวนโก๊ะ และโมเน่ ก็เคยวาดภาพการ์ตูนมาก่อนเหมือนกัน

ฉินสือโอวถอนหายใจออกมา เขาดูรูปพวกนั้นทั้งหมดแล้ว และเขาก็พบว่าพวกมันล้วนเป็นภาพวาดผลงานของพีนาร์เจียนทั้งสิ้น ภาพวาดจำนวนกว่ายี่สิบภาพล้วนมีความสวยงาม พวกมันมีทั้งภาพวิวทิวทัศน์ ภาพเหมือนของบุคคลและภาพวาดการ์ตูน ภาพพวกนั้นล้วนมีสไตล์แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็นภาพสเก็ตช์ ภาพเพ้นต์ ภาพสีน้ำมันไปจนถึงภาพวาดนามธรรมซึ่งล้วนมีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด

ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังหดหู่อยู่นั้น เรื่องน่าประหลาดใจก็พลันเกิดขึ้นมา ตอนที่เขากำลังเปิดดูภาพสุดท้าย ดอกทานตะวันที่กำลังเบ่งบานช่อหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าเขา และข้างๆดอกทานตะวันก็มีประโยคหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า ‘แด่ชีวิตอันสับสนของฉัน วินเซนต์ แวน โก๊ะ!’

ดอกทานตะวันพวกนี้เหมือนเปลวไฟลุกโชน สไตล์การวาดที่งดงามแบบนั้น อีกทั้งสีสันที่จัดจ้านอย่างนั้น หลังจากฉินสือโอวเห็นลายเซ็นที่เขียนอยู่บนภาพแล้วหัวใจของเขาก็แทบจะระเบิดออกมาทันที นี่เป็นงานของแวนโก๊ะ!

ฉินสือโอวพอจะจำได้รางๆ ว่าภาพวาดดอกทานตะวันของแวนโก๊ะจะมีประมาณยี่สิบกว่าภาพ บางส่วนก็สูญหายไปจนหาไม่เจอแล้ว ดังนั้นเพื่อความมั่นใจ เขาจึงเปิดมือถือเพื่อค้นหาข่าวที่เกี่ยวข้องจากอินเทอร์เน็ต แต่สัญญาณอินเทอร์เน็ตในเมืองนี้ไม่ค่อยดีเลย เขาเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่สิบนาที กดรีเฟรชไปกว่าร้อยครั้ง แต่กลับไม่มีหน้าเว็บไซต์ปรากฏขึ้นมาเลยสักอัน

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวทำได้เพียงโทรศัพท์หาเหมาเหว่ยหลง โชคดีที่ก่อนมาที่นี่เขาเปิดใช้บริการโทรทั่วโลกเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงโทรกลับประเทศไม่ได้แน่

ตอนนี้ที่แคนาดาเป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว แต่ที่นู่นกลับเป็นเวลารุ่งสางซึ่งเหมาเหว่ยหลงกำลังนอนหลับสบายอยู่

“ไอ้เวร แกนี่มันแย่จริงๆ ไอ้ลูกหมา โทรมาทำบ้าอะไรเวลานี้?”

ฉินสือโอวที่กำลังร้อนใจตอบกลับไป “จริงจังหน่อย ไอ้เวร รีบช่วยฉันหาข้อมูลจากอินเทอร์เน็ตทีว่าภาพวาดดอกทานตะวันของแวนโก๊ะมีกี่ภาพ? เป็นแบบไหนบ้าง? ฉันเหมือนจะเจอรูปหนึ่งที่แคนาดาเนี่ย!”

“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้ง ภาพวาดของจิตรกรเอกระดับโลกอย่างนั้นจะหาเจอง่ายๆได้ยังไง? แกจะโชคดีขนาดนั้นเลยเหรอ?” เหมาเหว่ยหลงถาม

ฉินสือโอวพูดออกมาอย่างรีบร้อน “รีบหาเข้าเถอะ ถ้ามันเป็นของจริง ฉันจะขายมันแล้วซื้อบัมเบิ้ลบีให้แกเลย!”

“ฉันไม่อยากได้บัมเบิ้ลบี ฉันจะเอารถเอสยูวีโว้ย!” เหมาเหว่ยหลงรีบต่อรองอย่างรวดเร็วทั้งยังตื่นเต็มตาแล้วด้วย จากนั้นไม่นานอีกด้านก็มีเสียงเปิดคอมพิวเตอร์ดังขึ้นมา

ฉินสือโอวรีบพูดขึ้นมาทันที “ฉันจะซื้อให้แกยี่สิบคันเลย พอถึงตอนนั้นแกก็ขับออกไปเป็นขบวน เดี๋ยวขับเป็นรูปตัว S อีกเดี๋ยวขับเป็นรูปตัว B ไปเลย เอาแบบนี้ดีไหม?

“ดี!” เหมาเหว่ยหลงยิ้มกริ่มพลางหัวเราะออกมา

หลังจากนั้นเหมาเหว่ยหลงก็ส่งข้อมูลที่ฉินสือโอวต้องการกลับมา ภาพวาดดอกทานตะวันผลงานของแวนโก๊ะแท้จริงแล้วไม่ได้มีเพียงแค่ 11 ภาพ จากจดหมายที่เขาส่งให้น้องชายได้บอกไว้ว่าเขาวาดไว้ทั้งหมด 24 ภาพ เขาใช้ดอกทานตะวัน 12 ดอกในภาพสื่อถึงอัครสาวกทั้ง 12 คนของพระเยซู นอกจากนี้เขายังวาดภาพโดยใช้สมาชิกของแกลเลอรีทางใต้เป็นต้นแบบอีก 12 คน และเมื่อรวมตัวเขากับน้องชายไปด้วย ทั้งหมดก็จะมี 14 คน เขาจึงวาดเพิ่มอีก 14 ภาพ

ฉินสือโอวตื่นเต้นมาก ภาพวาดของเขาอาจจะเป็นของแท้ก็ได้

จากนั้นฉินสือโอวที่กำลังตื่นเต้นก็เปิดหีบใบใหญ่อีกใบออกด้วยความคาดหวังเต็มเปี่ยม เขาภาวนาให้ในหีบใบนี้มีภาพวาดดอกทานตะวันอีก 12 ภาพที่เหลือ แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดหีบออกมาแล้วเขาก็ต้องพบกับความผิดหวัง ภายในหีบมีเพียงงานประติมากรรมที่ทำจากสำริดเพียงอันเดียวเท่านั้น

งานประติมากรรมชิ้นนี้ไม่ใช่ชิ้นงานขนาดเล็ก มันน่าจะสูงราวๆหนึ่งเมตรได้ ผลงานชิ้นนี้คือรูปสลักชายหนุ่มรูปงามที่ถือดาบเอาไว้ในมือขวาและถือศีรษะมนุษย์เอาไว้ด้วยมือซ้าย ขาซ้ายของเขาโค้งงอและเหยียบร่างกายของศัตรูเอาไว้ใต้ฝ่าเท้า ดูไปแล้วช่างกล้าหาญจริงๆ

น่าเสียดายที่หีบถูกแช่อยู่ในน้ำมาเป็นเวลานานเกินไป แม้รูปปั้นสำริดชิ้นนี้จะถูกเก็บเอาไว้อย่างดีจนน้ำไม่สามารถเข้ามาได้ แต่มันก็ยังขึ้นสนิมเป็นรอยด่างอยู่ดี ฉินสือโอวคาดว่าผลงานศิลปะชิ้นนี้ต่อให้ขายเป็นเศษเหล็กก็คงขายได้ราคาไม่มาก ดังนั้นเขาจึงวางไว้ที่ขอบหน้าต่างบริเวณหัวเตียงเพื่อใช้เป็นของตกแต่งห้อง

ตอนนี้ฟ้าก็มืดแล้ว ฉินสือโอวกดโทรศัพท์หาเออร์บักแล้วพูดออกไป “คุณปู่ครับ วันนี้ผมคงไม่กลับไปที่โฮสเทลแล้ว ผมจะนอนที่อาคารเล็กในฟาร์มปลานี่แหละ อีกอย่างวันนี้ตอนที่ผมเก็บห้องของปู่ ผมเจอของที่น่าสนใจบางอย่างด้วย หวังว่าพรุ่งนี้คุณจะลองเข้ามาดูนะครับ”

เออร์บักถามสารทุกข์สุกดิบของเขานิดหน่อย เมื่อไม่มีปัญหาอะไรจึงวางสายไป

ฉินสือโอวลองสำรวจดูก็พบว่าน้ำและไฟฟ้าในฟาร์มแห่งนี้ไม่ได้ถูกตัด เพราะหลังจากที่เขากดเปิดทีวีซัมซุงรุ่นเก่าในห้องนอนเครื่องนั้น หน้าจอก็ยังมีรายการทีวีปรากฏขึ้นมาอยู่เลย เห็นทีสายเคเบิลทีวีก็คงไม่ได้ถูกตัดเหมือนกัน

เขาปัดกวาดเช็ดถูนิดๆหน่อยๆ แล้วเข้าไปในอาคารหลังเล็ก ทำเช่นนี้แล้ววันพรุ่งนี้เขาจะได้อธิบายได้ว่ารูปภาพพวกนี้มาจากที่ไหน

ส่วนเรื่องอาหารเย็นเขาก็จัดการได้อย่างง่ายดาย อุปกรณ์ในห้องครัวมีครบอยู่แล้ว ฉินสือโอวจึงไปซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองมารอบหนึ่ง ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนั้นเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีของครบทุกประเภท ในนั้นมีทั้งผัก เนื้อสัตว์ และอาหารทะเลครบทุกอย่าง

แน่นอนว่าสินค้าที่มีเยอะที่สุดก็คือปลาทุกๆ สายพันธุ์อย่างปลาแซลมอนพันธุ์ Atlantic Chinook และ Silvers หรือจะเป็น ปลาเทราต์หัวแข็งกับปลาเทราต์อาร์กติก นอกจากนี้ยังมีวัตถุดิบชั้นเลิศอย่างหอยนางรม ปูดันจิเนส เนื้อสเต๊กแอลเบอร์ตาร์ และวัตถุดิบอื่นอีกหลายอย่าง

ปลาส่วนใหญ่ล้วนมีราคาถูก เพียง 1 ดอลลาร์แคนาดาก็สามารถซื้อปลาได้หนึ่งถึงสองปอนด์แล้ว แถมยังรับประกันความสดใหม่อีกด้วย

แต่ที่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจก็คือ ในทะเลสาบเฉินเป่ามีทั้งปลาเฉาฮื้อ ปลาคาร์ฟ ปลาเพิร์ชและปลาช่อน แต่ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้กลับไม่มีวางขาย จากนั้นเขาก็เห็นว่าที่จุดขายผักมีผักจำพวกขิง กระเทียมและพริกอยู่ เขาจึงเตรียมไปตกปลาคาร์ฟจากทะเลสาบเฉินเป่ามาทำซุปปลากินให้ท้องอุ่นสักหน่อย ส่วนปลาแซลมอนพวกนั้นเขาทำกินไม่เป็นหรอก

เขาคนเดียวคงกินได้ไม่เยอะมาก ฉินสือโอวเดินดูของเรื่อยๆ มาจนถึงจุดขายผลไม้ จากนั้นเขาจึงเลือกซื้อบลูเบอร์รี มะเขือเทศราชินี แอปเปิล และองุ่นดำไปเพิ่มอย่างละนิดอย่างละหน่อย

พนักงานบอกกับเขาว่าแบล็กเบอร์รีกับองุ่นดำของที่นี่เป็นผลไม้ที่เก็บมาจากป่า ฉินสือโอวไม่รู้ว่าจริงไหม แต่มันก็ดูน่ากินแถมราคายังถูกด้วย เขาเลยแบ่งซื้อมาอีกนิดหน่อยทั้งยังซื้อน้ำสลัดมาอีกหนึ่งขวดเพื่อเอากลับไปทำสลัดกินด้วย

ฉินสือโอวขับรถกระบะที่ขอยืมมาจากเจ้าของโฮสเทลเพื่อไปยังทะเลสาบเฉินเป่า ทันทีที่จิตสำนึกของเขาดำดิ่งลงไปสู่ทะเลสาบก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ปลาคาร์ฟตัวใหญ่ยาวประมาณครึ่งเมตรว่ายตรงมาทางนี้พอดี เจ้านี่แหละที่เขาต้องการ!

ในตอนที่ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกเพื่อจับปลาตัวนั้น จู่ๆ ปลาที่มักจะมีนิสัยดุร้ายตัวนั้นก็กลายเป็นปลาเชื่องๆ และสงบลงทันที จากนั้นมันก็ถูกกระแสน้ำพัดเอาตัวขึ้นมาบริเวณชายฝั่งน้ำตื้น ตอนนั้นเองที่ฉินสือโอวพบว่าแท้จริงแล้วจิตสำนึกของเขามีประโยชน์อย่างมหาศาล

ปลาคาร์ฟลำตัวยาวประมาณครึ่งเมตรมีน้ำหนักถึงเจ็ดกิโลกรัมกว่าๆ ฉินสือโอวแล่เอาแต่ส่วนเนื้อของปลาเพื่อเอาไปทำเนื้อปลาผัดและซุปอีกเล็กน้อย

หลังตักอาหารออกจากกระทะเขาก็ลองชิมดู อาหารจานนี้มีรสชาติเข้มข้นสดใหม่ ปลาคาร์ฟตัวนี้เป็นปลาจากธรรมชาติไม่เหมือนปลาที่ถูกเลี้ยงในบ่อเพาะพันธุ์

เมื่อทานอาหารมื้ออร่อยเสร็จเรียบร้อย ฉินสือโอวก็เตรียมตัวจะเข้านอน แต่เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างเขาก็พบว่าข้างๆ ต้นเมเปิลมีบ่อเก็บน้ำขนาดเล็กอยู่หนึ่งบ่อ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็กระตุกวูบขึ้นมาก่อนที่เขาจะเคลื่อนย้ายจิตสำนึกออกไป

เขาอยากจะลองดูเสียหน่อยว่าขอเพียงแค่มีน้ำ เขาก็จะสามารถย้ายจิตสำนึกเข้าไปได้ใช่ไหม

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาก็จะสามารถควบคุมน้ำทั้งหมดในบ่อได้ และสิ่งที่เขาสัมผัสได้ในตอนนี้ก็คือกระรอกตัวเล็กที่มีพวกหางใหญ่โตตัวหนึ่งซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ในบ่อ

ฉินสือโอวใช้จิตสำนึกโพไซดอนกับกระรอกตัวนี้ จากนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่าตัวเขาน่าจะสามารถทำอะไรบางอย่างกับกระรอกตัวนี้ได้ แต่ต่อมาเขาก็รู้ง่วงนอน เขาจึงได้ดึงเอาจิตสำนึกกลับมาและเข้าสู่ห้วงนิทราไป

เวลาหกโมงครึ่งในยามเช้า ข้างนอกเพิ่งจะเป็นเวลาฟ้าสาง ทว่าฉินสือโอวกลับตื่นขึ้นมาแล้ว

เขายืดตัวบิดขี้เกียจแล้วเปิดหน้าต่างออก ลมทะเลสดชื่นพัดเอื่อยๆ ลอยมาก่อนที่ฉินสือโอวจะสูดหายใจเข้าไปลึกๆ มันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าเบิกบานใจจริงๆ

เขาอาศัยช่วงเวลาดีๆ ที่พระอาทิตย์เพิ่งโผล่พ้นขอบฟ้าเดินเล่นรอบฟาร์มปลาสักพักใหญ่ถึงค่อยกลับเข้ามาในอาคารที่พักเพื่อจัดการทำซุปปลา

หลังจากนั้นฉินสือโอวจึงนำผลไม้มาล้าง เอามะเขือเทศราชินีกับแอปเปิลมาหั่นอย่างง่ายๆ ใส่องุ่นกับแบล็กเบอร์รี่เข้าไปแล้วเติมน้ำเชื่อมกับน้ำสลัดลงไปก่อนจะคลุกเคล้าให้เข้ากันจนได้สลัดออกมาหนึ่งจาน

ซุปปลาเพิ่งจะส่งกลิ่นหอมโชยมา ฉินสือโอวก็ถือจานผลไม้กลับเข้าไปในห้องนอนพร้อมเปิดทีวีแล้วเปลี่ยนเป็นช่องทีวีหลักของรัฐนิวฟันด์แลนด์ รายการหนังยามเช้ากำลังฉายภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่ เขาดูมันแล้วก็พบว่ามันคือหนังเรื่อง Young Style ที่เขาชอบดูเมื่อสมัยยังเรียนมหาลัยนั่นเอง

ฉินสือโอวดูหนังไปกินสลัดไป แต่ขณะที่เขากำลังสนุกสนานอยู่กับการดูหนัง ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘ตุ้บตุ้บตุ้บ’ ดังขึ้นมา

เมื่อเขาหันหน้ากลับไปดูก็ต้องงุนงงเมื่อพบว่ามีกระรอกแปลกๆตัวหนึ่งกำลังยืนอยู่นอกหน้าต่างและกำลังใช้หัวน้อยๆของมันเคาะกับกระจกเบาๆ

กระรอกตัวนี้ยังเล็กอยู่ ความสูงของมันประมาณนิ้วกลางของเขาเท่านั้น ดวงตาสีดำของมันเป็นประกายและมีขนสั้นสีน้ำตาลแดงทั่วทั้งตัว ตอนนี้มันกำลังนั่งยองๆ แล้วใช้ขาหน้าค้ำกระจกเอาไว้เหมือนกำลังมองเข้ามาข้างใน ส่วนหางใหญ่โตสีน้ำตาลแดงของมันก็โบกสะบัดไปมาเหมือนมีลูกบอลขนสัตว์ติดเอาไว้ที่ก้น

ฉินสือโอวเดินเข้าไปดู แต่ครู่เดียวเจ้ากระรอกน้อยก็กระโดดไปเกาะที่กิ่งไม้บนต้นเมเปิลข้างๆดัง ‘ฟุบ’ จากนั้นมันก็สะบัดหางก่อนจะมุดตัวเข้าไปในโพรงบนต้นไม้อย่างว่องไวแล้วยื่นหัวเล็กๆออกมามองข้างนอกแทน

เมื่อเห็นอย่างนี้แล้วฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา ที่แท้ก็เป็นเพื่อนบ้านของเขานี่เอง เจ้ากระรอกน้อยน่าจะสร้างบ้านอยู่บนต้นเมเปิลข้างๆ และถ้าเขาเดาไม่ผิด เจ้าตัวเล็กตัวนี้คงเป็นเพื่อนบ้านตัวน้อยที่จิตสำนึกโพไซดอนของเขาเจออยู่ในบ่อน้ำโดยบังเอิญเมื่อวานนี้เอง

ฉินสือโอวเปิดหน้าต่างออกแล้วถือเอาจานผลไม้ขึ้นเตียงไปดูทีวีอีกครั้ง แต่ยังไม่ทันไร หางใหญ่นุ่มๆอันหนึ่งก็ปัดผ่านศีรษะของเขาไป และเมื่อเขาหันไปดูอีกครั้งเขาก็ได้เห็นกระรอกน้อยตัวนั้นนั่งยองๆเก็บอุ้งเท้าทั้งสองข้างอยู่บนหัวเตียงของเขาและกำลังมองมาที่เขาอย่างสนใจใคร่รู้

……………………………………….