ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 8 สู่ทะเล

เออร์บักนำกล้องวิดีโอมาบันทึกมุมต่างๆ ของภาพ 'หญิงสาวกับแทมบูริน' และเลือกภาพ 'ลมพัดป่ายามเช้า' ซึ่งเป็นหนึ่งในภาพของพีนาร์เจียนมาบันทึกเช่นกัน

"ฉันส่งไปให้เพื่อนเก่าแล้ว ให้เขาใช้สายตามืออาชีพตรวจสอบดูอีกที" เออร์บักอธิบาย "นายคนนั้นเป็นผู้อำนวยการฝ่ายงานศิลป์ที่มีสายตาเฉียบคมที่สุดของบริษัทจัดประมูลริชชี่แห่งออตตาวา"

ขณะฉินสือโอวเก็บรวบรวมภาพวาดให้เรียบร้อย เออร์บักที่กำลังจะกลับก็เหลือบไปเห็นรถกระบะตรงลานบ้าน จากนั้นเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดขึ้นมา "ที่จริงจากฟาร์มปลาไปในเมืองก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ฉันพลาดเองเรื่องนี้ เอาอย่างนี้ดีกว่า เดี๋ยวนายเอารถฟอร์ดของฉันไปขับก็ได้ ส่วนรถกระบะนั่น ฉันจะขับกลับไปส่งให้แอนเดอสันเอง"

แอนเดอสันคือชื่อของเจ้าของโฮสเทลคนนั้นนั่นเอง

ได้ยินดังนั้นฉินสือโอวก็รู้สึกซาบซึ้งจนต้องพูดขึ้นมา "คุณยกรถฟอร์ดให้ผม แล้วคุณจะขับอะไรล่ะ?"

เออร์บักตอบ "ฉันยังมีรถบีเอ็มดับเบิลยู 750 อยู่ ฉันใช้คันนั้นก็ได้"

ฉินสือโอว "….."

เออร์บักกลับไปแล้ว ฉินสือโอวอยู่ในตึกเล็กคนเดียวก็ไม่มีอะไรทำจึงหยิบเครื่องดูดฝุ่นกับไม้ปัดฝุ่นเตรียมจะไปทำความสะอาด

ตึกเล็กแบ่งเป็นสองชั้น ชั้นแรกมีสองห้องนอน สองห้องน้ำ หนึ่งห้องโถงใหญ่ หนึ่งห้องเก็บของและหนึ่งห้องครัว พื้นที่โดยรวมทั้งหมดมากกว่า 300 ตารางเมตร ลำพังแค่ห้องโถงใหญ่ก็ปาไปเกือบ 100 ตารางเมตรแล้ว

พื้นที่ชั้นสองมีขนาดเล็กกว่านิดหน่อย มันมีพื้นที่ประมาณ 250-260 ตารางเมตรโดยเฉลี่ยและแบ่งเป็นห้องนอนหกห้อง นอกจากนี้ยังมีห้องรับฝากของอีกประมาณ 20 ตารางเมตรซึ่งนับว่ากว้างมากด้วย ที่นี่มีการตกแต่งพอสังเขป พื้นและผนังของตึกล้วนปูด้วยวอลล์เปเปอร์ลายใบเมเปิลสีแดงอย่างดีที่ทั้งสวยงามและสามารถกันชื้นได้

เมื่อถึงเวลามื้อเที่ยง ฉินสือโอวก็วางแผนจะเปลี่ยนรสชาติ ปลาค็อดแถวนิวฟันด์แลนด์นั้นค่อนข้างมีชื่อเสียงทีเดียว ดังนั้นเขาจึงเคลื่อนย้ายจิตสำนึกไปยังทะเลใกล้ๆ และตั้งใจว่าจะต้องได้ชิมปลาค็อดเผาสักตัว

ทะเลสาบเฉินเป่าอัดงดงามทำให้ฉินสือโอวมีความคิดดีๆ ขึ้นมา เดิมทีเขาคิดว่าทิวทัศน์ของทะเลสาบก็งดงามและมีชีวิตชีวามากแล้ว แต่โลกใต้ท้องทะเลอันกว้างใหญ่น่าจะอลังการมากกว่า

แต่จิตสำนึกก็ทำให้เขาต้องผิดหวัง ภายใต้บริเวณความลึก 2 เมตร ท้องทะเลเต็มไปด้วยทรายสีขาวละเอียด และห่างไปไม่เท่าไรก็เห็นเพียงก้อนหินเท่านั้น

จิตสำนึกของเขายังคงมุ่งหน้าไปต่อจนถึงระดับความลึกประมาณ 4-5 เมตร จึงเริ่มมีปะการังปรากฏขึ้น

มันไม่เหมือนปะการังเขตร้อนสีสันสดใสของออสเตรเลียที่อยู่ในทีวี ปะการังในท้องทะเลรอบๆ ฟาร์มปลาส่วนใหญ่ล้วนเป็นสีเทาไร้ชีวิตชีวา

ฉินสือโอวเข้าใจว่านี่คือลักษณะของปะการังเขตหนาว แต่จากนั้นเขาก็บังเอิญพบกับปะการังเล็กๆ ที่มีสีชมพูปนสีเหลืองอ่อน

ฉินสือโอวสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตจากปะการังต้นนี้ พวกมันคือโพลิป[footnoteRef:1]ที่แตกช่อผสานกันจนก่อร่างกลายเป็นปะการังกอเล็กๆ [1: ต้นอ่อนของปะการัง]

เมื่อเห็นดังนั้นฉินสือโอวก็เข้าใจได้ทันที ปะการังที่สีเทาพวกนั้นไม่ใช่ปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่เป็นเศษซากโพลิปของแนวปะการังต่างหาก

จิตสำนึกของเขาดำดิ่งต่อไปในทะเลกว้าง ทว่าเขาก็ไม่สามารถเคลื่อนไปได้ไกลมากนัก ขอบเขตจำกัดของมันอยู่ที่ประมาณสองไมล์ทะเล[footnoteRef:2]จากฟาร์มปลา อย่างไรก็ตามท้องทะเลที่เขาได้สัมผัสในวันนี้ก็นับว่าน่าประทับใจมากแล้ว เพียงแต่เขาใช้จิตสำนึกค้นหาในท้องทะเลตั้งนาน แต่เขากลับไม่เจอปลาเลยสักตัวเดียว! [2: 1 ไมล์ทะเลเท่ากับ 2 กิโลเมตรโดยประมาณ]

น่านน้ำบริเวณใกล้ๆ ฟาร์มปลาอยู่ในขั้นซบเซา สภาพแวดล้อมในท้องทะเลเสียหายอย่างหนักปลาจึงหนีหายไปหมด นอกจากนี้ทะเลยังมีแต่มลพิษ คุณภาพน้ำก็เข้าขั้นเลวร้าย อีกทั้งอุณหภูมิน้ำอันโหดร้ายก็เป็นเหตุทำให้พวกปลาหนีไปหมด

ตอนที่จะดึงจิตสำนึกกลับมา ฉินสือโอวก็มองเห็นแมงกะพรุนหนวดยาวโปร่งแสงตัวหนึ่งลอยมาทางเขา

แมงกะพรุนตัวนี้มีความยาวกว่า 40 เซนติเมตร และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เซนติเมตร รูปร่างของมันขดม้วนเข้าหากันราวกับแขนอันสมส่วน ทว่าปลายสองข้างกลับเรียวบาง ร่างกายของมันประกอบด้วยผิวชั้นนอกและผิวชั้นใน ตรงกลางกลวงโบ๋ และทั้งร่างก็เป็นสีขาวโปร่งแสง

ฉินสือโอวรู้ว่ามันคือไซโฟโนฟอร์ [footnoteRef:3] แม้ตัวมันจะใหญ่ไปหน่อย แต่ความจริงมันมีโครงสร้างคล้ายกับปะการัง ทว่าปะการังเกิดขึ้นจากโพลิป(ตัวอ่อน)เล็กๆ จำนวนมหาศาลที่จับตัวกันขึ้นมา ส่วนเจ้านี่จะเกิดจากแมงกะพรุนมากมายที่รวมตัวเข้าด้วยกัน [3: Siphonophore เป็นสัตว์ทะเลที่เกิดจากการรวมตัวกันของแมงกะพรุนขนาดเล็กจนเป็นรูปร่างขนาดใหญ่ มีลักษณะแตกต่างกันไป

[หมายเหตุจากนักแปล ฟองน้ำเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตามพื้นหินเหมือนปะการัง จะลอยไปตามน้ำก็ต่อเมื่อเป็นตัวอ่อนที่เพิ่งถูกปฏิสนธิก่อนลงสู่พื้นเพื่อเจริญเติบโตต่อไป แม้จะมีสายพันธุ์ชื่อ ฟองน้ำแก้ว (glass sponge) อยู่จริงๆ แต่มันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการรวมตัวกันของแมงกะพรุน จึงไม่สามารถแปลเป็นฟองน้ำแก้วจากคำต้นฉบับ杯海绵 ได้]]

ไซโฟโนฟอร์เป็นสิ่งมีชีวิตที่พบเห็นได้ทั่วไปในทะเลแอตแลนติก และมันก็คือแมงกะพรุนขนาดเล็กที่รวมตัวกันนั่นเอง แมงกะพรุนเล็กๆ ตัวหนึ่งจะมีขนาดเพียง 2 มิลลิเมตรเท่านั้น พวกมันมักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มโดยมีแมงกะพรุนอยู่ร่วมกันกว่าพันตัว

เมื่อได้เห็นไซโฟโนฟอร์แบบนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกดีใจมาก เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้สามารถดึงดูดปลาได้ ซึ่งมันเป็นที่รู้จักในฐานะ 'หลุมหลบภัยปลา' และสามารถปกป้องพวกปลาได้

อย่างที่ทราบกันดีว่าพีระมิดห่วงโซ่อาหารในทะเลคือปลาใหญ่กินปลาเล็ก ทว่าไซโฟโนฟอร์สามารถวิวัฒนาการขนาดได้ตั้งแต่เมตรกว่าจนไปถึง 10 เมตรเลยทีเดียว ดังนั้นไซโฟโนฟอร์จึงเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดสำหรับพวกปลาใหญ่ และทำให้พวกมันไม่กล้าเข้าโจมตีง่ายๆ

ด้วยเหตุนี้ปลาที่เข้าไปหลบอยู่ด้านในจึงมีอัตราการรอดชีวิตสูงยิ่งขึ้น และพวกสารคัดหลั่งกับของเสียจากปลาตัวเล็กๆ ก็เป็นอาหารของไซโฟโนฟอร์เช่นกัน ดังนั้นความสัมพันธ์ในการอยู่ร่วมกันของทั้งสองฝ่ายจึงนับเป็นความน่าอัศจรรย์ของทะเลจริงๆ

จิตสำนึกของฉินสือโอวเคลื่อนเข้าไปใกล้ไซโฟโนฟอร์จนพบว่าเหล่าแมงกะพรุนจิ๋วที่รวมตัวกันอยู่ในตอนนี้กำลังหายใจรวยริน และผิวชั้นนอกที่อยู่ด้านข้างก็ฉีกขาดเป็นรูขึ้นมารูหนึ่ง

ทว่าหลังจากจิตสำนึกของเขาเข้าไปใกล้ พลังชีวิตของมันก็ค่อยๆ ฟื้นคืนมา สิ่งนี้พลอยทำให้ฉินสือโอวรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแรงลงไปด้วย แล้วทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าที่แท้จิตสำนึกของเขาสามารถทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้

ฉินสือโอวดึงจิตสำนึกกลับมา ไซโฟโนฟอร์ตัวนั้นก็ตามเขามาตลอดจนมันลอยมาถึงข้างปะการังสีชมพูปนเหลืองต้นนั้น มันจึงหยุดลง

ยามนี้มันฟื้นฟูพลังชีวิตจนหายดีแล้ว ฉินสือโอวสัมผัสได้ถึงความซาบซึ้งและความยินดีที่เจ้ามีชีวิตตัวเล็กๆ นี่มีต่อเขา

เมื่อดึงจิตสำนึกกลับมา ฉินสือโอวก็ทั้งเหนื่อยล้าและรู้สึกหิวมาก

ปลาค็อดก็หาไม่เจอ ฉินสือโอวเหนื่อยเกินกว่าจะปรุงปลาคาร์ฟเขาจึงตัดปัญหาโดยการขับรถเข้าเมืองเพื่อหาอาหารปรุงสำเร็จจนได้เจอกับร้านอาหารที่มีชื่อว่าร้าน 'คุณลุงฮิคสัน'

ร้านอาหารนี้แม้ภายนอกจะดูทรุดโทรม แต่ข้างในกลับถูกทำความสะอาดอย่างดี ในนั้นมีชายแก่ผิวขาวไว้หนวดถักเปียคนหนึ่งกำลังวุ่นอยู่กับการทำความสะอาด โต๊ะไม้โอ๊กถูกขัดจนสะอาดเอี่ยมอ่องและรอยโป่งนูนที่อยู่บนนั้นก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่ามันมีอายุหลายปีแล้ว

"ไง พวก จะสั่งอะไรดี?" ทันทีที่เห็นฉินสือโอว ชายแก่ก็เอ่ยถามทั้งรอยยิ้ม

ฉินสือโอวกำลังจะตอบออกไป ทว่าชายแก่คนนั้นกลับมองเขาอย่างพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเข้ามาชกหน้าอกเขาเบาๆ "นายขับรถของเออร์บักมา ฉันได้ยินว่าหมอนั่นพาหลานของฉินมารับช่วงต่อ ใช่นายหรือเปล่า?"

ดูท่าปู่รองของเขาคงได้รับความนิยมมากทีเดียว ฉินสือโอวยกยิ้มตอบกลับไป "ใช่ครับ ผมคือฉินคนหลาน ที่คุณพูดถึงคือปู่ของผมเอง"

เขาหวังว่าชายแก่อาจจะลดราคาให้เขาเหมือนเจ้าของโฮสเทล หรือถ้าให้ดีเลี้ยงข้าวเขาด้วยเลยก็ได้

แต่ปรากฏว่าชายแก่ร่างท้วมกลับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้น "ดีเลย เจ้าหนู ปู่นายยังค้างค่าข้าวผัดฉันไว้ 1000 กว่าดอลลาร์ คราวหน้าอย่าลืมมาช่วยเขาจ่ายคืนด้วยล่ะ"

ฉินสือโอวถึงกับหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก ทว่าจากนั้นชายแก่ก็ตบไหล่เขาอย่างเป็นกันเองแล้วพูดออกมา "แต่อาหารมื้อแรกฉันเลี้ยงเอง ฉันเคยสัญญากับฉินเอาไว้ว่าถ้าทายาทของเขามาสืบทอดฟาร์มปลาเมื่อไร ฉันจะเลี้ยงข้าวพวกเขา"

ชายแก่หนวดเปียลงมือทำอย่างรวดเร็ว หลังจากเขาเชิญให้ฉินสือโอวนั่งลงเขาก็พุ่งไปยังห้องครัวทันที ฉินสือโอวมองร่างที่หายไปด้วยความงุนงง และเมื่อผ่านไปพักใหญ่เขาจึงได้พูดออกมาอย่างอึ้งๆ "ลุง ผมยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะกินอะไร"

สี่ห้านาทีต่อมา ข้าวผัดกลิ่นหอมฉุยก็ถูกยกมาเสิร์ฟ มันคือข้าวสีขาวราวหิมะพร้อมเนื้อแซลมอนที่ขาวนวลยิ่งกว่าโดยมีหยดน้ำมันสีทองตกแต่งอยู่ด้านบนและยังมีไข่ม้วนสีทองสว่างอีกแผ่นหนึ่ง นอกจากนี้ด้านนอกยังราดซอสเนื้อสีแดงสดรอบข้าวผัดไปอีกชั้นจนทำให้แค่มองก็พาลน้ำลายสอแล้ว

ฉินสือโอวใช้ช้อนตักซอสเนื้อกับข้าวกินคำหนึ่ง ทันใดนั้นรสชาติซอสเกรวี่สดใหม่ที่ตามด้วยข้าวอุ่นๆ ก็ระเบิดออกมา เขายกนิ้วโป้งให้ชายแก่หนวดเปียพร้อมพูดอู้อี้ออกมา "สุดยอด นี่เป็นข้าวผัดที่อร่อยที่สุดเท่าที่ผมเคยกินมาเลย"

เมื่อได้ยินคำชมดังนั้นชายแก่ก็ยกยิ้มจนตาหยี เขาหยิบไปป์ขึ้นมาคาบเอาไว้ที่มุมปากแล้วสูบเข้าไปเฮือกหนึ่งก่อนตอบออกไป "นี่เป็นจานเด็ดของลุงฮิคสันไงล่ะ ข้าวผัดเผ็ดแซลมอนซอสเนื้อ เมื่อก่อนปู่นายชอบกินมันมาก ฉันเลยเดาว่านายก็น่าจะชอบเหมือนกัน"

"อร่อยหลุดโลก" ฉินสือโอวเอ่ยชม

ทันที่พูดออกไปเช่นนั้น คุณลุงฮิคสันก็เงียบไปทันที เขามองพิจารณาฉินสือโอวอยู่สักพักก่อนที่ในดวงตาของเขาจะมีน้ำตาเอ่อคลอ

ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ลุงฮิคสันก้มหน้านิ่งแล้วกล่าวออกมาเสียงเบา "เจ้าหนู ตอนปู่นายกินข้าวผัดนี้ครั้งแรก เขาก็ใช้คำว่า 'อร่อยหลุดโลก' เหมือนกัน ตอนนั้นพ่อฉันยังเป็นคนดูแลร้านอาหารนี้อยู่เลย พริบตาเดียว เวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน"

ลุงฮิคสันไม่เอ่ยอะไรต่อ เขายืนคาบไปป์อยู่ตรงหน้าต่างพลางมองออกไปยังท้องฟ้าสีครามด้านนอก ควันไปป์ลอยคละคลุ้ง บางทีเขาอาจกำลังหวนนึกถึงความหลังครั้งวัยเยาว์อยู่ก็ได้

ท้องฟ้าไม่แปรเปลี่ยน แต่คนกลับไม่คงอยู่

เมื่อฉินสือโอวกินเสร็จแล้วและกำลังจะจ่ายเงิน ลุงฮิคสันก็ยืนกรานไม่รับ อีกทั้งยังขอโทษเขาแทนด้วย "ก่อนหน้านี้ฉันนึกถึงเรื่องในอดีตขึ้นมา น่าจะเผลอทำเสียบรรยากาศไปหน่อย พรุ่งนี้ตอนเที่ยงนายมาอีกสิ เดี๋ยวฉันทำให้กินอีก ดีไหม?"

ฉินสือโอวขอบคุณเขาแล้วกลับไปที่ฟาร์มปลา ช่วงบ่ายไม่มีอะไรให้ทำและเขาเองก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงจึงได้แต่นอนดูทีวีอยู่บนเตียง

แคนาดากับอเมริกาต่างเป็นพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์แนบแน่นเสมือนพี่น้อง และในฐานะที่เป็นน้องเล็กของอเมริกาแคนาดาจึงแทบจะแบ่งช่องทีวีอเมริกันมาเกือบทั้งหมด ฉินสือโอวดูหนังเรื่องหนึ่งที่ไม่มีฉายในจีนซึ่งมีชื่อว่า 'มือสังหารX'

มือสังหาร X เลียนแบบเรื่อง X-Men หลายอย่างทีเดียว ตัวละครหลักของเรื่องนี้ก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีพลังพิเศษเช่นกัน ความสามารถของเขาคือเมื่อสัมผัสดีเอ็นเอของใครก็จะเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นคนคนนั้นได้ ส่วนเนื้อเรื่องก็เป็นแนวการใช้พลังพิเศษต่อกรกับฝ่ายอธรรม

ตอนเย็นเออร์บักโทรมาหาเขา บอกว่าเพื่อนเก่าของเขาจากบริษัทจัดประมูลริชชี่ได้บินมายังแคนาดาแล้ว และพรุ่งนี้เช้าเขาจะมาช่วยเออร์บักประเมินภาพพวกนั้น

……………………………………….