ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

บทที่ 55 อาบแดด

คนในเมืองแฟร์เวลต่างก็ชอบการจัดงานปาร์ตี้มาก ใครจะไม่ชอบล่ะ? มีอาหารอร่อย เหล้ารสเลิศ พูดคุยกันในเรื่องที่มีความสุข หยอกล้อกันตามอำเภอใจ นี่สิถึงจะเรียกว่าชีวิต

อาหารเย็นเริ่มกินกันตั้งแต่หัวค่ำไปจนถึงเที่ยงคืน คนกลุ่มหนึ่งก็ได้พูดคุยกันอย่างถึงอกถึงใจ ชาร์คอุทานออกมาอย่างตกตะลึง “ที่แท้ปลาพวกนี้ก็สามารถทำให้อร่อยได้ขนาดนี้ บอส คุณไปเปิดร้านอาหารในเมืองสักร้านเถอะ ต้องหาเงินได้มากแน่นอน”

ไม่กล้าที่จะพูดถึงที่อื่น ถึงอย่างไรรสชาติปากของคนแคนาดาและคนจีนก็มีความแต่งต่างกัน ตอนนี้ร้านอาหารจีนในประเทศแคนาดามีอยู่แพร่หลายซึ่งร้านเหล่านี้ก็ได้ปรับรสชาติให้ถูกปากกับคนที่นี่

แต่ว่าสำหรับคนในเมืองแฟร์เวลแล้ว อาหารเสฉวนและอาหารหูหนานกลับได้รับความนิยมมาก เพราะว่าที่นี่ล้อมรอบไปด้วยทะเลทุกด้านจึงทำให้อากาศทั้งชื้นและหนาว ดังนั้นคนในเมืองต่างก็ชอบดื่มเหล้าที่แรง กินอาหารที่มีรสเผ็ดร้อนด้วยกันทั้งนั้น เพื่อเป็นการขับไล่ความรู้สึกหนาวที่อยู่ในตัว

สำหรับเมนูหัวปลานึ่งราดพริก ฉินสือโอวกินแล้วรู้สึกเผ็ดจนแสยะปากอย่างต่อเนื่อง แต่ว่าชาร์ค นีลเซ็นและซีมอนสเตอร์กลับกินกันอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด

และเจ้าพวกนี้ก็รนหาที่ตายด้วยตัวเองเพราะคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเล่นเกมทายนิ้วกัน แต่สำหรับคนที่แพ้ไม่ใช่ว่าจะต้องกินเหล้านะแต่ต้องกินพริกน้ำส้มหนึ่งคำ!

พวกกลุ่มเด็กๆ อย่างชาร์คน้อยก็กินเผ็ดเก่งเช่นกัน บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาได้กินอาหารรสชาติดั้งเดิมของคนจีนเป็นครั้งแรกจึงกินกันอย่างมีความสุข ปากเล็กๆก็หายใจ เฮือกเฮือก ออกมา ถึงแม้ว่าจะเผ็ดมากแต่ก็กินอาหารด้วยคำโตเต็มปาก

ฉินสือโอวคุยไปพลางปิ้งปลาไปพลาง ในอากาศอบอวลไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศและกินพริก ทำให้ปาร์ตี้อาหารเย็นวันนี้ได้บรรยากาศมากขึ้น

เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว พวกผู้หญิงก็เก็บกวาดสิ่งของจากนั้นก็กลับไปที่บ้านใครบ้านมัน

ฉินสือโอวถูกซีมอนสเตอร์มอมเหล้าจนเวียนหัว คิดไม่ถึงว่าจะเป็นวินนี่ที่เป็นคนพาเขากลับไปส่ง เออร์บักส่ายหัวไม่หยุด ไอ้หนุ่มคนนี้ช่างมือใหม่จริงๆ

และยังคงเป็นเหมือนเช่นเคย ทุกเช้าที่ฉินสือโอวตื่นขึ้นมาก็จะออกไปวิ่งตามปกติ วันนี้เป็นวันที่อากาศดี พระอาทิตย์ค่อยๆขึ้นจากทางทิศเหนือช้าๆ แสงอาทิตย์อันอบอุ่นได้สาดส่องมาที่บนพื้นดิน ส่องแสงให้โลกที่มีสีสันได้สว่างไสว

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังจะกลับไปที่บ้าน นีลเซ็นก็กำลังออกกำลังกายอยู่ที่ชายหาดพอดี กิจกรรมที่เขาทำคือโหนบาร์คู่บาร์เดี่ยว ต่อยมวยกระสอบทรายและยิงเป้าธนู ถึงแม้ว่าเครื่องมือออกกำลังกายกลางแจ้งไม่กี่ชิ้นนี้จะติดตั้งไว้ที่บนพื้นทรายแต่ประสิทธิภาพของมันก็ยังคงครบถ้วนสมบูรณ์

นีลเซ็นก็ตื่นนอนแต่เช้าเช่นกัน เขาสวมนวมต่อยมวยและเคลื่อนที่ไปรอบกระสอบทรายอย่างต่อเนื่อง และต่อยทีละหมัดๆลงบนกระสอบทราย กำลังของหมัดนั้นองอาจดุร้าย ทั้งหัวของเขาเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อที่ไหลออกมา

ฉินสือโอวเห็นเป้าธนูยังคงใหม่เอี่ยมอยู่จึงกลับไปเอาธนูลูกรอกที่เมื่อวานเขาได้ทำอย่างดี เขายืนห่างออกจากเป้าประมาณห้าสิบกว่าเมตร ทันใดนั้นก็ดึงสายธนูและยิงลูกธนูออกไป

‘ตึ่ง! ‘ เสียงกระทบของลูกธนูดังออกมา ลูกธนูเคลื่อนที่อย่างคล่องตัวราวกับดาวตกและฟ้าผ่า ปักเข้าไปลึกกลางเป้าธนูไม้ที่หนา

“ยิงได้สวย” นีลเซ็นจับกระสอบทรายไว้และพูดหัวเราะชอบใจออกมา “บอส ท่าทางของคุณเมื่อกี้เหมือนฮอว์คอายในหนังเรื่อง The avengers มากเลย ยอดเยี่ยมมากจริงๆ”

ฉินสือโอวกวัดแกว่งธนูและพูดขึ้น “เป็นเพราะว่าธนูของฉันดี เจ้านี่มันดีจริงๆ ดีกว่าปืนอีก”

เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้นีลเซ็นจึงส่ายหัวและพูดขึ้น “ไม่ บอส ไม่อยากจะพูดลยนะ แต่ว่าในฐานะที่เคยเป็นสไนเปอร์ ผมจะบอกให้ว่า เมื่อเปรียบเทียบกับปืนยาวแล้ว ไอ้เจ้าธนูนี่ก็เป็นแค่เพียงสิ่งของเล็กๆเท่านั้น”

คิดอยู่สักครู่นีลเซ็นจึงพูดต่อ “ให้ผ่านไปสักช่วงหนึ่ง รอให้อากาศอุ่นขึ้นกว่านี้หน่อย ผมจะพาคุณไปล่าสัตว์ที่เขาเคอร์บัล บนเขามีกวางเรนเดียร์และกระต่ายป่า ถ้าโชคดีก็จะได้เจอหมูป่ากับหมาป่าอีกด้วย”

ฉินสือโอวจึงเอ่ยถาม “บนเขามีสัตว์ให้ล่าเหรอ? นายแน่ใจเหรอ?”

นีลเซ็นพูดอย่างแสดงความมั่นใจ “มีแน่นอน ภูเขากว้างใหญ่ขนาดนี้ ทำไมจะไม่มีสัตว์ให้ล่าล่ะ? โดยเฉพาะกวางเรนเดียร์นั้นมีเยอะมาก ทุกปีพวกเราต้องรวมกลุ่มกันไปล่ากวาง ถ้าไม่มีคนล่า พวกมันก็จะสืบพันธุ์กันค่อนข้างเร็ว”

ฉินสือโอวจุ๊ปากอย่างชื่นชม สิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ของแคนาดานั้นดีกว่าประเทศของตัวเองมาก ที่นี่เมื่อมีกวางเรนเดียร์มากเกินไปจะกระทบต่อระบบห่วงโซ่อาหารที่เกิดในระบบนิเวศน์จึงจำเป็นที่จะต้องจับฆ่า แต่ที่ประเทศของตนเองนั้นเพื่อปกป้องระบบห่วงโซ่อาหารที่เกิดขึ้นในระบบนิเวศน์จำเป็นต้องให้คนเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าพวกนี้บ้างเล็กน้อย

เสียงร้องคำรามของเครื่องบินสองลำที่บินลงต่ำได้เริ่มทำงานกันแล้ว เมล็ดพันธุ์ของสาหร่ายทะเลได้โปรยลงมาที่พื้นผิวทะเลเหมือนกับเม็ดฝนไม่มีผิด ข้อดีของการที่ช่วงนี้พวกฝูงปลาได้กินเมล็ดพันธุ์สาหร่ายทะเลก็คือทุกครั้งที่โปรยเมล็ดพันธุ์พวกมันจะลอยขึ้นมาบนผิวน้ำทะเล

แสงอาทิตย์ได้สาดส่องไปทั่วทุกที่ ด้วยเหตุนี้เหล่าปลาค็อดสีขาวเงินทั้งหลายที่ลอยขึ้นมาบนผิวน้ำจึงสะท้อนกับแสงของดวงอาทิตย์ ส่องแสงจนพื้นผิวทะเลนั้นเป็นประกายจ้าออกมา เป็นภาพที่สวยจนเกินคำบรรยาย

เมื่อไม่มีอะไรทำฉินสือโอวจึงรอให้วินนี่ออกมาจากบ้าน จากนั้นจึงพูดขึ้น “ พวกเราไปตกปลาที่ทะเลกัน ดีไหม?”

เรือยอชต์จอดอยู่อย่างไรก็จอดอยู่อย่างนั้น

นีลเซ็นขับรถเข้าไปในเมืองเพื่อซื้อเครื่องดื่ม ผลไม้และผักจำนวนมาก จากนั้นก็เอาไปเก็บไว้ที่บาร์เล็กๆและตู้แช่แข็งไฟฟ้าของเรือยอชต์และเตรียมตัวที่จะออกสู่ทะเล

ชาร์คและนีลเซ็นต่างก็มีใบอนุญาตขับเรือประมงด้วยกันทั้งคู่ การขับเรือยอชต์นั้นแสนจะง่ายดายเพราะว่ามีห้องควบคุมเรือที่ทั้งกว้างและใหญ่ ซึ่งขับง่ายกว่ารถเสียอีก ง่ายจนกระทั่งสามารถใช้อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ในการให้เรือขับเคลื่อนไปอย่างอัตโนมัติ โดยสามารถตั้งค่ากำหนดทิศทางการเดินเรือ เส้นทางการเดินเรือและความเร็วของเรือ จากนั้นมันก็จะแล่นไปอย่างช้าๆด้วยตัวเอง

ฉินสือโอวกางร่มกันแดดที่บนดาดฟ้าและเอนกายนอนเท้าเปล่าอยู่บนเก้าอี้นอนอย่างสบาย เขาเอากระรอกน้อยสองตัวขึ้นมาด้วย เสี่ยวหมิงและเพื่อนได้ปีนขึ้นไปบนร่มกันแดดและนั่งอยู่ข้างบนเพื่อมองดูทะเลด้วยท่าทางที่คล้ายกับอีกาตัวหนึ่ง

วินนี่ถือครีมกันแดดมาและพูดขึ้น “เริ่มจากตรงไหน? ฉันจะทาครีมกันแดดให้”

ฉินสือโอวดูแล้วว่าแดดไม่ถึงกับร้อนมากจึงพูดออกมา “ไม่ต้องหรอกมั้ง?”

วินนี่ยักไหล่ นั่งลงข้างๆและออกแรงบังคับให้ฉินสือโอวเอนตัวมา จากนั้นก็เทครีมกันแดดลงบนมือเขาเล็กน้อยและถู หลังจากทาที่มือแล้วก็ทาที่หน้าและแขนของเขาอีกรอบหนึ่ง

ฉินสือโอวหลับตา สัมผัสถึงมือเล็กๆที่เรียบเนียนชุ่มชื้น และสูดดมกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของวินนี่ เขารู้สึกว่าชีวิตแบบนี้ก็ไม่เลวเลยจริงๆ

ผ่านไปสักครู่ เจ้าตัวน้อยที่เต็มไปด้วยขนตัวหนึ่งได้ปีนไปบนหัวของเขา ไม่ต้องดูเขาก็รู้ว่านี่คือเสี่ยวหมิง

กระรอกน้อยเสี่ยวหมิงจ้องมองวินนี่ด้วยตาที่ดำขลับ วินนี่เอามือออกและพูดกับกระรอกน้อย “ให้ฉันทาให้แกหน่อยไหม”

กระรอกน้อยนึกว่านี่คือของที่จะป้อนให้มันกินจึงสะบัดหางพวงใหญ่และวิ่งเข้าไปอย่างเบิกบานใจ สุดท้ายวินนี่ได้ทาครีมกันแดดลงบนหัวมันเล็กน้อย ด้วยเหตุนี้ขนของมันจึงเหนียวติดหนังหัว ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ดังนั้นมันจึงวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อรอให้วินนี่ทาครีมกันแดดให้เสร็จแล้ว ฉินสือโอวจึงเอ่ยถามอย่างชั่วร้าย “ฮาย ให้ผมช่วยทาให้คุณหน่อยไหม?”

นี่ไม่ใช่ฤดูร้อน วินนี่จึงไม่ได้ใส่ชุดบิกินี ที่เธอใส่คือชุดกระโปรงยาวโบฮีเมียนสีเหลือง เป็นผ้าลูกไม้ซ้อนกันเป็นชั้นๆและพิมพ์ดอกลายใหญ่ เป็นภาพที่ส่งผลต่อจิตใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลมทะเลพัดผ่านกระโปรงยาวลอยขึ้นหวีดหวิว ยิ่งทำให้มีความงามอย่างธรรมชาติมากยิ่งขึ้น

วินนี่หัวเราะเบาๆและหลบเลี่ยงมือของฉินสือโอวที่ยื่นออกมา ชี้มาที่ตัวเองและพูดว่า “ฉันแค่อยากทาที่หน้านิดหน่อย ฉันทำเองได้”

ฉินสือโอวทำเสียง ‘อ้อ’ ออกมาอย่างเสียดาย วินนี่จึงยิ้มขึ้นมาอีกครั้งและพูดปลอบใจเขา “หลังจากนี้รอให้ฉันเปลี่ยนเป็นชุดอื่น คุณก็ค่อยช่วยทาน้ำมันที่หลังให้ฉันนะ”

“เมื่อไหร่ล่ะ?” ฉินสือโอวกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที “หลังจากนี้คุณยังจะมาที่ฟาร์มปลาของผมใช่ไหม?”

วินนี่ขยิบตาและพูดขึ้น “ถ้าหากว่าคุณยังต้อนรับ บางทีฉันอาจจะกลับมาอีกก็ได้ ถึงตอนนั้นฉันจะเอาของขวัญมาให้ด้วย”

ระหว่างที่ทั้งสองคนนั้นกำลังคุยกันอยู่ นีลเซ็นก็ได้เอาน้ำส้มที่พึ่งคั้นเสร็จและเบียร์มาให้ ฉินสือโอวจึงพูดออกมา “เปลี่ยนเป็นน้ำผลไม้ให้ฉันที เบียร์อร่อยตรงไหนเนี่ย?”

นีลเซ็นยักไหล่และพูดขึ้น “บอส คุณนี่ไม่สมกับเป็นชายชาตรีเลยจริงๆ”

ฉินสือโอวลุกขึ้นหัวเราะและพูดออกมา “ถ้านายเป็นผู้หญิงสวย ฉันจะรีบทำให้นายรู้เลยว่าฉันเป็นชายชาตรีขนาดไหน”

เขาเดินเลียบไปทางขอบเรือ อยากที่จะไปเอาน้ำผลไม้ ผลสุดท้ายคือพอชะโงกหน้าไปก็เห็นเต่าตัวใหญ่ตัวหนึ่งว่ายฉวัดเฉวียนจากข้างเรือยอชต์ออกไป

เมื่อเห็นเต่าทะเลตัวนี้ ฉินสือโอวจึงส่งเสียงพูดออกมา “เฮ้ เพื่อนๆ ดูเจ้านี่ดิ เหมือนกับเป็นเต่ามะเฟืองที่หาดูได้ยากเลย”

ชาร์คหัวเราะและเอ่ยถาม “บอส คุณอยากจับสักตัวเหรอ?”

ฉินสือโอวแบมือยกขึ้นปฏิเสธ “นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”

ชาร์คมองออกไปข้างนอก และทำสัญญาณมือเหมือนกับจะบอกว่า ‘รอเดี๋ยว’ จากนั้นก็วางเรือยางเล็กๆลงน้ำหนึ่งลำ ถือถุงตาข่ายและกระโดดลงไปในน้ำ

ฉินสือโอวเอ่ยถามด้วยความตกใจ “ชาร์ค นายจะทำอะไร อยากจับเต่าทะเลด้วยมือเปล่าเหรอ?”

นีลเซ็นก็พูดออกมาด้วยความงงงวยเล็กน้อย “น่าจะไม่ใช่ จับเต่าทะเลด้วยมือเปล่าไม่ง่ายเลยนะ ไอ้เจ้าตัวนั้นเก่งมากเมื่ออยู่ในน้ำ”

ไม่นาน ชาร์คก็พลิกตัวลอยขึ้นมา เขายกถุงตาข่ายให้ทั้งสองคนดู ใบหน้าเต็มด้วยรอยยิ้มของความมั่นใจ

ในถุงตาข่ายมีปลาสองตัว ขนาดลำตัวประมาณยี่สิบสามสิบเซนติเมตร ส่วนหน้าเรียบแบน ส่วนหลังเป็นรูปทรงกระบอกแหลม ขนาดหัวเล็กมาก หลังส่วนหน้าแบน ค่อนข้างที่จะเหมือนปลาไหลนาที่ถูกบดเล็กน้อย

“นี่คือเหาฉลาม?” ฉินสือโอขึ้นไปดูก็เห็นที่หน้าท้องของปลาทั้งสองนี้มีอวัยวะเรียวยาวรูปไข่ที่ใช้สำหรับดูดติดหนึ่งชิ้น ในความทรงจำของเขามีเพียงแค่เหาฉลามเท่านั้นที่มีรูปร่างเช่นนี้

ชาร์คพยักหน้าและพูดขึ้น “ใช่แล้ว นี่คือเหาฉลาม ดูนะ ผมจะเอาเจ้าสองตัวนี้จับเต่าทะเล”

ในขณะที่พูดเขาก็หาสายเอ็นตกปลาและมัดไปที่บนหางของเหาฉลามทั้งสี่ทิศทางก่อน เมื่อลองแล้วว่าปมที่มัดจะไม่ทำให้ตัวของปลาเจ็บและหลุดออกไป จากนั้นจึงขึ้นไปบนเรือยางเล็กและเข้าไปใกล้เต่าทะเลอย่างช้าๆ เขาสะบัดเอ็นตกปลาและเอาเหาฉลามทั้งสองตัวสะบัดออกไปสองทิศทาง

เขตทะเลที่เรือยอชต์จอดอยู่เป็นเขตอาศัยของเต่ามะเฟืองพอดิบพอดี ก่อนหน้านี้ฉินสือโอวได้เห็นเต่าตัวนั้นลอยขึ้นมาบนผิวน้ำอย่างเซื่องซึมโดยไม่เกรงกลัวเรือยอชต์ลำใหญ่ที่อยู่ข้างกายแม้แต่นิดเดียว มันอาจจะไม่รู้ว่ามีคนเพ่งเล็งไปที่มันอยู่

ชาร์คมีฝีมือที่ช่ำชอง เมื่อเขาสะบัดเอ็นตกปลาออกไป เหาฉลามทั้งสองตัวก็อยู่ในระยะห่างที่ไม่ไกลจากเต่าทะเลมาก หลังจากที่ลงไปในน้ำ เหาฉลามที่กำลังตื่นตระหนกก็รีบขยับว่ายน้ำอย่างรวดเร็ว ตัวหนึ่งว่ายดำดิ่งลงไปในน้ำ อีกตัวหนึ่งหลังจากที่เข้าไปใกล้เต่าทะเลแล้วตัวของมันก็แนบติดลงไป

ฉินสือโอวรู้แผนการของชาร์คแล้ว

ชื่อเล่นของเหาฉลามก็คือ “นักท่องเที่ยวโดยกำเนิด” พวกมันอาจจะเป็นปลาที่ขี้เกียจที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ ความสามารถในการว่ายน้ำของพวกมันนั้นค่อนข้างด้อย ส่วนใหญ่มันจะเอาหัวที่สามารถดูดติดได้ ดูดเข้ากับสัตว์ทะเลที่ตัวใหญ่และมีความสามารถในการว่ายน้ำสูง อย่างเช่นฉลามหรือหน้าท้องของสัตว์ทะเลที่เลี้ยงลูกด้วยนมหรือดูดติดไปกับใต้ท้องเรือ และหลังจากนั้นมันก็จะถูกพาไปทุกๆมหาสมุทรทั่วโลก

ด้วยเหตุนี้ สัตว์ที่มีการฝากอาศัยเมื่อถึงเขตพื้นที่ทะเลที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์ เจ้าพวกขี้เกียจเหล่านี้ก็จะแยกออกมาจากการฝากอาศัยและไปดูดซึมอาหารเหล่านั้น

หลังจากที่กินอาหารพอแล้ว เหาฉลามก็จะดูดติดกับที่ฝากอาศัยใหม่และย้ายไปเขตพื้นที่ทะเลอื่นต่อไป

ดังนั้นชาร์คจึงใช้ลักษณะพิเศษส่วนนี้ของเหาฉลาม และก็เป็นไปอย่างที่คิดไว้ เหาฉลามที่เข้าไปใกล้เต่าทะเลตัวนั้นมันได้แนบติดไปกับใต้ท้องของเต่าทะเลไปอย่างรวดเร็ว

อวัยวะที่ดูดติดของมันได้แปะติดไปที่บนตัวของเต่าทะเล โดยมันจะระบายน้ำที่อยู่ในอวัยวะดูดติดและเอาอากาศและแรงดันของน้ำมาใช้ ไม่นานก็จะดูดติดไปที่บนตัวเต่าทะเลอย่างเหนียวแน่น

รอไปได้ประมาณสิบกว่านาที ชาร์คก็ได้ลองดึงเชือกขึ้นมาดูเล็กน้อย เมื่อคิดว่าแรงดูดติดของเหาฉลามไม่มีปัญหาอะไรแล้ว เขาจึงค่อยๆดึงเอ็นตกปลากลับมาอย่างช้าๆ

ช่วงเวลานี้เป็นการเปิดโลกทัศน์ของฉินสือโอวมาก วินนี่แปลกประหลาดใจจนกะพริบดวงตาอันกลมโตแล้วพูดขึ้น “ที่แท้ก็ทำแบบนี้ได้ด้วย”

...................................................................