บทที่ 56 ลูกสุนัขสองตัว
เจ้าเต่าทะเลตัวนี้น่าจะมีนิสัยที่เหมือนกับฉินสือโอว นั่นก็คือการเป็นคนเจ้าสำราญ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงแดดดีหรือไม่ ก่อนหน้านี้มันถึงลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลตลอดและค่อยๆเคลื่อนที่ไปตามสบาย เหมือนกับกำลังอาบแดดไม่มีผิด
เมื่อชาร์คเริ่มที่จะเก็บแห ความทุกข์ยากก็มาถึงเจ้าเต่าทะเลแล้ว มันพบว่าตัวเองขยับตัวเคลื่อนที่ไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะพยายามต่อสู้ดิ้นรนแล้วก็ยังถูกพละกำลังหนึ่งดึงลากกลับมา
แต่ว่าชาร์คไม่ได้ออกแรงมากในการดึงเต่าทะเลกลับมา เขาขับเรือยางเล็กและรั้งเจ้าเต่าทะเลไว้อย่างใจเย็น เมื่อเต่าทะเลออกแรงต่อสู้ดิ้นรนด้วยกำลังที่มาก เขาจะวางเอ็นตกปลาลงเล็กน้อย และเมื่อมันออกแรงต่อสู้น้อยลงเขาก็จะดึงเก็บไปยังข้างหลังต่อ
แต่เจ้าเหาฉลามตัวนั้นกลับเบาปัญญามาก มันแปะติดอยู่บนตัวเต่าทะเลตลอดเวลา พลังการดูดติดของมันค่อนข้างแข็งแกร่ง เต่าทะเลและชาร์คประลองกำลังกันขนาดนี้ก็ไม่ทำให้มันหลุดลงมา
เต่าทะเลต่อสู้ดิ้นรนอยู่ประมาณสามสิบกว่านาที สุดท้ายก็ไม่เหลือพละกำลังแล้วมันจึงถูกชาร์คยกขึ้นมาบนเรือยางอย่างง่ายดาย จากนั้นก็ขนกลับขึ้นมาที่เรือยอชต์
เต่าทะเลตัวนี้ใหญ่กว่าฝาหม้อหุงข้าวเล็กน้อย ฉินสือโอวมองไม่ผิด ที่แท้มันก็คือเต่ามะเฟืองจริงๆ หลังจากที่ขึ้นมาบนเรือแล้วมันก็เปลี่ยนเป็นเบาปัญญาเล็กน้อยเช่นกัน มันเหวี่ยงหัวมามองดูฉินสือโอวและวินนี่อยู่สักครู่จากนั้นก็ปีนอยู่บนดาดฟ้าอย่างไม่สนใจใคร
ปัจจุบันเต่ามะเฟืองมีจำนวนน้อยลงอย่างต่อเนื่อง มันได้กลายเป็นสัตว์สงวนของประเทศไปแล้ว มีคนขโมยจับพวกมันอยู่ตลอดเพราะว่าราคาของเจ้าพวกนี้ยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ
ฉินสือโอวรู้เรื่องนี้ดี แต่เขาแค่ไม่มีอะไรทำจึงเห็นว่าวิธีที่ชาร์คใช้เหาฉลามไปจับเต่าทะเลขึ้นมานั้นแปลกประหลาดดีจึงยืนมองดูอยู่เรื่อยๆ
ฉินสือโอวเล่นกับเต่ามะเฟืองอยู่บนดาดฟ้าสักครู่ จากนั้นจึงเอาตัวมันวางลงกลับไปในทะเลอย่างเดิม
ชาร์คอยากที่จะฆ่าเหาฉลามทิ้ง แต่ฉินสือโอวได้พูดห้ามไว้ “หาตู้ปลามาเลี้ยงมันเถอะ จะฆ่ามันทำไม?”
ชาร์คเกาหัวและพูดออกมา “เจ้าพวกนี้มันชอบแปะติดไปกับท้องเรือ ของเหลวที่เหนียวบนผิวของมันจะทำให้เรือสึกกร่อน”
“เลี้ยงไว้เถอะ” ฉินสือโอวเอ่ยขึ้น วินนี่ยิ้มเล็กน้อย เธอพบว่าผู้ชายคนนี้ไม่เลวเลยจริงๆ คนที่มีจิตใจเมตตาแบบนี้เห็นได้น้อย
“ต่อไปถ้าหิวตอนไหนก็สามารถเอามาตุ๋นกินได้” คำพูดต่อมาของฉินสือโอวทำให้วินนี่รู้สึกเอือมระอา
เรือยอชต์ลอยอยู่บนพื้นผิวน้ำด้วยความเร็วเพียงเล็กน้อย ฉินสือโอวเอนกายอาบแดดอยู่บนดาดฟ้าอย่างขี้เกียจ ชาร์คและนีลเซ็นเรียกเขาให้ไปเล่นไพ่ด้วย แต่เขากลับไม่สนใจ วินนี่จึงเข้าไปเล่นด้วย ทั้งสามคนจึงเล่นไพ่โป๊กเกอร์ที่สามารถพบเห็นกันได้ทั่วไป
“ถ้าไม่มีอะไรทำ คุณก็สามารถไปตกปลาได้นะ” ชาร์คพูดลอยๆออกมาเพื่อเตือนสติ
ฉินสือโอวยกมือขึ้นปฏิเสธอย่างขี้เกียจ ตกปลาอะไรกันล่ะ เขามีจิตสำนึกของโพไซดอน แค่คิดก็สามารถทำให้ปลานับไม่ถ้วนต่อแถวกันเข้ามาให้เขาตกแล้ว ดังนั้นการตกปลาจึงไม่มีความท้าทายสำหรับเขา
อากาศในฤดูใบไม้ผลิเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ในตอนเช้าอากาศยังคงดีอยู่แต่พอกินข้าวกลางวันแล้วท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นมืดครึ้มขึ้นมาและลมในทะเลก็เริ่มพัดแรงขึ้นแล้วเช่นกัน คลื่นทะเลม้วนตัวซัดสาดมาอย่างแรงทำให้เรือยอชต์โคลงเคลงตามไปด้วย
ชาร์คได้ขับเรือยอชต์กลับไปอย่างเรื่อยๆ ฉินสือโอวจึงเอ่ยถามให้เขาเพิ่มความเร็วอีกสักหน่อย ถ้าหากเจอกับพวกสึนามิหรือมรสุมทางทะเลก็จะอันตรายขึ้นมาทันที
เมื่อได้ยินดังนั้นชาร์คจึงหัวเราะชอบใจออกมา “ไม่ต้องกังวล บอส ไม่มีพายุหรอก ดูเมฆสิ ถึงแม้ว่าตอนนี้เมฆจะหนาแน่น แต่ว่าไม่ห้อยลงมาก็แสดงว่าความกดอากาศไม่สูง ถ้าไม่มีความกดอากาศลมก็จะไม่แรง”
และก็เป็นอย่างที่ชาร์คพูดไว้ ตลอดทางที่เรือยอชต์กลับไปที่ท่าเรือของฟาร์มปลา ถึงแม้ว่าบนท้องฟ้าจะมีเลมฝนตกปรอยๆลงมาเล็กน้อยแต่ว่าไม่มีลมพายุ
ฉินสือโอวอาบแดดไม่สำเร็จ ช่วงบ่ายเขาจึงดูทีวีเป็นเพื่อนวินนี่อยู่ที่ห้องรับแขก
สุดท้ายฝนก็ตกลงมาเล็กน้อยตลอดทั้งวันทั้งคืน ในวันต่อมาฝนก็ยังคงตกลงมาปรอยๆไม่หยุด
ด้วยเหตุนี้อากาศจึงกลับมาสะอาดสดชื่นกว่าเดิม เขาเปิดประตูและสูดหายใจเข้าไปลึกๆหนึ่งที อากาศที่ชุ่มชื้นและสะอาดได้ทะลุผ่านเข้าไปจากทางหลอดลมจนถึงกลางปอด เหมือนกับชำระล้างทางเดินหายใจให้สะอาดอีกครั้ง
“ออกไปเดินเล่นเถอะ” วินนี่เปลี่ยนใส่เสื้อไหมพรมสีแดงแล้วเอ่ยชวน
ฉินสือโอวกางร่มออกมาหนึ่งคัน ทั้งสองคนเดินเคียงไหล่กันไปบนทางเล็กๆที่มีดินโคลนบ้างเล็กน้อย น้ำฝนตกลงมากระทบกับตัวร่มดังเปาะแปะ ริมถนนเป็นหญ้าที่ถูกน้ำฝนชะล้างจนสะอาดทำให้มีสีเขียวชอุ่มเป็นพิเศษซึ่งเป็นทัศนียภาพที่เงียบสงบ
“ถ้าอยู่แต่ในเมือง ยังไงก็ไม่มีวันสัมผัสกับความรู้สึกแบบนี้” วินนี่สูดหายใจเข้าไปลึกๆหนึ่งทีและพูดออกมาอย่างลุ่มหลงเล็กน้อย
ฉินสือโอวจึงพูดขึ้น “เสียดายที่ทางเดินตรงนี้ค่อนข้างเป็นดินโคลน หลังจากนี้ต้องซ่อมใหม่ให้หมด”
ถึงแม้ว่าท่าเรือจะสามารถใช้ได้แต่ก็ค่อนข้างเล็กและแคบ หลังจากที่เอาเจ็ทสกีและเรือยอชต์จอดเทียบท่าไว้ก็มีความเบียดเสียดเล็กน้อย ต่อไปเรือลำอื่นจะไปจอดเทียบท่าที่ไหน?
ในขณะเดียวกันห้องต่างๆในวิลล่าต่างก็ทรุดโทรมไปหมดไปแล้ว ปัจจุบันเมื่อมีฝนตกลงมาก็จะมีสามสี่ห้องที่หลังคารั่ว.....
สวนดอกไม้ สวนผักและลานออกกำลังกาย ทั้งหมดนี้ยังไม่มีโครงการที่จะทำ ยังคงจัดวางกันอย่างสะเปะสะปะไปทั่ว ขาดความสวย.....
ขณะที่กำลังพิจารณาอยู่ว่าต่อไปจะซ่อมแซมฟาร์มปลาอย่างไร ฉินสือโอวพบว่าวินนี่ได้หยุดเดินอย่างกะทันหัน เขากำลังจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ยินวินนี่พูดออกมาอย่างดีใจ “ฮาย ฉิน มาดูลูกสุนัขเร็ว ลูกสุนัขน่ารักจัง!”
บริเวณกลางทุ่งหญ้าที่อยู่ด้านข้างของทั้งสองคนมีลูกสุนัขขนสีเทาเหลืองตัวหนึ่ง คาดว่าน่าจะอายุประมาณสองสามเดือน มันร้องฮือฮือและวิ่งทะลุออกมา ดวงตากลมโตที่ดำขลับของมันมองมาที่ทั้งสองคนอย่างลังเลใจ มันลองเดินเขยิบไปข้างหน้าจากนั้นก็ถอยหลังกลับไปอย่างเร็วด้วยความกลัวอีกครั้ง
ลูกสุนัขตัวนี้น่าจะเป็นสุนัขเร่ร่อน มันผอมจนเหลือแต่กระดูก สีขนของมันดูหม่นมัวไม่เงางาม เมื่อน้ำฝนตกลงมาที่ตัว ขนของมันจึงเหนียวติดกันเป็นกระจุกๆ ที่อุ้งเท้า ผิวหนังและขน ต่างก็เปื้อนไปด้วยน้ำโคลน ทั้งขี้เหร่และน่าสงสาร
ดูจากสีขนและรูปลักษณ์ภายนอกแล้ว นี่น่าจะเป็นสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ ในเมืองแฟร์เวลมีสุนัขพันธุ์นี้ค่อนข้างเยอะ ซึ่งดูจากสถานที่ก็สามารถดูออกเช่นกัน เนื่องจากที่แห่งนี้เป็นถิ่นกำเนิดของสุนัขพันธุ์แลบราดอร์ สุนัขทั้งเมืองของนิวฟันด์แลนด์จึงเป็นสายพันธุ์ ‘แลบราดอร์ เมืองนิวฟันด์แลนด์’ทั้งหมด
วินนี่หยิบคุ้กกี้ออกจากในกระเป๋าที่พกมาด้วยหนึ่งชิ้นและวางไว้ที่ฝ่ามือ ลูกสุนัขจ้องมองคุกกี้อย่างปรารถนา ลิ้นสีชมพูอันเล็กเลียไปที่ปากแต่กลับไม่กล้าที่จะเดินมาข้างหน้า
เมื่อเห็นเช่นนี้วินนี่จึงเอาคุกกี้วางไว้ที่พื้น ลูกสุนัขจึงวิ่งขึ้นมาด้วยอาการสั่น จากนั้นจึงกัดคุกกี้ไว้ในปาก แต่มันกลับไม่กินเข้าไปและวิ่งโซซัดโซเซกลับเข้าไปในทุ่งหญ้าอีกครั้ง
“ทำไมมันถึงไม่กิน” วินนี่ถามขึ้น
ฉินสือโอวจึงพูดออกมา “ตามไปดูกันเถอะ”
ทั้งสองคนเดินตามหลังลูกสุนัขนั้นไป สุนัขแลบราดอร์ตัวนี้อ่อนแอมาก มันวิ่งค่อนข้างช้าและวิ่งอย่างโซซัดโซเซ ตามทางเล็กๆในทุ่งหญ้า มันมุดเข้ามุดออกอยู่ท่ามกลางวัชพืช สุดท้ายมันก็มุดเข้าไปในวัชพืชกองหนึ่ง
วัชพืชกองนี้ตอนหน้าหนาวน่าจะมีคนมาถางหญ้าและกองไว้ ลูกสุนัขจึงขุดทำเป็นโพรงหญ้าเพื่อที่จะทำเป็นบ้าน ปกติแล้วด้านในนี้อาจจะยังค่อนข้างอุ่น แต่ตอนนี้ฝนได้ตกลงมาแล้ว ทำให้โพรงหญ้าวัชพืชนี้อาจจะบังลมฝนไว้ไม่อยู่อีก บ้านสุนัขจึงได้เปียกโชกไปหมด
ในตอนนี้ลูกสุนัขที่อยู่ในโพรงหญ้ายังมีอีกหนึ่งตัว ลูกสุนัขตัวนี้ดูแล้วตัวเล็กและอ่อนแอกว่าลูกสุนัขที่วิ่งออกไปก่อนหน้านี้ มันนอนหมอบอยู่ในโพรงหญ้าเหมือนกำลังจะตาย เม็ดฝนที่หนาวเย็นกระทบลงไปที่ตัวของมัน ทำให้มันสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา ดูแล้วน่าสงสารเป็นอย่างมาก
หลังจากลูกสุนัขตัวที่ใหญ่กว่ามุดเข้าไปในโพรงหญ้าแล้ว ก็ได้เอาคุกกี้ที่คาบอยู่ในปากไปวางไว้ตรงหน้าของลูกสุนัขตัวเล็กอีกตัว มันใช้อุ้งเท้าเขี่ยออกไป ลูกสุนัขตัวที่เล็กกว่าก็ร้องเสียง ฮือฮือ ออกมาเบาๆ เมื่อลืมตามาและเห็นเพื่อนอยู่ตรงหน้ามันจึงปืนขึ้นมาคว้าจับไว้ทั้งสี่ขา แต่สุดท้ายพอปืนขึ้นไปมันก็หล่นลงมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นภาพนี้เบ้าตาของวินนี่ก็แดงขึ้นมา เธอพูดออกมาอย่างตื้นตันใจเล็กน้อย “มิน่าล่ะ มันไม่ยอมกินคุกกี้ เมื่อกี้มันต้องออกไปหาอาหารให้เพื่อนแน่เลย ใช่ไหม?”
ก่อนหน้านี้ที่บ้านของฉินสือโอวได้เลี้ยงหมามาตลอด จนกระทั่งหมาตัวนั้นที่เขาเลี้ยงมาได้สี่ห้าปีได้ถูกคนจับไปในปีที่เขาจบปริญญาพอดี หลังจากนั้นเขาจึงเสียใจมากและบ้านของเขาจึงไม่เลี้ยงหมาอีกเลย ดังนั้นเขาจึงเข้าใจสภาพการณ์ของสุนัขบ้างเล็กน้อย
เพียงแค่มองก็ดูออกว่าสุนัขทั้งสองตัวนั้นได้ป่วยไปแล้วโดยเฉพาะลูกสุนัขตัวเล็กที่ป่วยจนใกล้จะตายแล้ว
เห็นได้ชัดว่าเจ้าสุนัขตัวที่ใหญ่กว่าไม่ได้คิดเช่นนั้น มันหมอบลงไปบนตัวเพื่อนและส่งเสียงร้อง ฮือฮือ มันแลบลิ้นออกไปและออกแรงเลียไปที่ขนของเพื่อน เหมือนกับอยากที่จะส่งผ่านความร้อนออกไปด้วยวิธีนี้
วินนี่สะเทือนใจมากยิ่งขึ้น เธอเงยหน้าขึ้นมองฉินสือโอว ฉินสือโอวเข้าใจในความหมายที่เธอจะสื่อ เขาจึงพูดออกมา “ผมจะเอาพวกมันกลับไปแล้วดูว่าสามารถรักษาได้ไหม พอดีเลย ที่ฟาร์มปลาก็ยังไม่มีสุนัขไว้เฝ้าประตู”
แลบราดอร์เป็นสายพันธุ์สุนัขที่ดีพันธุ์หนึ่ง พวกมันมีนิสัยเฉพาะตัวที่อ่อนโยน ปราดเปรียวร่าเริง ไอคิวสูงและเป็นมิตรกับคนมาก แต่ที่นิวฟันด์แลนด์หมาพันธุ์นี้เป็นผู้ช่วยที่ดีของชาวประมงเวลาลากแหขึ้นมายังฝั่ง
ต่อมาหมาพันธุ์นี้ได้กระจายไปทั่วโลก พวกมันจึงมีตัวตนที่หลากหลายและมีความสามารถที่แต่งต่างกันไปอาทิเช่นเป็นสุนัขหาของ สุนัขล่าเหยื่อ สุนัขนำทางและสุนัขดมกลิ่น และแน่นอนพวกมันยังเป็นสุนัขสหายที่พบเห็นได้บ่อย
วินนี่ลองหยั่งเชิงเดินขึ้นไป สุนัขทั้งสองตัวคุ้นเคยกับคนมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสุนัขเร่ร่อน แต่ว่าไม่มีความก้าวร้าวแม้แต่นิดเดียว เมื่อวินนี่ยื่นมือออกไป สุนัขที่ตัวใหญ่กว่าก็ได้แลบลิ้นสีชมพูอันอ่อนนุ่มมาเลียที่ฝ่ามือของเธอและสุนัขตัวเล็กอีกตัวหนึ่งก็พยายามดิ้นรนอยากที่จะเข้ามาใกล้เธอ
ว่ากันว่าผู้หญิงจะมีจิตใจที่เต็มไปด้วยสัญชาตญาณความเป็นแม่โดยกำเนิด เพียงแค่ดูฉากในละครหรือภาพยนตร์อารมณ์ก็สามารถพรั่งพรูออกมาได้ สัญชาตญาณความเป็นแม่ของวินนี่ในตอนนี้เหมือนกับน้ำหลากที่ไหลซัดมาทำลายความมีเหตุผลของเธอ เธอรับรู้ถึงลิ้นอันอ่อนนุ่มสีชมพูของลูกสุนัขและมองไปที่แววตาอันเฝ้าปรารถนาที่จะพึ่งพิงของพวกมัน ทันใดนั้นบนใบหน้าของเธอก็มีหยดน้ำตาไหลออกมา
เมื่ออุ้มสุนัขทั้งสองตัวขึ้นมาแล้วทั้งสองคนจึงเดินกลับ ระหว่างทางวินนี่ได้เอ่ยถามฉินสือโอวว่าที่นี่มีสัตวแพทย์หรือไม่ ฉินสือโอวจึงต่อสายโทรศัพท์ไปถามชาร์ค ผลก็คือที่เมืองแฟร์เวลไม่มีสัตวแพทย์ หากต้องการพบสัตวแพทย์ต้องไปที่เซนต์จอห์น
แต่เห็นได้ชัดว่าตอนนี้ไม่เหมาะที่จะไปเซนต์จอห์น ลูกสุนัขที่ป่วยอยู่แทบจะตายอยู่แล้ว ถ้าหากต้องนั่งรถนั่งเรือไปกลับอีก เดาว่ามันอาจจะตายได้
“แล้วจะทำยังไงดีล่ะ?” วินนี่เศร้าซึมออกมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงแม้ว่าเธอจะมีทักษะความรู้ในการรักษาพยาบาลฉุกเฉินแต่ความรู้ทั้งหมดนั้นเป็นความรู้ที่ใช้กับคน ซึ่งเธอได้จากการอบรมและฝึกฝนการเป็นแอร์โฮสเตส สำหรับอาการป่วยของลูกสุนัขนั้น เธอหมดซึ่งหนทางที่จะรักษา
........................................................................