ตอนที่ 4 ลดน้ำหนัก
เด็กน้อยทั้งสามกระโดดลงพื้นอย่างว่าง่าย ดวงตาแวววับน่ารักน่าเอ็นดู ดูก็รู้ว่าเป็นเด็กไม่มีพิษภัย
“พวกเจ้ามีชื่อว่าอะไรกันบ้าง” ซูเสียวเสี่ยวเอ่ยถาม
เด็กน้อยทั้งสามพลันอ้อมไปอยู่ด้านหลังซูเอ้อร์โก่ว หลบหน้าอย่างเขินๆ ราวกับเป็นต้นไมยราบสามพุ่ม
ท่าทางเขินอายของพวกเขา ทำให้ใจของซูเสียวเสี่ยวอ่อนยวบไปหมด
“พวกเด็กๆ ร้องไห้กันหรือไม่” ซูเสียวเสี่ยวเอ่ยถาม
ซูเอ้อร์โก่วกล่าว “ไม่เลย เป็นเด็กดีมาก”
ซูเสียวเสี่ยวมองไปยังด้านหลังซูเอ้อร์โก่วก็พบว่าเด็กน้อยสามคนกำลังแอบมองนางอยู่ เมื่อถูกนางจับได้ เด็กๆ จึงหลบเข้าไปอีกครั้ง
“แต่เป็นเด็กไม่ชอบพูดจา” ซูเอ้อร์โก่วกล่าว
ซูเฉิงทยอยหยิบสิ่งที่ซื้อจากในตัวเมืองออกมาจากตะกร้าและวางบนโต๊ะ
เด็กน้อยสามคนพากันเดินเข้ามาและเขย่งเท้าน้อยๆ พร้อมกับชะโงกหน้าออกไปดูสิ่งที่อยู่ในตะกร้า
“หาสิ่งนี้อยู่ใช่หรือไม่” ซูเฉิงเปิดของสิ่งหนึ่งบนโต๊ะที่ห่อด้วยใบไผ่ ด้านในคือถังหูลู่สามไม้ที่ถูกกินไปแล้วครึ่งหนึ่งระหว่างทาง
ถังหูลู่มีราคาแพงมาก ซูเฉิงเป็นคนที่ใจกว้างกับลูกสาวคนเดียวเท่านั้นแต่ขี้งกกับทุกคน เดิมทีเขาไม่ได้อยากซื้อมันเลย แต่ใครเล่าจะรู้ว่าคลาดสายตาแวบเดียว เด็กน้อยสามคนก็กัดกินไปแล้ว…
ซูเฉิงรู้สึกปวดเนื้อตัวมาตลอดทาง
เด็กน้อยสามคนถือถังหูลู่แล้ววิ่งไปหาพ่อของพวกเขาในห้อง
ไม่มีใครรู้เลยว่าเด็กน้อยสามคนที่เพิ่งเข้าไปในห้องไม่นานจะพากันวิ่งกลับมาด้วยหน้าตาตื่นตระหนกตกใจ
...
เว่ยถิงตกกระแทกพื้นค่อนข้างรุนแรง แม้แต่บุตรชายแท้ๆ ก็ยังจำเขาไม่ได้
ซูเฉิงกับซูเอ้อร์โก่วที่เข้าไปดูก็รู้สึกตกใจไม่ต่างกัน
ลูกเขย(พี่เขย)ที่จับตัวกลับมานั้นอยู่ที่ใด
ไม่ได้พบหน้าเพียงวันเดียว เหตุใดถึงกลายเป็นหัวหมูไปแล้วเล่า
ซูเสียวเสี่ยวสองมือกอดอกพิงกรอบประตูพร้อมเอ่ยเสียงเรียบ “นี่คือชายหนุ่มที่พวกท่านบอกว่ารูปงามกว่าเหอถงเซิงร้อยเท่างั้นรึ”
ซูเฉิงกระแอมคอให้โล่ง “ลูกรัก เจ้าต้องเชื่อพ่อนะ เขาเป็นหนุ่มรูปงามจริงๆ”
ซูเอ้อร์โก่วเกิดความคิดประหลาดขึ้นมา “พี่ พี่ทุบตีเขารึ”
ซูเสียวเสี่ยว “…”
“เขาล้มลงเอง”
นางจะทุบตีเขาไปทำไมกัน ช่างเป็นน้องแท้ๆ ของข้าเสียจริง
ในเมื่อเกิดจากการล้ม ถ้าอาการดีขึ้นก็คงไม่เป็นอะไรแล้ว ซูเฉิงถึงรู้สึกโล่งอก จากนั้นจึงบอกให้เอ้อร์โก่วจื่อไปปลอบใจเด็กสามคนที่ตกใจจนตัวสั่น ส่วนเขาพาบุตรสาวเดินมายังห้องโถง
เขาชี้นิ้วไปที่กล่องของหวานบนโต๊ะพร้อมกล่าว “พ่อซื้อขนมกุ้ยฮวาที่เจ้าชอบกินมาให้ เป็นของร้านจิ่นจี้เชียวนะ”
ของหวานร้านจิ่นจี้นั้นราคาไม่ถูก กล่องเล็กๆ เพียงกล่องนี้ก็ราคาเกือบหนึ่งถึงสองตำลึง แต่วัตถุดิบอาหารหนึ่งชั่ง[footnoteRef:1]ราคาสามถึงห้าเงินเหวินเท่านั้น [1: 1 ชั่ง หนักประมาณครึ่งกิโลกรัม]
“เงินตำลึงของครอบครัวใช้หมดแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
หากว่านางจำไม่ผิด พ่อซูถึงกระทั่งนำเงินทำโลงศพของตัวเองยกให้กับเหอถงเซิงไปแล้ว
ซูเฉิงหัวเราะและกล่าวว่า “นี่เงินขวัญถุงน่ะ”
ซูเสียวเสี่ยวกล่าวงึมงำ “เงินขวัญถุงอะไรมากมายเพียงนี้เจ้าคะ”
นางย่อมไม่รู้ว่าซูเฉิงปล้นเงินขวัญถุงสามส่วนมา
ในกล่องมีขนมกุ้ยฮวาทั้งหมดหกชิ้น ดูก็รู้ทันทีว่าไม่มีส่วนของซูเฉิงกับซูเอ้อร์โก่ว
“ยังไม่ได้กินข้าวใช่หรือไม่เจ้าคะ” นางเอ่ยถาม
ซูเฉิงเองก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนออกไปข้างนอกมาทั้งวันแล้ว “เจ้าคงหิวแย่แล้วใช่ไหม เดี๋ยวพ่อไปทำกับข้าวให้นะ”
“ไม่เป็นไร ข้าทำแล้วเจ้าค่ะ” ซูเสียวเสี่ยวกลับหลังหันเดินไปยังห้องครัว ยกซุปมันเทศกับแป้งห่อไส้กุยช่ายกลับมา เมื่อเห็นซูเอ้อร์โก่วที่กำลังหยอกเล่นอยู่กับเด็กน้อยสามคนจึงขานเรียก “เอ้อร์โก่ว มากินข้าวได้แล้ว”
“ขอรับ มาแล้ว”
ซูเอ้อร์โก่วพาเด็กน้อยสามคนเข้ามาด้านในและนั่งลงกินข้าว
เขามองซุปมันเทศกับแป้งห่อไส้กุยช่ายที่หน้าตาน่าทานบนโต๊ะอาหารแล้วเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ท่านพ่อเป็นคนทำหรือ”
ซูเฉิงตอบ “พี่เจ้าเป็นคนทำ”
สีหน้าของซูเอ้อร์โก่วเปลี่ยนไปราวกับเห็นผี “จริงรึ พี่ข้า…”
พูดยังไม่ทันจบประโยค ซูเสียวเสี่ยวก็เปิดกล่องขนมกุ้ยฮวาออกมาแล้วกล่าว “ขนมเหล่านี้พวกท่านก็กินด้วยกันนะเจ้าคะ ต่อจากนี้ไป ข้าจะลดน้ำหนัก จะไม่กินของหวานพวกนี้แล้ว”
พอสิ้นประโยคราวกับเพียงต้องการแสดงความมุ่งมั่นของตน นางเดินเข้าห้องตัวเองโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
ใช้เวลานานมากกว่าซูเอ้อร์โก่วจะได้สติ เขาเอ่ยถามอย่างงุนงง “ท่านพ่อ พี่เขา…สมองของนางพิการไปแล้วหรือ"
ซูเฉิงฟาดกะโหลกบุตรชายหนึ่งที “สมองเจ้าสิพิการ!”
ซูเอ้อร์โก่วลูบกะโหลกที่ถูกตบจนชาพร้อมกล่าวงึมงำ “ถ้าเช่นนั้นแล้วเกิดสิ่งใดขึ้น”
ปฏิกิริยาของบุตรสาวในวันนี้ผิดปกติจริงๆ แต่ซูเฉิงไม่ได้คิดมากไปกว่านั้น เขาเพียงรู้สึกว่าบุตรสาวถูกเหอถงเซิงปฏิเสธงานแต่งงาน นางคงได้รับผลกระทบมากเกินไปจนอารมณ์เกิดการเปลี่ยนแปลง
ซูเอ้อร์โก่วคีบแป้งห่อไส้กุยช่ายขึ้นอย่างสงสัย “ของที่พี่ทำ กินเข้าไปได้จริงๆ ใช่ไหมขอรับ”
วินาทีต่อมา เขาเหมือนถูกตบหน้าดังเพียะๆ
ของที่พี่สาวเขาทำ มันช่าง ช่างอร่อยเหลือเกิน
...
เรือนตระกูลซูมีทั้งหมดสี่ห้อง ห้องทิศตะวันออกสองห้อง ห้องทิศตะวันตกสองห้อง ห้องทางตะวันออกฝั่งทิศใต้เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุด แสงดีที่สุดจึงถูกนำมาทำเป็นห้องหอให้ซูเสียวเสี่ยว
ส่วนเว่ยถิงอยู่รักษาอาการบาดเจ็บที่ห้องทิศตะวันออกอีกห้องหนึ่ง
ห้องของซูเฉิงกับซูเอ้อร์โก่วอยู่ฝั่งทิศตะวันตกคนละห้อง ส่วนเด็กน้อยสามคนพักอยู่ในห้องซูเอ้อร์โก่ว
พอตกดึก คนทั้งเรือนก็พากันเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
ซูเสียวเสี่ยวกลับแอบลุกขึ้นมา
นางหยิบกระเป๋าปฐมพยาบาลออกจากผ้าห่ม และตรวจดูยาที่นางเป็นคนใส่เข้าไป ไม่มีขาดเลยสักชิ้น
เป็นอย่างนี้ได้อย่างไร
กระเป๋าปฐมพยาบาลก็ข้าภพมาด้วยหรือ
นางคิดไม่ออกจริงๆ นี่เป็นวิทยาศาสตร์หรือไสยศาสตร์กันแน่
“ช่างมันเถอะ ช่วยคนสำคัญกว่า”
ซูเสียวเสี่ยวจึงหยิบกระเป๋าปฐมพยาบาลกับตะเกียงน้ำมันไปยังห้องเว่ยถิง
นางปิดประตูห้อง หมุนไส้ตะเกียงจนสว่างสุด แต่ก็ยังสว่างไม่พอ นางจึงหยิบตะเกียงไฟห้องอื่นๆ มาเพิ่ม
เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ บาดแผลของเว่ยถิงแย่ลงกว่าเดิม อาการสาหัสมาก
ซูเสียวเสี่ยวไม่รีรออีกต่อไป นางเริ่มปลดเสื้อเขาออก
ถึงแม้จะเคยเห็นแล้วครั้งหนึ่ง แต่พอได้เห็นอีกครั้งมันก็อดทอดถอนใจไม่ได้…รูปร่างของชายผู้นี้ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
กล้ามเนื้อเป็นมัด สัดส่วนชัดเจน ส่วนแขนกับหน้าอกก็แน่นกระชับ และไม่ได้มีมากเกินไป แม้แต่รอยแผลที่กระดำกระด่างและซ้อนทับขัดกันก็ดูเหมือนจะกำลังแผ่พลังจากความเสียหายจากการต่อสู้ออกมา
ซูเสียวเสี่ยวใช้น้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดบาดแผล แผลตรงหน้าท้องกับน่องจำเป็นต้องเย็บปิด
ขณะนั้น เว่ยถิงที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาที่บวมเป่งขึ้นมาช้าๆ
“เจ้าได้ยินเสียงข้าพูดหรือไม่” ซูเสียวเสี่ยวเอ่ยถามเสียงเบา
สติสัมปชัญญะของเว่ยถิงพร่ามัวไปหมด
ซูเสียวเสี่ยวเอ่ยต่อ “ข้าจะเย็บแผลให้ เจ้าอย่าขยับนะ”
ไม่รู้ว่าเขาเข้าใจหรือไม่ ถึงกระนั้น สภาพของเขาในเวลานี้ก็ขยับไม่ได้แล้ว
ซูเสียวเสี่ยวให้ยาชาเฉพาะที่แก่เขา พอเย็บปิดแผลเสร็จเรียบร้อยก็พันด้วยผ้าก๊อซ ตลอดกระบวนการรักษานี้ นางสัมผัสได้ว่าเว่ยถิงพยายามครองสติของตนเองไว้
นางหยิบยาแก้อักเสบออกมาสองเม็ดให้เว่ยถิงกิน
ถึงตอนนี้ เว่ยถิงฝืนไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงหลับตาลงและนอนสลบไป
เขาหลับแล้ว แต่ซูเสียวเสี่ยวยังต้องทำอะไรอีกมากมาย
ซูเสียวเสี่ยวจัดการใส่ยาทุกจุดที่มีบาดแผลเล็กใหญ่ แล้วตรวจชีพจรอย่างถี่ถ้วนหลายครั้ง เมื่อตรวจดูตำแหน่งที่บาดเจ็บแล้วก็ขจัดความน่าจะเป็นของอาการเลือดออกในอวัยวะภายในไปได้ คงเป็นเพียงอาการห้อเลือดเล็กน้อย
อาการเช่นนี้ขอเพียงไม่แย่ลงกว่าเดิมก็สามารถรักษาให้หายได้ด้วยยา
…
วันถัดมา ซูเสียวเสี่ยวพยายามตื่นแต่เช้า
เมื่อคืนที่นางลั่นวาจาไว้ว่าจะลดน้ำหนักนั้นคือความจริง และนางได้วางแผนลดน้ำหนักไว้ในใจแล้ว
ขั้นแรก นางต้องเลิกนิสัยชอบกินแต่ขี้เกียจขยับ ต้องทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว
ดูจากน้ำหนักในปัจจุบัน นางยังไม่เหมาะกับการออกกำลังกายอย่างหนักบนพื้นดิน จะทำให้เกิดการบาดเจ็บที่หัวเข่า แต่สามารถเริ่มได้จากการทำงานบ้านง่ายๆ ก่อน
นางเดินไปยังห้องครัวและเริ่มจุดไฟ
เมื่อคืนทำซุปมันเทศ วันนี้นางจะเปลี่ยนมาทำแป้งมันเทศ
ก่อนอื่นผสมแป้งข้าวโพดก่อน นำมันเทศมาหั่นเต๋า มันเทศมีรสหวานอยู่ในตัว ในแป้งข้าวโพดจึงใส่เกลือในปริมาณพอเหมาะก็พอแล้ว
นำมันเทศห่อกับต้นหอมที่ผสมแป้งข้าวโพดไว้เรียบร้อยแล้วทอดลงในน้ำมัน กลิ่นหอมลอยอบอวลไปทั่ว
นางยังนำไปนึ่งอีกหลายชิ้น
นางกับเว่ยถิงจะกินแบบนึ่ง