ตอนที่ 34 : แผนการกำจัด

ฉินฟงกระโจนเข้าหาร่างไร้วิญญาณของฉินหมิงหยวนด้วยน้ำตาไหลนอง มันพยายามเขย่าร่างไร้วิญญาณอย่างสิ้นหวัง "หยวนเอ๋อร์! หยวนเอ๋อร์!"

เสียงกรีดร้องอันบ้าคลั่งของฉินฟงกระจัดกระจายไปทั่วอาณาเขตตระกูลฉิน ทันใดนั้นสายตาเกรี้ยวกราดของมันจ้องเขม็งไปยังไป๋เฉินด้วยเจตนาฆ่า "ไป๋เฉิน! นี่ต้องเป็นฝีมือของเจ้า!" 

ความไร้ซึ่งเหตุผลทำให้ฉินฟงเลือดขึ้นหน้า มันเปล่งเสียงคำรามพุ่งทะยานด้วยความเร็วดุจสายฟ้าโดยไม่สนใจผู้ใด กรงเล็บพลังปราณของมันพยายามขย้ำไปที่ศีรษะของไป๋เฉินอย่างอาฆาตแค้น!

เพราะในชีวิตของฉินหมิงหยวนไม่เคยมีผู้ใดกล้าหือรือกับมันอันเนื่องมาจากอำนาจของตระกูลฉินที่คุ้มกะลาหัวอยู่ นอกเสียจากไป๋เฉินเท่านั้นที่มันพยายามทำตัวเป็นปฏิปักษ์มาโดยตลอด 

"ตาย!"

สมาชิกตระกูลฉินกลับแสดงสีหน้าซีดเผือด แม้แต่ฉินเยว่ฉานเองก็เบิกตากว้างอย่างตื่นตระหนก

แต่ทว่าไป๋เฉินในระยะไกลกลับยืนนิ่งเฉยด้วยสีหน้าสงบไร้ซึ่งความกลัว

สายลมเบาๆพัดผ่านจู่ๆร่างของฉินเหยียนพลันปรากฏขึ้นปิดกั้นเส้นทางในชั่วพริบตา พลางอัดฝ่ามือพลังปราณผลักไสฉินฟงจนกระเด็นไปเกือบจะสิบเมตร

"ปัง!" 

ฉินฟงที่ไม่ทันระวังตัวก็ถูกส่งกระเด็นถอยร่นออกไปเกือบสิบก้าว พร้อมทั้งกระทืบเท้าย่ำอยู่กับที่เพื่อคงความสมดุลไว้

มันเงยหน้าขึ้นมาเผยให้เห็นสายตาเย็นยะเยือก "ท่านผู้นำ ท่านกำลังปกป้องฆาตกรที่สังหารบุตรชายของข้างั้นหรือ?" 

"ฆาตกรงั้นรึ!? ฉินฟง! มาดูกันว่าบุตรบุญธรรมของเจ้าได้ทำอะไรลงไปจนมันจำต้องถูกแขวนประจานให้อับอายเช่นนี้!" เมื่อกล่าวจบฉินเหยียนคลี่ม้วนกระดาษออกมาพร้อมทั้งอ่านเนื้อหาเสียงดังฟังชัด แม้แต่บุคคลกว่าร้อยคนที่รายล้อมภายนอกก็ต้องตกตะลึงกับเนื้อหาภายใน

"ฉินหมิงหยวนพยายามกดขี่ตระกูลข้าราชบริพารของตระกูลฉินที่มีธุรกิจค้าขายร่วมกันผ่านทางค่าคุ้มครองเป็นสื่อกลางโดยใช้อำนาจและชื่อเสียงของตระกูลฉินในทางที่มิชอบ

"ซ้ำยังลักพาตัวหญิงสาวงดงามจากตระกูลข้าราชบริพารต่างๆเพื่อกระทำการย่ำยีขืนใจโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม หลังจากนั้นมันได้ขายหญิงสาวที่มันเล่นจนสาแก่ใจให้แก่ซ่องบุปผาหากหญิงสาวผู้นั้นเป็นตระกูลอันต่ำต้อย และแม้แต่เจ้าเฒ่าฉินฟงก็ยังลิ้มลองหญิงสาวต่อจากมันอีกด้วย ฮี่ฮี่ฮี่ฮี่ ช่างเป็นตระกูลฉินที่มีอำนาจล้นฟ้าอะไรเยี่ยงนี้!"

"โดยส่วนใหญ่แล้วมันจะให้ลูกสมุนของมันไปลักลอบขโมยค่าคุ้มครองก่อนการเก็บค่าคุ้มครองประจำเดือนหรือประจำปี เพื่อให้ตระกูลข้าราชบริพารหวาดกลัวและยอมทำตามทุกสิ่งอย่าง แม้แต่การส่งบุตรสาวของพวกเขาเพื่อเอาอกเอาใจฉินหมิงหยวนและเลื่อนการเก็บค่าคุ้มครองออกไป"

"แต่หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วทั้งหมดนี้คือแผนการของฉินหมิงหยวนที่อยากจะย่ำยีหญิงสาวที่มันหมายปอง และแน่นอนว่าด้วยอำนาจของตระกูลฉิน ตระกูลข้าราชบริพารมีสิทธิ์จะร้องเรียนอันใดได้บ้าง? ในเมื่อฉินหมิงหยวนได้ปิดกั้นเส้นทางการสนทนาให้ไปที่มันแต่เพียงผู้เดียว เพราะนั่นคือหน้าที่ของมันภายในตระกูลฉินที่ได้รับการมอบหมายโดยตรงจากฉินฟงและผู้อาวุโสอีกสองคน"

"และข้อมูลเกี่ยวกับหญิงสาวที่เป็นผู้เสียหายเกี่ยวกับเรื่องนี้คือตระกูลเสิ่นถู ตระกูลอวี้ ตระกูลเยี่ยน ตระกูลหลัว ตระกูลหลี่ ฯลฯ ยังมีหญิงสาวอีกมากมายที่มันทุบตีจนตายหลังจากขืนใจเพราะอารมณ์ของมันเอง หากจะลองสืบสาวราวเรื่องเกี่ยวกับการหายตัวไปของหญิงสาวพวกนั้น เจ้าจะรับรู้ได้ว่าเหตุการณ์และเวลาจะเกิดขึ้นหลังจากที่ฉินหมิงหยวนได้เก็บค่าคุ้มครองจากตระกูลนั้นๆ"

"และผู้สมรู้ร่วมคิดคือสมุนของฉินหมิงหยวนนามว่าจางต้าหนิว จางเอ้อร์หนิวและรวมถึงพ่อบ้านในตระกูลฉินที่มีนามว่าหลงคุน!"

"หากคิดว่าข้ากุเรื่องหรือสร้างข้อมูลเท็จขึ้นมา เจ้าสามารถสอบสวนให้ลึกลงไปได้ ข้าเชื่อว่าหน่วยข่าวกรองของตระกูลฉินมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง แต่ข้าขอเพียงแค่ประการเดียวคือการให้ความคุ้มครองกับตระกูลที่ถูกกดขี่ย่ำยีให้ได้รับความปลอดภัยสูงสุดหลังจากที่เจ้าได้อ่านข้อความนี้"

"และสุดท้ายนี้เจ้าจงอ่านม้วนกระดาษให้แก่สาธารณะชนได้รับฟังเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าผู้นำตระกูลฉินไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของฉินหมิงหยวนในครั้งนี้"

"แต่หากเจ้าไม่อ่านมันชื่อเสียงของตระกูลฉินของเจ้าก็จะเริ่มเสื่อมถอยจากตระกูลข้าราชบริพารที่จงเกลียดจงชังฉินหมิงหยวนในการกระทำเช่นนี้ และอาจจะลามไปถึงขั้นที่ว่าก่อความเกลียดชังต่อตระกูลฉินที่กดขี่ข่มขู่โดยการกระทำอันมิได้ผ่านการยอมรับจากผู้นำตระกูลฉิน"

"และหากเจ้าไม่แก้ปัญหาเสียตอนนี้ หลังจากนี้อีกไม่กี่ปี ตระกูลข้าราชบริพารอาจจะลุกฮือขึ้นมาล้มล้างการปกครองของตระกูลฉินในเมืองเทียนหยุนก็เป็นได้"

"เจ้าอย่าลืมว่าแม้นว่าเจ้าจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่ง แต่หากตระกูลอันดับที่สองถึงลำดับที่เก้ารวมตัวกัน เจ้าคิดว่าตระกูลฉินของเจ้าจะสามารถอยู่รอดปลอดภัยได้หรือไม่?"

"ฉินเหยียน ข้าขอเตือนเจ้าด้วยความหวังดี เจ้าควรจะจัดการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ปรากฏจะเป็นสิ่งที่แม้แต่เจ้าก็มิอาจจะจินตนาการได้"

"เพราะทุกอย่างนี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติต่อตระกูลฉินในภายภาคหน้าทั้งปวง..."

ในระหว่างกล่าวจะได้ยินเสียงกัดฟันกรอดจนกรามแทบแตกของฉินเหยียนอยู่ตลอดเวลา นัยน์ตาของเขาเป็นสีแดงก่ำจากความโกรธเกรี้ยวและเจตนาฆ่า!

ฝูงชนโดยรอบที่ได้ยินกลับมิได้จ้องมองใบหน้าของฉินเหยียนแม้แต่น้อย แต่พวกเขาทั้งหมดกลับมองไปยังฉินฟงที่ซึ่งเป็นบิดาของมันด้วยความรังเกียจขยะแขยง 

และมีคำอธิบายเกี่ยวกับฉินฟงที่ย่ำยีหญิงสาวต่อจากบุตรชายของมันเอง นั่นเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าฉินฟงมีส่วนร่วมกับสิ่งที่ฉินหมิงหยวนได้กระทำลงไป!

บางส่วนที่ยืนรออยู่ด้านนอกต่างก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความปิติยินดี พวกเขาเหล่านั้นก้มหน้าหมอบกราบให้แก่ม้วนกระดาษราวกับสิ่งนั้นเป็นประกาศิตจากพระเจ้าด้วยน้ำตาที่ไหลนองอาบพื้น

เสียงสะอื้นพวกนั้นคือกลุ่มคนที่เป็นคนในครอบครัวของหญิงสาวที่อยู่ในรายชื่อของม้วนกระดาษทั้งสิ้น

"ในที่สุด...สวรรค์ก็มีตา เจวียนเอ๋อร์ของพวกเรามิได้ตายไปโดยเปล่าประโยชน์"

"ข้าตั้งหน้าตั้งตารอมาเนิ่นนาน ตระกูลฉินที่พวกเรามิอาจจะร้องเรียนใดๆได้ แต่วันนี้สวรรค์ได้ส่งพระเจ้ามาเพื่อมอบความยุติธรรมให้แก่หนวนเอ๋อร์ของข้าแล้ว"

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ช่างดีจริงๆที่ข้ามิได้ฆ่าตัวตายเสียในตอนนั้น มิเช่นนั้นข้าคงจะไม่มีความสุขถึงเพียงนี้...ที่รัก เจ้าเห็นหรือไม่ว่ามารร้ายได้ถูกกำจัดลงไปแล้ว! พระเจ้าได้กำจัดความชั่วร้ายให้สิ้นซากไปแล้ว ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!"

"ขอบคุณพระเจ้า! ขอบคุณพระเจ้า! ในที่สุดหลานสาวที่น่าสงสารของข้าจะได้พักผ่อนอย่างสงบเสียที"

"กรรมดีกรรมชั่วได้รับการคืนสนอง หากไม่ใช่ยามนั้นเพราะยังไม่ถึงเวลา แต่บัดนี้เวลานั้นที่ข้ารอคอยได้มาถึงเสียที"

ถนนยาวทั้งสายเริ่มเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ครวญครางสะอึกสะอื้น ดังก้องไปไกลในระยะรอบๆอาณาบริเวณของตระกูลฉิน และไม่มีผู้ใดสนใจว่าฉินฟงจะรู้สึกเช่นไร พวกเขาเพียงแค่ระบายความอัดอั้นตันใจออกมาจนถึงขีดสุด

เพราะต่อให้จะถูกโทษทัณฑ์ถึงขั้นประหารชีวิตจากตระกูลในข้อหาดูหมิ่นก็ไม่เสียใจ เพราะที่พวกเขายังคงใช้ชีวิตจนถึงบัดนี้ก็เพื่อรอดูวันที่ฉินหมิงหยวนได้ตกตายไปต่อหน้าต่อตา

และหนึ่งในนั้นคืออวี้ปิงลั่วในอาภรณ์สีบานเย็นที่กำลังกัดฟันและปาดน้ำตามองไปยังซากศพของฉินหมิงหยวนด้วยแววตาสะใจ

แน่นอนว่าฝูงชนที่ได้รับความเสียหายจากฉินหมิงหยวนได้ยกให้ไป๋เฉินเปรียบดั่งพระเจ้าของพวกเขาเสียด้วยซ้ำ

ขณะที่ฝูงชนบางส่วนพูดในขณะร่ำไห้ ฉินเหยียนมิอาจระงับอารมณ์ที่ปั่นป่วนของเขาและเกือบจะร่ำไห้ออกมาเฉกเช่นเดียวกัน

เขารู้สึกว่ามีบางอย่างกระเพื่อมและพลุ่งพล่านในอก พลันเงยหน้าขึ้นและไม่พูดเป็นเวลานานอันเนื่องมาจากความรู้สึกผิดในฐานะผู้นำตระกูลเอง

เขาจ้องมองไปยังฉินฟงที่มีสีหน้าซีดขาวราวกับไก่ต้มก่อนจะคำรามใส่หน้าด้วยความโกรธ "ฉินฟง! ผู้ใดกันแน่ที่พยายามทำลายตระกูลฉินด้วยการกระทำชั่วช้าของมัน!"

"เจ้าก็แค่ต้องการจะกำจัดไป๋เฉินเพราะไม่มีที่จะระบายอารมณ์มันก็แค่นั้น! เจ้าบอกข้าอีกทีว่าผู้ใดกันแน่ที่เป็นฆาตกรตัวจริง!" ฉินเหยียนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง 

การแสดงสีหน้าฉินฟงแปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวโดยที่มิได้โต้แย้งทำได้เพียงกัดฟันกลืนความโกรธและความเกลียดชังลงไป ก่อนจะก้มหน้าลงราวกับกำลังรู้สึกผิด

"ผู้อาวุโสทุกท่านไปจับตัวบุคคลที่อยู่ในรายชื่อนี้มาซะ ให้มันมาคุกเข่าตรงหน้าข้าเดี๋ยวนี้!" ฉินเหยียนกัดฟันตะคอกไปยังเหล่าผู้อาวุโสด้านหลังด้วยความเด็ดขาด

หลังจากได้เห็นการตอบสนองของฝูงชน หากตนไม่ทำอะไรสักอย่าง ตระกูลฉินต่อจากนี้จะมีแต่ข้อครหาและอาจจะนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่คาดฝันได้

ฉินฟงถอยฝีเท้ากลับไปยืนนิ่งอยู่ที่มุมๆหนึ่งโดยที่มิได้ต่อล้อต่อเถียง สีหน้าของมันยังคงแสดงความมั่นใจว่ามันสามารถแก้ต่างได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวของกับการกระทำทั้งหมดของฉินหมิงหยวนเพื่อเอาตัวรอดได้ แต่ทว่าความโกรธยังคงฉาบอยู่บนใบหน้าของมันอยู่เวลา

ฉินฟงยังคงเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฉินและเป็นกองกำลังที่สำคัญ เพราะฉะนั้นฉินเหยียนจะไม่ตัดสินใจขั้นเด็ดขาดต่อฉินฟงในยามนี้ แต่แน่นอนว่าความไว้ใจของฉินเหยียนที่มีต่อฉินฟงจะค่อยๆมลายหายไป

แต่ทว่าตั้งแต่นี้วันนี้เป็นต้นไป อำนาจของฉินฟงจะถูกลดทอนลงจนมันต้องดำเนินแผนการขั้นต่อไปอย่างไม่มีทางเลือก และอาจจะถึงขั้นตัดสินใจโดยไร้การไตร่ตรองที่สุขุมอันเนื่องมาจากเพิ่งสูญเสียบุตรชายไป

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของไป๋เฉินที่กำลังพยายามชักจูงและบีบคั้นฉินฟงเพื่อให้มันไม่มีทางเลือกและจะบังเกิดผลลัพธ์ในแบบที่ตนต้องการ

และเมื่อนั้นจะเป็นวันโลกาวินาศของฉินฟงโดยสมบูรณ์