ตอนที่ 35 : บีบบังคับสังหาร

ทันใดนั้นร่างของจางต้าหนิว จางเอ้อร์หนิวและหลงคุนที่ถูกพันธนาการก็คุกเข่าไปยังทิศทางฝูงชนโดยที่มีฝูงชนทั้งหมดจ้องมองด้วยเจตนาฆ่า!

หลงคุนกำลังคุกเข่าอย่างสับสน ทันใดนั้นหางตามันทอดมองไปพบเจอกับร่างที่เหี่ยวเฉาของฉินหมิงหยวนไม่ไกล 

จู่ๆนัยน์ตาของมันเบิกกว้าง พลันฉายแววแห่งความสิ้นหวัง

ยามนี้มันตระหนักได้ว่าแผนการของมันถูกเปิดโปงจนหมดเปลือกแล้ว! เพราะทั้งสามเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือฉินหมิงหยวนทั้งสิ้น

โดยหารู้ไม่ว่าไป๋เฉินกำลังจ้องมองใบหน้าและการแสดงออกของฉินฟงด้วยรอยยิ้มลึกลับราวกับกำลังรอดูการแสดงดีๆที่กำลังจะเกิดขึ้นนับจากนี้

ฉินเหยียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆระงับอารมณ์โกรธที่กำลังพุ่งพล่าน "ต้าหนิว! เอ้อร์หนิว! หลงคุน! เจ้าเป็นบุคคลที่ลักพาตัวหญิงสาวจากตระกูลเสิ่นถู ตระกูลอวี้ ตระกูลเยี่ยน ตระกูลหลัว ตระกูลหลี่...ใช่หรือไม่!?"

ทั้งสามกลับก้มหน้าลงและมิได้กล่าวอันใด แต่การกระทำเช่นนั้นไม่ต่างจากการยอมรับความผิดไปเสียแล้ว

ฉินเหยียนระเบิดรัศมีแรงกดดันอย่างหนักหน่วง "หลงคุน มีผู้ใดเกี่ยวข้องและรับรู้เรื่องราวที่เจ้าได้กระทำลงไปบ้าง!?"

แน่นอนว่าวินาทีต่อมาหลงคุนได้หันมองไปยังฉินฟงด้วยความลังเลใจ ก่อนที่มันจะตัดสินใจกล่าวว่า "ท่านฉินฟงได้โปรดช่วยข้า-" 

"ฉัวะ!" 

"ฉัวะ!"

"ฉัวะ!"

แสงเย็นทั้งสามกระพริบด้วยการฟาดฟันดุจสายฟ้าฟาด

ทันใดนั้นศีรษะหลงคุนบินออกจากบ่า โลหิตสีแดงฉานกระฉูดย้อมไปทั่วทั้งลาน นัยน์ตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความอาฆาตและความเกลียดชังในขณะจ้องเขม็งไปยังฉินฟงที่อยู่ตรงหน้า

แม้แต่จางต้าหนิวและจางเอ้อร์หนิวก็ถูกกุดหัวในเวลาเดียวกัน สีหน้าของพวกเขากำลังฉายแสงแห่งความสับสนและความไม่เชื่อ

ก่อนที่ร่างของทั้งสามคนทรุดลงกับพื้นและไร้การตอบสนองอีกต่อไป

และแน่นอนบุคคลที่กระทำการตัดหัวคือฉินฟง มันตัดสินใจสะบั้นศีรษะทั้งสามโดยไม่มีความลังเลใจแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นมันอาจจะได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงตามมาหากปล่อยให้ทั้งสามสารภาพความจริงแก่ฉินเหยียน 

ในขณะเดียวกันมันก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอึมครึม "บุคคลที่มีความคิดเช่นนี้ไม่เหมาะสมสำหรับตระกูลฉินอันทรงเกียรติ! ในเมื่อบุตรบุญธรรมของข้าได้ก่อกรรมทำเข็ญไว้จนบังเกิดผลเสียขนาดใหญ่ต่อตระกูลฉิน เพราะฉะนั้นพวกมันที่เกี่ยวข้องจำต้องรับผิดชอบทั้งหมด!"

"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" ไป๋เฉินที่มองอยู่ไกลๆก็เปล่งเสียงหัวเราะอย่างสะใจสุดขีด

เห็นได้ชัดว่าทั้งหมดนี้คือฉากทัศน์ที่ไป๋เฉินกำลังรอดูอยู่

หากฉินฟงไม่สังหารหลงคุน หลงคุนอาจจะปริปากออกมาแก่ฉินเหยียนเพื่อความปลอดภัยในชีวิตของมัน แต่ในเมื่อหลงคุนกำลังจะกล่าว มันจึงตัดสินใจสังหารหลงคุน จางต้าหนิวและจางเอ้อร์หนิวเสียก่อนจะปริปากกล่าวสิ่งใด 

แต่ทว่าการกระทำเช่นนี้ไม่ต่างจากการขุดหลุมฝังศพตัวเอง แม้นจำต้องตกเป็นผู้ต้องสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังดีเสียกว่าปล่อยให้หลงคุนรับสารภาพจนจบ

ไป๋เฉินได้คิดค้นวิธีการเช่นนี้เพื่อให้ฉินฟงลิดรอนกองกำลังด้วยตัวของมันเอง

'น่าสนใจ ได้มาดูพรรคพวกเข่นฆ่ากันเองเช่นนี้ช่างน่าอภิรมย์เสียจริง' ไป๋เฉินเผยรอยยิ้มชั่วร้ายดุจปีศาจ

นี่คือการบีบบังคับให้สังหาร!

เมื่อเห็นภาพเช่นนั้นฉินเหยียนเหลือบมองฉินฟงด้วยแววตาเย็นชา "ฉินฟง! เจ้าจะไม่ปล่อยโอกาสให้พวกมันโต้แย้งเลยรึ!" 

"ท่านผู้นำ หลักฐานทั้งหมดก็ปรากฏให้เห็นเด่นชัด ข้าเชื่อว่าเอาเวลาที่เหลือไปเยียวยาตระกูลที่ได้รับผลกระทบเสียดีกว่า" ฉินฟงประสานมืออย่างเคารพ และพยายามแก้ตัวด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจมันแทบจะอาเจียนเลือดด้วยความเคียดแค้น

นั่นเป็นเพราะหลงคุนเป็นหนึ่งในกองกำลังสำคัญที่มีระดับการบำเพ็ญปราณสวรรค์ และเป็นมันเองที่ลงมือสังหารพรรคพวกเดียวกัน

ซ้ำแล้วจางต้าหนิวและจางเอ้อร์หนิวเป็นบุคคลที่สนิทชิดใกล้ แน่นอนว่าความผูกพันธ์ระหว่างพวกมันไม่ต่างจากพี่น้องร่วมสาบานแม้แต่น้อย

แม้นสีหน้าจะสงบจากภายนอก โดยหารู้ไม่ว่าฉินฟงพยายามกลืนเลือดที่อยู่ในลำคอมิให้พวยพุ่งออกมา และกำลังระงับความบ้าคลั่งที่กำลังก่อตัวในจิตใจ

ฉินเหยียนทำได้เพียงพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและโบกมือให้นำพวกมันทั้งสามไปทำพิธีฌาปนกิจให้เรียบร้อย

จากนั้นเขาเดินตรงไปยังหน้าประตูสูงใหญ่ ก่อนจะคุกเข่าลงต่อหน้าฝูงชนเพื่อแสดงความเสียใจ "ข้าฉินเหยียนในฐานะผู้นำตระกูลฉิน ขะ-ข้าขออภัยพวกเจ้าทุกคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ข้าให้สัญญาข้าจะคืนความยุติธรรมให้แก่พวกเจ้าที่สูญเสียคนสำคัญไป..."

ฝูงชนที่กำลังคุกเข่ารีบวิ่งไปยกร่างของฉินเหยียนขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าเมืองอย่างฉินเหยียนกลับคุกเข่าให้แก่พวกเขา "ท่านผู้นำฉิน ข้าเชื่อในความสามารถของท่าน เพราะฉะนั้นข้าจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใดๆ"

"ข้าเองก็เช่นกัน"

"ข้าก็ด้วย ขอขอบคุณผู้นำฉินที่เมตตาและให้ความยุติธรรมแก่บุตรสาวของข้าที่จากไป"

"...."

ฉินเยว่ฉานและฉินเหวินเทียนรีบเร่งช่วยพยุงของร่างฉินเหยียนขึ้นมา แต่ทว่าดวงตาของฉินเหยียนยังเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดที่หนักอึ้ง

ไป๋เฉินส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ "ผลลัพธ์เป็นเช่นนี้ก็ดีเช่นกัน หากรีบสังหารฉินฟงเสียตอนนี้ ข้าจะเซอร์ไพรส์มันในภายหลังได้อย่างไร" 

แน่นอนว่าสำหรับไป๋เฉินแล้ว ยังไม่ถึงเวลาสุกงอมในการรีบเร่งสังหารฉินฟง เพราะนอกเหนือจากสมาพันธ์นักฆ่าแล้ว ฉินฟงอาจจะมีกองกำลังซ่อนเร้นอื่นๆอยู่ที่ยังไม่เคยเปิดเผยมาก่อน

เพราะฉะนั้นจนกว่าจะได้รับข้อมูลเครือข่ายและกองกำลังของฉินฟงจนครบถ้วนสมบูรณ์ ไป๋เฉินจะไม่ลงมือบุ่มบ่ามเป็นอันขาด

"แต่ฉินเหยียนช่างเหมาะสมกับตำแหน่งของผู้นำตระกูลฉินอย่างแท้จริง การที่บุคคลระดับสูงคุกเข่าต่อหน้าตระกูลข้าราชบริพารเช่นนี้ ข้าต้องยอมรับว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการรักษาหน้าและความน่าเชื่อถือของตระกูลฉินได้เป็นอย่างดี" ไป๋เฉินบ่นพึมพำและหันหลังจากไปอย่างไม่ใส่ใจ

เนื่องจากความต้องการของเขาสิ้นสุดลงแล้ว ซ้ำยังเป็นผลลัพธ์ที่บังเกิดผลดีกว่าที่คาดไว้ ดังนั้นไม่มีเหตุผลที่จำต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป

บัดนี้แผนการขั้นแรกของไป๋เฉินสิ้นสุดลงไปได้ด้วยดี 

ฉินหมิงหยวนคือฟันเฟืองตัวแรกในแผนการที่ไป๋เฉินได้วางไว้

นั่นเป็นเพราะฉินหมิงหยวนเปรียบเสมือนโดมิโน่ตัวแรก ที่หากมันล้มลงแผนการทั้งหมดที่ฉินฟงวางไว้ก็จะล้มระเนระนาดตามมาและมิอาจดำเนินแผนการที่วางไว้ได้อีกต่อไป

เนื่องมาจากเป้าหมายสูงสุดของฉินฟงคือการทำให้ฉินหมิงหยวนได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลฉินคนต่อไป แต่เมื่อฉินหมิงหยวนตกตายไปแล้วจะเกิดสิ่งใดขึ้นเป็นลำดับต่อไป?

สำหรับการสมมติฐานแล้วมีความเป็นไปได้เพียงแค่สองประการเท่านั้น

ประการแรกยอมแพ้ตัดใจและกลับตัวเป็นคนดี แน่นอนว่าประการแรกนี้แทบจะไม่มีวันเกิดขึ้น เพราะการวางแผนของมันดำเนินการมาหลายสิบปี จะให้มันยกเลิกแผนการกลางคันได้อย่างไร?

ส่วนประการที่สองคือยังคงเดินหน้าแผนการต่อไปโดยมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เล็กน้อย

แผนการที่ปรับเปลี่ยนไปในสมมติฐานของไป๋เฉินคือการที่ฉินฟงทำให้ตัวของมันเป็นผู้นำตระกูลฉินเสียเอง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆก็ตามแต่ 

แล้วฉินฟงที่สูญเสียกองกำลังสำคัญไปถึงสี่คนจะกระทำสิ่งใดเป็นลำดับต่อไป?

นั่นคือการเปิดเผยกองกำลังซ่อนเร้นและรวบรวมพันธมิตรในมุมมืด! ที่ซึ่งอาจจะนำไปสู่การก่อกบฏครั้งใหญ่!

ทุกสิ่งอย่างที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้าจะเป็นตัวกำหนดโชคชะตาของมันเอง หากจะกล่าวได้ว่าฉินฟงกำลังวิ่งเต้นอยู่บนมือของไป๋เฉิน ไม่ว่ามันจะพยายามทำอย่างไรไป๋เฉินจะเป็นผู้ที่ชักใยให้มันเดินไปตามทางของเขาทุกประการ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับว่าสถานการณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงกลางคันหรือไม่ก็เท่านั้น

.

.

.

ในห้องโถงใหญ่ฉินเหยียนเรียกรวมพลเหล่าผู้อาวุโสทั้งหมดนอกเสียจากฉินฟงที่ยังคงตกเป็นผู้ต้องสงสัย ในครานี้เป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลให้ชื่อเสียงของตระกูลฉินถูกทำลายย่อยยับไม่มีชิ้นดี พวกเขาต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขและป้องกันภยันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นให้ทันการณ์

"ท่านผู้นำ พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป? เราควรสืบหาบุคคลที่สังหารฉินหมิงหยวนหรือไม่?" จู่ๆผู้อาวุโสลำดับที่ห้ากล่าวอย่างลังเลใจ

"ปัง!" 

ฉินเหยียนตบโต๊ะดังสนั่นด้วยสีหน้าไม่พอใจ "เจ้ากำลังคิดบ้าอะไรอยู่! แม้นว่าฉินหมิงหยวนจะตกตายไป แต่มันได้ทำระยำตำบอนไว้เป็นจำนวนมากที่ส่งผลกระทบด้านลบต่อชื่อเสียงตระกูลฉิน เจ้าพอจะตระหนักได้หรือไม่ว่าหากฉินหมิงหยวนยังมีชีวิตอยู่ต่อไปจะเกิดสิ่งใดขึ้นเป็นลำดับต่อมา?"

"แน่นอนว่าผลลัพธ์อาจจะเป็นดั่งที่ม้วนกระดาษนั้นเขียนไว้ทุกประการ! ดังนั้นจงจำไว้ว่าบุคคลที่สังหารฉินหมิงหยวนมิใช่ฆาตกร หากแต่เป็นผู้มีพระคุณของพวกเราทั้งหมดที่สามารถยังคงได้รับความไว้วางใจจากฝูงชนได้!" ฉินเหยึยนหอบหายใจอย่างหนักด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ

แม้นจะรู้สึกเสียใจที่ฉินหมิงหยวนจากไป แต่หลังจากลองประเมินสถานการณ์แล้ว การที่มันตกตายไปจะเป็นการดีอย่างยิ่งสำหรับใบหน้าของตระกูลฉินต่อจากนี้

"เพราะฉะนั้นห้ามพวกเจ้าพยายามสืบหาตัวตนของคนผู้น้้นเป็นอันขาด มิเช่นนั้น..." ฉินเหยียนจ้องมองใบหน้าของเหล่าผู้อาวุโสพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง