ตอนที่ 57 : ชี้โพรงให้กระรอก

~ เมืองเทียนเฟิง ~

ร่างสีทองของชายวัยกลางคนนั่งขมวดคิ้วอยู่บนเก้าอี้ในตำหนักหลังใหญ่ "ฉินเหยียนมีอาการป่วยเฉียบพลัน...ไป๋เฉินได้รับตำแหน่งผู้นำตระกูลฉิน...ฉินเฉิงออกจากตระกูลฉินไปในเวลาวิกฤตนี้" 

"แปลกมาก..." มันพยายามคิดตริตรองหลายชั้นหลายต่อ ก็มองเห็นได้ว่าข่าวทั้งสามข่าวนี้มีบางสิ่งผิดปกติ

"พี่ใหญ่ พวกเราจะยกทัพไปถล่มตระกูลฉินเลยหรือไม่? เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้เป็นยามที่ตระกูลฉินอ่อนแอที่สุดในรอบหลายสิบปี" ชายวัยกลางคนหันกลับไปถามความเห็นกับชายชราที่กำลังมุ่นคิ้วอย่างหนัก

แต่ชายชราโบกมือตอบกลับอย่างสงบ "เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าข่าวทั้งสามนี้เป็นแผนการของใครบางคน" 

"แผนการ?" ชายวัยกลางคนยังคงมีสีหน้าสับสน

ชายชราส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ "ฉินเหยียนมีอาการเจ็บป่วยและไป๋เฉินที่ไร้พลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำ ซ้ำยังฉินเฉิงที่แข็งแกร่งที่สุดกลับออกจากตระกูลฉินในยามที่กระสับกระส่ายเช่นนี้ ไม่ว่าจะมองอย่างไรมันคือการชี้โพรงให้กระรอกชัดๆ"

"ชี้โพรงให้กระรอก?" ชายวัยกลางคนค่อยๆตาสว่างขึ้นมาโดยพลัน

ชายชราพยักหน้าเล็กน้อย "แผนการทั้งหมดนี้ถูกวางไว้เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง ไม่ว่าจะมองอย่างไร ทั้งหมดนี้ราวกับว่าถูกจัดฉากขึ้นมาทั้งสิ้น"

"ร้อยวันพันปีไม่เคยมีสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในตระกูลฉิน ยิ่งฉินเหยียนมีอาการป่วยด้วยแล้ว ไม่มีทางที่ฉินเฉิงจะออกจากตระกูลไปในเวลานี้"

"เป็นไปได้ไหมว่าแผนการทั้งหมดนี้เป็นฝีมือของฉินเฉิง?" ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสงสัย

ชายชราทำได้เพียงพยักหน้าอย่างหนัก "นอกจากจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์นั่นแล้ว ข้ามิอาจคิดเป็นอื่นได้อีกต่อไป ดูเหมือนว่าการที่ไป๋เฉินจะได้กลับมาบำเพ็ญปราณนั้นเป็นเพียงสถานการณ์ที่ถูกสร้างขึ้นเท่านั้น"

"แล้วเจ้าฉินเฉิงทำไปเพื่อจุดประสงค์อะไร?" ชายวัยกลางคนยังคงมึนงง

"แน่นอนว่าเพื่อหลอกล่อกบฏของตระกูลฉินออกมาให้รีบเร่งแผนการในวันนี้ เพราะมันคือฤกษ์งามยามดีที่พวกมันกำลังรอคอย" ชายชราตอบกลับราวกับว่ามองแผนการได้อย่างทะลุปรุโปร่ง

ชายวัยกลางคนเรียบเรียงและเข้าใจสถานการณ์โดยสมบูรณ์ ก่อนจะเอ่ยถามในหัวข้ออื่น "แล้วเรื่องของหลิงซูพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป? 

"ข้าได้ส่งให้น้องสามไปตามหาหลิงซูแล้ว เกรงว่าวันพรุ่งอาจจะถึงเมืองเทียนหยุน" ชายชราตอบกลับพลางจิบชา

ชายวัยกลางคนผายมือกล่าวเสนอแนะ "เราไม่ควรแจ้งให้น้องสามกลับมาก่อนหรือ? สถานการณ์ในเมืองเทียนหยุนประดุจดั่งคลื่นใต้น้ำ คงไม่ดีแน่หากพวกเราเมืองเทียนเฟิงเข้าสู่เมืองเทียนหยุนในเวลานี้"

แต่ชายชราโบกมืออย่างแช่มช้า "ไม่จำเป็น น้องสามของคงจะไปถึงในวันพรุ่งนี้ และความโกลาหลภายในเมืองเทียนหยุนจะสิ้นสุดลงภายในวันนี้"

แต่ชายวัยกลางคนเลิกคิ้วสูงอย่างฉงน "ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่ามันจะสิ้นสุดภายในวันนี้?"

ชายชราแสดงสีหน้าทำอะไรไม่ถูก "อย่างที่ข้าบอกไป เหตุการณ์ในวันนี้คือการชี้โพรงให้กระรอก ซ้ำยังเป็นการบีบบังคับโดยสถานการณ์อย่างไม่มีทางเลือก แม้นว่าพวกมันมีความเฉลียวฉลาดเพียงใด กบฏตระกูลฉินย่อมไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปโดยเปล่าประโยชน์"

ชายวัยกลางคนผงกศีรษะอย่างเข้าใจ "แล้วน้องสามเดินทางไปยังเมืองเทียนหยุนกับผู้ใดบ้าง?"

"หลิงกง กงจื้อและกงอวี้" ชายชราตอบโดยไม่ปกปิด

"หลิงกง? มันจะไปที่นั่นเพื่ออะไร! เหตุใดมันจึงไม่บอกให้ข้าได้รับรู้!" ชายวัยกลางคนแสดงอาการเกรี้ยวกราดอย่างกะทันหัน

ชายชราแสดงสีหน้าใจเย็น "เจ้าหลิงกงดื้อรั้นที่จะไปพบเจอกับฉินเยว่ฉานเสียให้ได้ มันจึงได้มาขอร้องกับข้า ข้าได้สั่งให้น้องสามคอยห้ามปรามไว้แล้วว่าอย่าให้มันสร้างความเดือดร้อน"

ชายวัยกลางคนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ "เจ้าหลิงกงก็เป็นเช่นนั้น มันชมชอบฉินเยว่ฉานมาเนิ่นนาน ไม่แปลกใจที่มันจะแลดูกะตือรือร้นถึงเพียงนี้" 

"ข้าไม่ได้กังวลเรื่องนั้น ข้ากังวลเกี่ยวกับสำนักจากแผ่นดินใหญ่ต่างหาก... หากหลิงกงสร้างปัญหาในตระกูลฉิน เกรงว่าท่านผู้นั้นคงไม่ไว้หน้าพวกเราเป็นแน่" ชายชรากุมขมับอย่างช่วยไม่ได้

เมื่อกล่าวถึงท่านผู้นั้น นัยน์ตาของชายวัยกลางคนหดลีบลงราวกับรู้สึกสั่นกลัว "ข้าได้แต่หวังว่าเจ้าหลิงกงจะไม่บ้าพอที่จะแตะต้องนางและทำอะไรเกินเลย" 

ชายวัยกลางคนยกกระดกชาก่อนจะมองไปยังทิศทางของเมืองเทียนหยุนด้วยแววตาสุขุม

.

.

.

~ ศาลาปีกสวรรค์ ~

ร่างสวมหน้ากากไหมสีดำของไป๋เฉินปรากฏขึ้นภายในศาลาปีกสวรรค์ที่ซึ่งเป็นองค์กรนักฆ่าอีกหนึ่งสาขาที่หลิวอี้หลิวได้มีการจัดซื้อที่ดินไว้เพื่อหลีกเลี่ยงการพบเจอจากฉินเหยียน ตามมาด้วยร่างของฉางเฟิงและลุงเซี่ยอย่างกระชั้นชิด

ด้านในมีร่างของหลวนซิงที่สวมผ้าคาดเต็มร่าง แต่เขากำลังออกกำปั้นฝึกฝนอย่างไม่ย่อท้อ ข้างกายมีหลิวอี้หลิวนั่งทบทวนตำราอย่างขะมักขะเม้น 

"หลวนซิง ข้ากำชับแล้วมิใช่หรือว่าห้ามเจ้าขยับร่างกายจนกว่าอาการเจ้าจะหายดี" ไป๋เฉินที่เห็นว่าหลวนซิงกำลังกระทำเช่นนั้นก็กล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

หลวนซิงยิ้มเหยเกเกาศีรษะอย่างเคอะเขิน "ท่านอาจารย์ ข้าไม่เป็นไรแล้ว แค่มีอาการอิดออดเล็กน้อยเท่านั้น"

ไป๋เฉินส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ "อี้หลิวไปเรียกรวมสมาชิกทุกคนมาที่นี่ ข้ามีเรื่องใหญ่จะกล่าวถึงและมีเรื่องสำคัญที่จะให้พวกเจ้าตัดสินใจ" 

หลิวอี้หลิวพยักหน้าจากไปตามบุคคลที่เหลือมานั่งล้อมรอบไป๋เฉินไว้โดยมีฉางเฟิงและลุงเซี่ยยืนอยู่หลังเก้าอี้ของไป๋เฉินอย่างสงบเสงี่ยม

หลังจากนั่งลงล้อมรอบเป็นวงกลม ไป๋เฉินเคาะโต๊ะไม้เป็นจังหวะอย่างกับกำลังครุ่นคิด เขาปราดตามองนักฆ่าทั้งเก้าอยู่นานสองนานแต่มิได้กล่าวอันใด 

"ท่านอาจารย์ ท่านมีเรื่องอันใดกังวลใจหรือไม่?" หลวนซิงเอ่ยถามอย่างไม่อดทน

จู่ๆนัยน์ตาสีเลือดของไป๋เฉินฉายแสงแห่งความทำอะไรไม่ถูก "ข้าถามพวกเจ้า พวกเจ้าคนใดมีความสัมพันธ์กับฉินฟงอย่างลึกซึ้งบ้างหรือไม่?"

หลวนซิงและทั้งแปดมองหน้ากันชั่วครู่ โดยที่หลิวอี้หลิวตอบกลับเป็นคนแรก "ข้าและหลวนซิงถูกชักชวนมาโดยท่านฉินฟงเท่านั้น ก่อนหน้านี้พวกข้าแยกกันอยู่ แต่ท่านฉินฟงต้องการกองกำลังส่วนตัว ดังนั้นจึงได้เกิดสมาพันธ์นักฆ่านี้ขึ้น"

"ข้าเองก็เช่นกัน ก่อนหน้าข้าเคยอยู่วิหารโลหิตมาก่อน แต่ข้าถูกเนรเทศออกมาเนื่องจากที่ว่าทำภารกิจไม่สำเร็จ"

"พวกเราเป็นเพียงลูกชาวบ้านที่ยากจน จำใจต้องผันตัวมาเป็นนักฆ่า แต่ทว่าพวกข้าทั้งหกไม่มีความสัมพันธ์โดยตรงกับท่านฉินฟงนอกเสียจากพี่ใหญ่หลวนและพี่สาวหลิวชักชวนมาก็เท่านั้น"

ไป๋เฉินพยักหน้าเบาๆ เขาตัดสินใจก่อนจะกล่าวด้วยเสียงแผ่ว "ข้ามีข่าวบางอย่างจะบอกกล่าวแก่พวกเจ้า อีกไม่กี่ชั่วยามหลังจากนี้ ฉินฟงจะถูกสังหารรวมถึงกองกำลังทั้งหมดที่มันครอบครอง และตระกูลหยางจะล่มสลายไม่มีอยู่ในเมืองเทียนหยุนอีกต่อไป"

"อะไร!? ท่านกำลังหมายถึงอะไร?" นักฆ่าทั้งเก้าโพล่งคำถามเดียวกัน

ไป๋เฉินชำเลืองมองด้วยหางตากล่าวอย่างยิ้มแย้ม "ไม่จำเป็นต้องถามเหตุผลในตอนนี้ เอาล่ะ ข้ามีเพียงคำถามเดียวที่จะถามพวกเจ้า... เจ้าจะเลือกฉินฟงหรือเลือกอยู่กับข้า หากเจ้าเลือกฝ่ายของฉินฟงมีโอกาสสิบในสิบส่วนที่เจ้าจะตาย…"

"เพราะข้าจะไม่ช่วยฉินฟงให้รอดชีวิตจากวิกฤตที่เขากำลังประสบอยู่ แต่หากพวกเจ้าเลือกที่อยู่กับข้า ข้าสัญญาว่าพวกเจ้าทุกคนจะได้รับในสิ่งที่พวกเจ้าต้องการ อนาคตของเจ้าจะไร้ขีดจำกัด"

เมื่อกล่าวจบรัศมีอันยิ่งใหญ่แผ่ซ่านรอบกายของไป๋เฉินราวกับว่าเขาเป็นราชันย์ในหมู่มวลราชาทั้งปวง จนพวกเขาที่นี่อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นอย่างหวั่นกลัว

หลวนซิงย่นคิ้วลงในลักษณะสงสัย "ท่านถูกส่งมาจากท่านฉินฟงมิใช่หรือ? แล้วเหตุใดท่านจึงตัดสินใจเช่นนั้น"

รอยยิ้มจางๆเผยให้เห็นที่มุมปากผ่านหน้ากากไหมของไป๋เฉิน

ไป๋เฉินเอื้อมมือค่อยๆคลายเชือกของหน้ากากไหมด้านหลังออกอย่างเชื่องช้า และถอดหน้ากากไหมออกมาเผยให้เห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์หล่อเหลา แต่แฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมยากจะพรรณา...