ตอนที่ 171 แย่งชิงจิตวิญญาณ (2)
จวินอู๋เย่ากอดจวินอู๋เสียไม่ปล่อย เมื่อเห็นจวินอู๋เสียขมวดคิ้ว จึงขยับเข้าใกล้คอของนางแล้วกล่าวว่า “ถ้าเจ้าสนใจ ข้าจะอธิบายให้เจ้าฟัง”
จวินอู๋เสียเอียงศีรษะเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงความใกล้ชิดของเขา แต่ไม่ได้ผล เพราะทั้งร่างกายของนางติดอยู่ในอ้อมแขนของเขา จะให้นางหลีกเลี่ยงอย่างไร
“พูดสิ” นางสงบสติอารมณ์ลง
“ภูติวิญญาณคือวิญญาณที่อาศัยอยู่ในโลกภูติวิญญาณ บางส่วนมาจากวิญญาณสัตว์ร้ายโบราณ และบางส่วนมาจากทหารเทพเจ้าโบราณ หลังจากร่างกายของพวกเขาสูญสลายไป วิญญาณของพวกเขาจะกลับสู่โลกภูติวิญญาณ และพวกเขาจะใช้ชีวิตต่อไปในโลกภูติวิญญาณในสถานะภูติวิญญาณ จนกว่าบุคคลแห่งโชคชะตาของพวกเขาจะปรากฏ พวกเขาจึงจะมาอยู่เคียงข้างและผสานเขากับจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้น จนกว่าคนคนนั้นจะตาย ถึงมนุษย์จะตาย แต่ภูติวิญญาณจะไม่ตายตามไปด้วย หลังจากที่มนุษย์ตาย ภูติวิญญาณจะถูกส่งกลับสู่โลกภูติวิญญาณเหมือนเดิม เพื่อรอคอยบุคคลแห่งโชคชะตาคนต่อไป แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับเรื่องนี้...”
จวินอู๋เย่ามองใบหน้าด้านข้างของจวินอู๋เสีย และพบว่านางเริ่มคลายคิ้วที่ขมวดลงแล้ว ดวงตาของนางก็เริ่มจริงจังขึ้นมา จึงเกิดรอยยิ้มขึ้นในหัวใจ และกล่าวต่อว่า “หลังจากภูติวิญญาณผสานเข้ากับจิตวิญญาณของมนุษย์ แม้ว่าภูติวิญญาณจะไม่ตายเมื่อมนุษย์ตาย แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ถูกแยกออกจากกัน มีสถานที่บางแห่งที่คิดค้นวิธีการแยกภูติวิญญาณและจิตวิญญาณของมนุษย์ให้ออกจากกัน แย่งชิงภูติวิญญาณจากเจ้าของร่างและให้ภูติวิญญาณของตัวเองซึมซับเข้าไป"
"หลังจากที่ภูติวิญญาณออกจากโลกภูติวิญญาณ ความเร็วในการฝึกฝนพลังจะลดลงมาก หากต้องการจะเพิ่มความเร็วในการบ่มเพาะพลังของพวกเขา ก็ต้องหาสื่อกลางที่สามารถช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของพวกเขา หรือก็คือให้พวกเขากลืนภูติวิญญาณตนอื่นนั่นเอง”
จวินอู๋เสียหยุดชะงักไปชั่วครู่ และนางมั่นใจว่าอย่างน้อยคนในรัฐชีไม่มีผู้ใดรู้จักการวิธีนี้ และเมื่อสักครู่จวินอู๋เย่าก็ได้กล่าวแล้วว่า ‘นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรรู้’
“เสี่ยวเฮยยึดวิญญาณของภูติตนอื่นมาเหรอ” จวินอู๋เสียเอ่ยถาม
จวินอู๋เย่าส่ายหัว แนบใบหน้าลงบนเส้นผมของนาง และกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “การยึดวิญญาณไม่ใช่สิ่งที่ภูติวิญญาณจะทำสำเร็จได้ด้วยตัวเอง เสี่ยวเฮยของเจ้าเป็นกรณีพิเศษ ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนว่ามีภูติวิญญาณแห่งสัตว์ร้ายตนใดสามารถแยกภูติวิญญาณและจิตวิญญาณของมนุษย์ให้ออกจากกันและกลืนกินภูติวิญญาณตัวอื่นได้ด้วยตัวเอง มันพิเศษมาก พิเศษเหมือนเจ้า”
“ขั้นตอนการยึดวิญญาณกลายเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาก แต่ก็ไม่ง่ายที่จะย่อยพลังของภูติวิญญาณตัวอื่นอย่างสมบูรณ์ โชคดีที่สิ่งที่มันกลืนกินในครั้งนี้เป็นเพียงภูติวิญญาณแห่งสัตว์ร้ายระดับห้า ถ้าเกินระดับเจ็ด เกรงว่าร่างกายของมันจะรับไม่ไหว”
“ระดับห้า? ระดับเจ็ด?” จวินอู๋เสียรู้สึกว่านางยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ
จวินอู๋เย่าหัวเราะออกมาเบาๆ และอธิบายให้นางฟังอย่างอดทน
“ระดับของภูติวิญญาณของพวกเจ้าในที่แห่งนี้ มีมากสุดได้แค่เจ็ดระดับเท่านั้น ดังนั้นความแตกต่างของแต่ล่ะระดับจึงไม่ชัดเจน ข้าจะบอกวิธีแยกแยะระดับของภูติวิญญาณให้เจ้าฟังในภายหลัง หากเสี่ยวเฮยของเจ้าสามารถซึมซับจิตวิญญาณของราชสีห์ทองคำยักษ์ได้สำเร็จ ระดับพลังของมันก็จะเพิ่มขึ้น”
จวินอู๋เสียกัดริมฝีปากตัวเอง นางรู้สึกว่าบนตัวของจวินอู๋เย่ามีความลับมากขึ้นเรื่อยๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดคำว่า ‘ที่แห่งนี้’ ออกมา
ราวกับว่าเขารู้ถึงความคิดของจวินอู๋เสีย จวินอู๋เย่าจึงยิ้มและกล่าวไปว่า "อย่ากังวลไปเลย ไม่ว่าข้าจะมาจากที่ใด ข้าก็จะไม่ทำร้ายเจ้า"
"เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว" จวินอู๋เสียก้มศีรษะลงและมองดูแขนที่โอบรอบเอวนางไว้ คนนี้ก็ช่างแปลกเสียจริง ทุกครั้งที่เขาเห็นนางเขามักจะชอบกอดนางไว้เสมอ
จวินอู๋เสียไม่ได้ปฏิเสธท่าทางที่ใกล้ชิดแบบนี้ แต่ก็ไม่ได้ชอบมันเช่นกัน