ตอนที่ 176 จัดการ (2)
หากไม่มีการสนับสนุนจากจวินอู๋เสีย มั่วเฉี่ยนยวนไม่มีวันได้ครองบัลลังก์ในชีวิตนี้
จวินอู๋เสียเหลือบมองเล็กน้อย ฮ่องเต้ผู้เป็นเหมือนสุนัขจรจัดไร้ที่อยู่ ไม่นานสายตาของเขาก็จ้องมองไปที่มั่วเฉี่ยนยวนผู้กล้าหาญที่นั่งอยู่บนบัลลังก์อีกครั้ง
“เจ้าคิดว่าเพราะเหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้”
อดีตฮ่องเต้หยุดชะงักไปครู่หนึ่ง กัดฟันและกล่าวว่า “ ความทะเยอทะยานที่โฉดชั่ว ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
จวินอู๋เสียมองเขา “แรกเริ่มเขาเป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์ แต่กลับถูกเจ้าเลี้ยงให้กลายเป็นหมาป่า เจ้าฆ่ามารดาของเขา และทำลายตระกูลของท่านปู่ของเขาทั้งหมด แถมยังวางยาพิษเขา ในเมื่อเจ้าทำทุกทางเพื่อไม่ให้เขามีชีวิตอยู่ ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างบุตรบิดา แล้วตอนนี้เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเป็นบิดาของเขาได้อีกหรือ"
เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆ ในชาติก่อนคนคนนั้นไม่ปฏิบัติกับนางเหมือนญาติทางสายเลือด เขากักขังนางไว้ทั้งวันเหมือนกับสุนัขตัวหนึ่ง ในชาตินี้นางจึงได้รู้จากจวินเสี่ยนว่าจริงๆ แล้ว ‘ปู่’ ควรเป็นแบบนี้ต่างหาก
กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง
ที่มั่วเฉี่ยนยวนมาถึงจุดนี้ได้ ไม่ใช่เพราะอดีตฮ่องเต้บีบบังคับให้เขาต้องเป็นเช่นนี้หรอกหรือไง
อดีตฮ่องเต้มีสีหน้าสิ้นหวังและพูดไม่ออก
“ถึงเวลาจัดการกับพวกเจ้าแล้ว” จวินอู๋เสียเหลือบมองอดีตฮ่องเต้และส่งสายตาให้กับกองทัพรุ่ยหลินที่จับเขาไว้
อดีตฮ่องเต้ตื่นตกใจ ความกลัวที่มีต่อจวินอู๋เสียในใจของเขาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากจะอ้าปากและตะโกนออกมา แต่ก็ถูกกองทัพรุ่ยหลินปิดปากเขาไว้อย่างแน่นหนาและลากเขาออกจากมุมท้องพระโรงอย่างรุนแรง
คุกใต้ดินในวังหลวงเป็นสถานที่ที่ไม่อาจแพร่งพรายของราชวงศ์ มันถูกซ่อนไว้และเต็มไปด้วยความมืด นอกจากคนในราชวงศ์แล้ว น้อยคนนักที่จะรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้อยู่ อดีตฮ่องเต้หลายพระองค์จัดการหอกข้างแคร่ที่นี่ไปไม่รู้กี่คน ในวันนั้นจวินเสี่ยนก็ถูกขังไว้ที่นี่เพื่อรอความตายของเขา
อดีตฮ่องเต้ถูกกองทัพรุ่ยหลินลากเข้าไปในคุกใต้ดิน เสียงโซ่ตรวนที่พันอยู่ที่ข้อเท้ากระทบกันดังชัดเจนเป็นพิเศษเมื่ออยู่ในคุกใต้ดินที่ว่างเปล่านี้
ทั้งสองด้านของคุกใต้ดิน ด้านหลังราวเหล็กทั้งสองข้าง มั่วเซวี่ยนเฝ่ยและไป๋อวิ๋นเซียนถูกขังแยกคนละห้อง เสียงโซ่ตรวนปลุกพวกเขาให้ตื่นจากความกลัวในความฝัน ทันใดนั้นพวกเขาก็ลืมตาขึ้นและมองออกไป
ในเวลานี้ มั่วเซวี่ยนเฝ่ยไม่เหลือเกียรติและความสง่างามขององค์ชายรองอีกต่อไป ภูติวิญญาณถูกทำลาย ขาทั้งสองข้างถูกทำลาย และมือทั้งสองข้างของเขาถูกมัดไว้กับรถเข็น แม้แต่เวลานอนก็ทำได้แค่เอนศีรษะนอน นอนราบลงไปไม่ได้ เสื้อผ้าบนตัวก็สกปรกมาก คราบเปื้อนโลหิตและสิ่งสกปรกได้ปกปิดสีเดิมของเสื้อและผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงก็มีเศษหญ้าติดอยู่ หลังจากถูกทรมานด้วยความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแล้วทำให้ใบหน้าของเขาซีดเซียว แก้มทั้งสองข้างก็ซูบตอบลงเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างอ่อนล้า และสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือความกลัวที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ดูไม่เป็นผู้เป็นคน สภาพแบบนี้หากถูกโยนทิ้งไว้บนถนนก็ไม่มีใครเชื่อว่าเขาคือองค์ชายรองผู้สง่างามคนนั้น
เขาสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะเสียงโซ่ตรวน และใบหน้าที่เปรอะเปื้อนของเขาเต็มไปด้วยความกลัว เขาเห็นว่าท่านพ่อของเขาถูกกองทัพรุ่ยหลินลากกลับมาที่คุกใต้ดินและถูกโยนเข้ามาในกรงขังที่เขาอยู่เหมือนปศุสัตว์
“องค์ชายรอง สบายดีหรือไม่” เสียงเยือกเย็นดังมาจากนอกกรงขัง รูม่านตาของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยหดตัวลงอย่างกะทันหัน และร่างกายของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้
เขาหันศีรษะและมองไปที่จวินอู๋เสียที่ยืนอยู่นอกกรงขังด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา
นางสวมชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อน ซึ่งเป็นสีที่ไม่ค่อยมีคนนิยมสวมใส่แต่แสดงอุปนิสัยของนางออกมาได้ดี ใบหน้าเล็กที่งดงามนั้นไม่แสดงอารมณ์แม้แต่เล็กน้อย นางมองเขาด้วยแววตาที่ว่างเปล่าราวกับมองสุนัขที่ตายไปแล้ว